Home » หนังไทย พ.ศ. 2540 - 2549 » พ.ศ. 2549 » Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ผู้กำกับ : นิธิวัฒน์ ธราธร
วันเข้าฉาย : 31/08/2006
ฤดูกาลแห่งความรักของป้อมเริ่มต้นในเช้าวันหนึ่ง วันแดดใสหลังการสอบปลายภาคของชั้นมัธยมต้น วันที่ป้อม – เด็กชายธรรมดาๆ จากโรงเรียนสายสามัญ คนที่ทุกอย่างเป็นกลางๆ ไปเสียหมด หน้าตากลางๆ ตัวสูงกลางๆ เรียนกลางๆ เว้นแต่มีลีลากระหน่ำกลองร็อกเหมือนคาบไม้กลองมาเกิด ก้าวเข้าสู่
โลกใหม่เพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เช้าแรกของหน้าร้อนนั้น ป้อมตาม “ดาว” ขวัญใจของรุ่นผู้ที่ทั้งเรียนเก่ง น่ารัก นิสัยดี มีความสามารถทางไวโอลินเป็นเลิศ ไปถึง “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล” โรงเรียนมัธยมปลายแห่งเดียวของประเทศไทย ที่สอนหลักสูตรวิชาสามัญเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่เน้นสอนดนตรีถึง 70 เปอร์เซ็นต์
ดาวมาสมัครเรียน “ศาลายา” เพราะใจรัก ส่วนป้อมมาสมัครเรียนเพราะตามหญิง
ดาวสมัครเข้าวงออร์เคสตร้าเพราะใจรัก ส่วนป้อมสมัครเข้าวงเพราะตามหญิง
ดาวเล่นไวโอลินเพราะใจรัก ส่วนป้อมเปลี่ยนจากเล่นกลองชุดมาตีทิมปานี เพราะตามหญิง
ป้อมได้แต่คิดในใจว่า ทีนี้แหละ ดาวบนฟ้าต้องหล่นใส่หัวเขาแน่นอน
โดยที่ไม่รู้เลยว่า เมื่อเข้าไปสู่โลกของดนตรีคลาสสิกแล้ว ฝนจะเทลงมาห่าใหญ่พร้อมความจริงที่ว่า
มือโซโล่กลองระดับพรสวรรค์อย่างป้อม เหลือโน๊ตกลองทิมปานีให้ตีเพลงละทีเดียว!
นักแสดง
ชุติมา ทีปะนาถ …อ้อม
ยุวนาถ อาระยานิมิตสกุล …ดาว
วิทวัส สิงห์ลำพอง …ป้อม
รัชชุ สุระจรัส …เฉด
เฉลิมพล ตันติ์ทวิสุทธิ์ …ฉัตร
ยาโน คาซูกิ
ปาณิสรา พิมพ์ปรุ …โรซี่
ดนตรี หรือ ความรัก
ร็อค หรือ คลาสสิค
รักครั้งแรก หรือ เพื่อนสนิท
ปล่อยวาง หรือ เล่นของสูง
ทางแยกที่คุณต้องเลือก
เรื่องย่อ
ฮัดเช้ย!
เวลาที่เราจาม เป็นเพราะมีคนคิดถึง หรือเพราะอากาศเปลี่ยนกันแน่นะ?
ปลายฤดูหนาว…หลังเรียนจบ ม. 3 “ป้อม” ตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โรงเรียนที่สอนดนตรีเป็นวิชาชีพตั้งแต่ชั้น ม. ปลาย…เพราะความรัก
แต่ไม่ใช่เพราะรักดนตรีหรอก มันรักผู้หญิงต่างหาก
…เธอชื่อ “ดาว”…สวย เรียบร้อย เรียนเก่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ทั้งโรงเรียน รวมถึงไอ้ป้อมด้วย มันได้แต่แอบมองเธอห่าง ๆ มาตลอด 3 ปี พอรู้ว่าดาวมาสอบเข้าที่นี่ก็เลยตามมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักโรงเรียนนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
…แล้วป้อมก็สอบติด! ด้วยพรสวรรค์การตีกลองระดับอัจฉริยะที่พระเจ้าประทานมาให้ ทดแทนความไม่เอาไหนในเรื่องอื่น ๆ ของมัน
…แต่เรื่องวุ่นวายเอาตรงที่พ่อกับแม่ดันเข้าใจผิดว่าลูกชายสอบติด “เตรียมหมอ”??? ป้อมก็เลยต้องปิดเรื่องรงเรียนเป็นความลับไปพร้อม ๆ กับเรียนรู้โลกใบใหม่ที่แสนสนุก เพราะที่นี่เน้นหนักเรื่องดนตรีที่มันถนัดล้วน ๆ ถึง 70 % ส่วนที่เหลือถึงจะเป็นวิชาสามัญจำพวกเลข วิทย์ อังกฤษ ภาษาไทย ฯลฯ ที่เคยเป็นยาขมมาก่อน
…แล้วจู่ ๆ ไอ้ป้อมก็ดันทิ้งพรสวรรค์ด้านการตีกลองชุดไปสมัครเข้าวงออร์เคสตร้า เพื่อหาทางใกล้ชิดกับดาวที่เป็นนักไวโอลินมือหนึ่งอยู่ในนั้น …แม้นาน ๆ ทีถึงจะได้ตีกลองทิมปะนีสักแปะ แต่แค่นี้ก็มีความสุขแล้วกับการได้อยู่ใกล้ผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักเข้าไปอีกนิด
…แต่ผ่านฤดูฝนเข้าไปแล้ว ความสัมพันธ์กับดาวก็ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน ในขณะความเอาจริงเอาจังของ “อ้อม” เพื่อนซี้ที่นั่งตีฉาบอยู่ข้าง ๆ กลับทำให้ป้อมเริ่มสนใจดนตรีคลาสสิคขึ้นมาทีละนิดเธอคนนี้น่ะ สอบเข้ามาด้วยคะแนนทฤษฎีที่เป็นอันดับหนึ่ง แต่ฝีมือเล่นดนตรีกลับไม่เอาไหน จนอาจารย์ต้องเลื่อนให้มานั่งตีฉาบอยู่ข้าง ๆ ไอ้ป้อม
…แล้ววันหนึ่ง ดาวก็หล่นจากฟ้ามาชวนให้ป้อมสอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยกัน นั่นแปลว่า ป้อมต้องกลับไปฟื้นฟูพรสวรรค์ด้านดนตรีสากลของตัวเองขึ้นมาใหม่
…เมื่อฤดูหนาวเวียนกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่เรื่องโรงเรียนก็ยังเป็นความลับกับที่บ้าน และถึงเวลาที่ป้อมต้องตัดสินใจ ระหว่างดาวกับอ้อม ระหว่างดนตรีสากลกับดนตรีคลาสสิค
…ไอ้ป้อมที่เคยใช้หัวใจเลือกทางเดินให้ชีวิตตัวเองมาตลอด ชักเริ่มมีปัญหา
…เพราะไม่แน่ใจหัวใจตัวเองจะเปลี่ยนแปลงเหมือนอากาศหรือเปล่า?
เพราะอากาศมันชอบแปรปรวน หัวใจก็เลยชอบปรวนแปร
…จีทีเอช ร่วมกับ บีบีทีวี โปรดัคชันส์ รวมใจเสนอ ภาพยนตร์รักใส ๆ สไตล์โรแมนติก-คอเมดี้ เรื่อง “SEASONS CHANGE เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” ภาพยนตร์ชีวิตวัยรุ่นที่จะเข้าใจและเรียนรู้จักตัวเองผ่านความรัก, ดนตรี และฤดูกาล
…ภาพยนตร์ที่ถูกเล่าเรื่องเป็นฤดูกาล เพื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของคนทั้งสาม ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูต่าง ๆ ทั้งร้อน ฝน และหนาว ภายในระยะเวลา 1 ปี เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนล้วนเคยผ่านประสบการณ์การเลือกอะไรบางอย่างในชีวิต หรือเจอทางแยกของชีวิตมาแล้ว โดยเล่าผ่านความรักที่คนสัมผัสได้ง่าย บวกกับดนตรีที่จะทำให้คุณอิ่มเอมใจ ซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ร่วมที่สะกิดอารมณ์ และเข้าถึงความรู้สึกคุณได้เป็นอย่างดี
…จากผลงานการกำกับของ “ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร” 1 ใน 6 ผู้กำกับ “แฟนฉัน” ที่ได้รับคำชักชวนจากผู้กำกับมาดนุ่มลุ่มลึกอย่าง “เก้ง จิระ มะลิกุล” ให้มาทำหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่ได้มีโอกาสเข้าไปใน “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล” รู้สึกประทับใจในโรงเรียนสอนดนตรีแห่งนี้มาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่สอนแต่ดนตรีเป็นหลัก และรับเด็กตั้งแต่ชั้น ม. 4 ซึ่งเป็นสิ่งที่ดูพิเศษมาก ไม่มีที่ไหนเป็นอย่างนี้ จากเด็กอายุ 15 ที่อยากเรียนดนตรีและกล้าตัดสินชีวิตว่าอยากจะเป็นนักดนตรี ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ เพราะต้องเจอกับคำถามของผู้คนว่า จบออกมาแล้วทำอะไร ? แต่สำหรับที่นี่ “จะไม่สอนให้คุณไปหางาน แต่จะสอนให้ไปสร้างงาน” ซึ่งเป็นคำกล่าวของ “อาจารย์ สุกรี เจริญสุข” ผู้อำนวยการโรงเรียน เลยยิ่งสร้างความประทับใจ และได้มุมมองใหม่ ๆ ในการทำหนังมากยิ่งขึ้น
…“SEASONS CHANGE เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” ภาพยนตร์ไทยวัยรุ่น รักโรแมนติก และดนตรีไพเราะ ที่ดูอารมณ์ดี ดูกี่ทีก็ยิ้ม และอิ่มในหัวใจ
บันทีกปากคำ : ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร (ผู้กำกับภาพยนตร์)
…ถ้าเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต มีโรงเรียนดนตรีอย่างวิทยาลัยดุริยางคศิลป์อยู่ ป่านนี้คงไม่มีผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อ “ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร” แล้ว เพราะคงไปได้ดิบได้ดีในการเป็นนักดนตรีมืออาชีพแทน เนื่องจากช่วงวัยเด็กนั้น หนุ่มต้นสนใจและรักในดนตรีและการเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจ โดยมีฮีโร่ทางดนตรีอย่าง “ป้อม อัสนี โชติกุล” อยู่ในหัวใจ เอาเข้าจริง ๆ แล้วก็ชอบพอ ๆ กับการดูหนัง แต่เพียงเพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีอาชีพการทำหนัง และมีการเรียนการสอนให้ทำหนังแบบนี้อยู่ด้วยต่างหาก
…และนั่นคือความโชคดี ที่ทำให้ตอนนี้เราไม่ขาดผู้กำกับหนุ่มไฟแรงมือดีไปอีกคน เพราะหลังจากประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง “แฟนฉัน” แล้ว มาคราวนี้ก็ถึงคราวออกโรงกำกับเดียวครั้งแรก กับการชักชวนของฮีโร่ในการทำงานอย่าง “เก้ง จิระ มะลิกุล” เพราะเห็นในความรักดนตรี รักเด็กวัยรุ่น (เอ๊ะ…ยังไง) และรักจะทำหนังวัยรุ่นของเค้านั่นเอง
…หลังจากตกลงปลงใจกับพี่เก้งที่จะทำหนังเรื่องนี้แล้ว ก็ได้ชักชวนกันไปที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์กันสองต่อสอง เพื่อพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน และจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แต่ปรากฏว่าพี่เก้งติดธุระด่วน เลยต้องเข้าไปที่นั่นคนเดียว โดยได้รับการต้อนรับด้วยโชว์วงออร์เคสตร้าแบบเต็มวง ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมาก หลังจากวันนั้นเลยแทบอดรนทนไม่ไหว รีบรวบรวมพลพรรคเขียนบทเพื่อทำเป็นหนังทันที
…หนังเรื่องนี้มีจุดที่ดึงเอา Conflict ของครอบครัวที่บ้านของผู้กำกับเองมาใส่ในหนังด้วย คือ ช่วงที่จบจากนิเทศศาสตร์ ทางบ้านก็เริ่มเป็นห่วงว่าจะทำมาหากินอะไร เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีเงินเดือน และหนังไทยตอนนั้นก็ยังไม่บูมเหมือนตอนนี้ แต่สุดท้าย เมื่อ “แฟนฉัน” ประสบความสำเร็จ ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้ จนทางบ้านเอาไปอวดเพื่อน ๆ ว่า มีลูกเป็นผู้กำกับ (น่าชื่นใจ) คือสุดท้ายต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่า สิ่งที่ได้ตัดสินใจเลือกไปนั้น เป็นสิ่งที่เรารัก และจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่หนังต้องการพูดถึง
…ในแง่ของการทำงาน เรื่องที่ยากที่สุดคงหนีไม่พ้น การประนีประนอมกับความต้องการของผู้กำกับเอง เพราะในบางครั้งในการทำงานไม่สามารถทำได้ 100 % ในทุก ๆ อย่าง จึงต้องมองในภาพรวม ยอมที่จะปรับบางสิ่งบางอัน เพื่อควบคุมภาพรวมให้ได้ และดำเนินงานต่อไปได้ แต่จะว่าไปผู้กำกับหนุ่มคนนี้ก็ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำงานในครั้งใด ก็ตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหนังเสร็จออกมาก็แฮปปี้ ไม่อายใคร พร้อมแอ่นอกยอมรับ แม้ว่าคนดูจะชอบหรือไม่ชอบแค่ไหนก็ตาม เพราะได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
…พูดถึงเรื่องการทำงานไปแล้ว ขอเอ่ยถึงนักแสดงกันบ้าง เริ่มกันที่หนุ่ม “บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง” (ป้อม) เป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่เคยบ่นเลยซักคำ ทำหน้าที่อย่างดี ไม่งอแง แต่หนุ่มคนนี้ชอบติดหล่อ บางทีอยากได้หน้าฮา ๆ จนผู้กำกับต้องคอยบอกว่า พระเอกมันเป็นคนโง่ ๆ และก็ตลก เพราะคนแบบนี้ผู้หญิงชอบ และที่สำคัญถ้าทำตัวหล่ออย่างนั้น มันก็จะไม่ใช่คนที่ดาวไม่เคยมองเห็น และอีกอย่างที่ไม่เหมือนในหนังเลย แบบว่าตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง คือไม่ได้มีความขี้อายกับผู้หญิงเอาซะเลย เพราะจริง ๆ แล้วพร้อมที่จะพูดคุยกับผู้หญิงได้เสมอ
…ส่วน “ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ” (อ้อม) เป็นผู้หญิงหน้าตาดี ที่พร้อมจะทำอะไรตลกได้อย่างไม่ขัดเขิน คือให้เต้นก็เต้น เอาตลก ๆ ก็ทำ แล้วก็เป็นคนที่อยากทำให้ตลกตลอดเวลา เพราะเธอบอกว่าอยากเป็น “เจเน็ท เขียว” บางทีผู้หญิงที่สวยเค้าจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรแบบนี้ แต่เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่าง
…มาถึง “นาถ ยุวนาถ อาระยานิมิตสกุล” (ดาว) เธอจะเป็นเด็กเอ๋อ งง ๆ หน่อย แต่ก็น่ารักในทางของเค้า เวลาอธิบายต้องอธิบายหลาย ๆ ที แต่ข้อดีคือเป็นธรรมชาติ รู้สึกว่าแคสมาแล้วไม่ผิดหวัง
…ส่วน “พลุ เฉลิมพล ตันติ์ทวิสุทธิ์” (ฉัตร) เป็นเด็กวนทีนในเนื้อแท้ และโดยสันดานเลย แต่นี่ก็คือตัวตนที่เราอยากได้ แล้วก็มักชอบพูดมาก ซึ่งทำให้คาแร็คเตอร์นี้ดูมีชีวิตขึ้นมา แต่บางทีก็ทำให้จังหวะมุขมันจะผิดไปบ้าง ด้วยความชอบพูดเยอะนั่นเอง
…มาถึงคนสุดท้าย น้อง “ว่าน รัชชุ สุระจรัส” (เฉด) เป็นเด็กที่มีคาแร็คเตอร์มาก แรก ๆ เป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออก ขี้เขิน แต่พอรวมกลุ่มรวมก๊วน มีลูกคู่แล้ว ก็เปลี่ยนกลายเป็นคนละคน จะเป็นแนวกวนทีนขึ้นมาเลยทีเดียว
…และทั้งหมดนี้คือ ส่วนผสมของหนังที่เพาะบ่มไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป มาถึงนาทีนี้ ส่วนผสมทุกอย่างก็เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันอย่างดีแล้ว พร้อมออกมาสู่ฤดูกาลใหม่ และพร้อมรับมือกับอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเต็มทีกับ…SEASONS CHANGE เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย…