Home » » มอ ๘

มอ ๘

 



มอ ๘ : กระโปรงบานขาสั้นยุค 2500  
เขียนโดย ครูแนะแนวสหศึกษา  
ศุกร์, 07 เมษายน 2006

กำหนดฉาย : 11 พ.ค. 2549

ทีมงานสร้าง : ดราม่า-คอเมดี้ (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย) / ฟิล์ม เอเชีย (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้าง) / นพพร วาทิน (ควบคุมงานสร้าง) / ยงยุทธ พินิจพงศ์ (กำกับภาพยนตร์) / ภิญโญ กรองทอง, ยงยุทธ พินิจพงศ์, วศิณ ปกป้อง (บทภาพยนตร์) / ปรีชา ชื่นชม (กำกับภาพ) / นัฐฏ์ นุตเวช (ออกแบบงานสร้าง) / จิรจรัส มรรคดวงแก้ว (ลำดับภาพ) / นรินทร ณ บางช้าง (ดนตรีประกอบ) / ปง รามอินทรา (บันทึกเสียง) / สุนันท์ ตระกูลสุนทร (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / นนทพัฒน์ อมรไชย (แต่งหน้า) / จิรายุทธ์ นุ่มสังข์ (ทำผม)

ทีมนักแสดง : พัชรศรี เบญจมาศ (กาละแมร์), มีสุข แจ้งมีสุข, ท่าน สว. ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช, อนิศ โอสถานุเคราะห์ (กิ๊ก), อติกานต์ หนุนภักดี (จิ๊บ), ดารณีนุช โพธิปิติ, สาธิดา เขียวชะอุ่ม ฯลฯ

เรื่องย่อ

เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมน

กระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย

ก่อให้เกิดโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทย

แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ กลับถูกปิดกั้นจากครูสมปัติสุดเฮี้ยบ

นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร...???

...ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้งโรงเรียนสหศึกษาเป็นแห่งแรก โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ โรงเรียนดรุณีศึกษา โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล "โรงเรียนสตรีดีเด่น" ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ โรงเรียนอักษรศิลป์ โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า "เรียนดี กีฬาเด่น"

...ครูบุญรอดครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ "ครูสมปัติ" ครูสาวจอมเฮี้ยบ และ "ครูเกษร" ครูสาวเรียบร้อยแสนหวาน สองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกาย งามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท

...ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรี และความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า "ดอกไม้เหล็ก"

...ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่าม ๆ ซน ๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์

...ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์ เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารัก ๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด

...ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี จนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทราย โดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

...กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง คุณหญิงกุหลาบจึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์ โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียน ถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้


รายละเอียดงานสร้าง

... เมื่อผู้หญิงฝีปากกล้าอย่าง กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ และผู้หญิงฝีปากคมอย่าง ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ต้องมาพลิกคาแร็คเตอร์ครั้งสำคัญกับบทคุณครูสุดเฮี้ยบยุคคุณแม่ยังสาว แถมยังต้องปราบนักเรียนสุดทะโมนทั้งชายหญิง เพื่อนำโครงการนำร่องโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทยให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และที่สำคัญต้องคอยเป็นกันชนให้กลุ่มดอกไม้เหล็กที่มีหนุ่ม ๆ ตามจีบชนิดที่เรียกว่าหัวกระไดหอพักไม่แห้ง

...ภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ บอกเล่าความผูกพันของครูสมปัติและครูเกษรที่เป็นเพื่อนรักกัน เกิด วันเดียวกัน ปีเดียวกัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และมีความฝันเหมือนกันคือ มุ่งมั่นที่จะเป็นครูที่ดี แต่ด้วยนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทำให้เกิดเรื่องราวอลหม่านภายใต้ชายคาของโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทย และเรื่องราวสุดวุ่นวายดังกล่าวที่จะพาผู้ชมย้อนอดีตไปสู่วัยเรียนในปี พ.ศ.2500 ปีที่ความรักยังคงเป็นสิ่งสวยงาม น่าทะนุถนอมและไม่โหดร้ายเช่นปัจจุบัน

... ภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และ บริษัทฟิล์ม เอเชีย ของมด นพพร วาทิน ซึ่งกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อวงการหนัง หลังจากประสบความสำเร็จกับหนังสุดฮ็อตที่จับ สมชาย เข็มกลัด ปะทะ ศรัณย์ สาครสิน เมื่อปี 2537 เรื่อง "ตุ๊ ต๊ะ ต๋อม แต๋ม สุภาพบุรุษ ตัวต." ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมากมายจากภาครัฐอย่าง "เด็กเสเพล" และ "วัยระเริง" ส่วนผลงานเรื่องสุดท้าย "อั้งยี่ ลูกผู้ชายพันธุ์มังกร" หนังแอ็คชั่น–ดราม่า ที่นำเอาซูเปอร์สตาร์ชาวไต้หวันอย่าง หลินจื้ออิง ประกบนักร้องเพลงร็อคอย่าง อำพล ลำพูน ก็กวาดรางวัลจากหลายสถาบัน

...และการกลับมาครั้งนี้ นพพร วาทินเลือกผู้กำกับโฆษณาฝีมือดี จือ ยงยุทธ พินิจพงศ์ ที่เคยกำกับงานสุดฮาอย่างโฆษณาน้ำยาขัดห้องน้ำ วิกซอล ชุด "เสียหมาเลยเรา" รับหน้าที่กำกับแทนด้วยเหตุผลที่ว่า "ตัวผมไม่ได้ทำหนังมานานกว่า 8 ปี ใจจริงอยากทำหนังมาก รออยู่นานและตอนนี้ก็พร้อมที่จะผลิตหนังแล้ว เมื่อมีโอกาสจึงเข้าไปคุยกับเสี่ยเจียงเล่าโปรเจกต์หนังเรื่อง มอ ๘ ให้ฟัง ปรากฏว่าเสี่ยสนใจจึงร่วมลงทุนด้วย แต่เรื่องนี้ผมรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ และให้ จือ ยงยุทธ รับหน้าที่กำกับ เพราะเขาเป็นคนมีฝีมือและมุ่งมั่น ค่อนข้างเต็มที่กับการทำงาน ก็มีโอกาสนั่งคุยปรากฏว่า ความตั้งใจตรงกันและเขาก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้รายการหักหลังผู้ชายออนทีวี ซึ่งค่อนข้างสนิทกับกาละแมร์ ก็เลยคิดว่าน่าจะทำงานกันง่าย"


ยงยุทธ พินิจพงศ์ จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2532 ด้วยความเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตบวกกับความชื่นชอบทางด้านศิลปะ เมื่อจบมายงยุทธจึงสมัครงานบริษัทโฆษณาในตำแหน่งอาร์ตไดเร็คชั่น และเขยิบมาเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์อย่าง แสบคูณสอง, รักกันสนั่นเมือง ของบริษัททริปเปิ้ลทู ก่อนที่จะร่วมลงทุนเปิดบริษัทรับงานฟรีแลนซ์กำกับ โฆษณาวิกซอล ชุดเสียหมาเลยเรา เป็นเรื่องแรก จนกระทั่งรู้จักกับนพพร วาทิน ซึ่งชักชวนให้มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ใน รายการหักหลังผู้ชายออนทีวี และเมื่อนพพรเปิดบริษัท ฟิล์มเอเชีย รับผลิตภาพยนตร์อีกครั้ง จึงยื่นตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ ให้เป็นหน้าที่ของยงยุทธ พินิจพงศ์

"มีอยู่วันหนึ่งที่ผมไปถ่ายรายการและนั่งคุยกับพี่มด พี่มดเขาก็ถามว่าเอ๊!! จือเราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคม มาทำเป็นหนังกันดีมั้ย ผมก็พูดขึ้นมาว่าทำเรื่องนักเรียนดีไหม หรือว่าเรื่องของวัยรุ่น ซึ่งพี่มดก็สนใจเช่นกัน และเราก็ดูจากคาแร็คเตอร์ของกาละแมร์และไก่ ก็เลยลองทำดู ตอนแรกคิดว่าจะทำปัญหาวัยรุ่นแต่มันก็ดูตรงเกินไป จึงคิดทำหนังพีเรียดสมัยรุ่นคุณพ่อคุณแม่ เหมือนเป็นการยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า ความรักในสมัยก่อนเขาก็มี แต่ปัญหาเขาน้อยกว่าซึ่งแตกต่างจากยุคนี้ที่ปัญหามันเยอะแยะ ก็เลยคิดว่าความคิดตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม"

...สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ ต้องการนำเสนอคือ เรื่องราวความรักในวัยเรียนยุค 2500 เปรียบเทียบกับยุคปัจจุบันโดยให้เรื่องราวความรักเกิดขึ้นในชั้น มอ ๘ โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งทดลองนำเด็กนักเรียนชายหญิงกว่า 40 คนมาเรียนรวมกัน ด้วยวัยและความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรักขึ้น แต่กลับถูกจับตามองจากครูสมปัติครูที่เป็นนางยักษ์ในสายตาเด็กซึ่งนพพร วาทินได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ว่า

"คือผมทำรายการหักหลังผู้ชาย แล้วมีวันหนึ่งได้ไปรีเสิรช์ข้อมูล และบังเอิญไปเจอสิ่งที่น่าตกใจคือ บุคคลที่เข้าโรงแรมเป็นจำนวนมากที่สุดคือ นักเรียนหญิงใส่คอซอง ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด สมัยผมกว่าจะจีบผู้หญิงได้มันยากมาก แต่เดี๋ยวนี้มันเร็ว ผมคิดว่าแม้เราไม่สามารถห้ามความรักได้ แต่สามารถจำกัดขอบเขตของมันได้ ก็เลยคิดพล็อตเรื่องนี้ขึ้นมา และในยุคพ.ศ. 2500 จะไม่มีใครกล้าจีบกันนะ ต้องนั่งส่งจดหมายและผู้ชายจะขี้อายไม่มีการมานั่งจับมือกัน คืออยากให้สิ่งเหล่านี้มันกลับมาแต่ก็ไม่รู้ว่ามันได้แค่ไหน"

...ส่วนผู้กำกับยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวถึงคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ ไว้ว่า "มอ ๘ นำเสนอเรื่องราวความรักในวัยเรียน โดยผ่านการเล่าเรื่องของครูคนหนึ่งในยุค 2500 ซึ่งช่วงนั้นเกิดความรักในวัยเรียนขึ้น แต่เขากลับปล่อยปละละเลย และรู้สึกเสียใจที่ไม่เชื่อเพื่อนคนหนึ่งที่คอยตักเตือน จนถึงปัจจุบันปัญหาที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตรงนี้คือคอนเซ็ปต์หลัก ส่วนการเล่าเรื่องจะเล่าผ่านการรวมโรงเรียนชายล้วนและหญิงล้วนเป็นโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก เหมือนเป็นการปูทางเข้าสู่มหาวิทยาลัย มาเรียนรู้กัน มาลองเป็นเพื่อนกัน ฝ่ายชายควรให้เกียรติฝ่ายหญิง เพราะถ้าจู่ ๆ ไปเจอกันที่มหาวิทยาลัยเลยอาจจะปรับตัวเข้ากันไม่ได้ ก็เลยเกิดโครงการนำร่องขึ้นและเมื่อเด็ก ๆ มาเจอกันด้วยวัยเขาก็เริ่มอยากเป็นเพื่อนกัน เริ่มมองกัน ปิ๊งกันจะเรียกว่าความรักก็ได้ เริ่มชอบพอกันมีการส่งสายตา ส่งจดหมายขอเพลงให้กัน แต่งกลอนจีบ คือทำทุกอย่างเพื่อจะบอกว่าผมชอบคุณ แต่จะมีครูอยู่คนหนึ่งซึ่งหวังดี มองการณ์ไกล ก็จะคอยบอกคอยเตือนว่าระวังนะ แต่กลายเป็นว่าครูคนนี้กลับเป็นตัวโกงของทุกคน เป็นตัวปัญหาเป็นนางยักษ์ แต่สุดท้ายสิ่งที่เขากลัวมันก็เกิดขึ้น"



ในส่วนของโปรดักชั่นจากความตั้งใจที่จะนำเสนอเรื่องราวความรักในยุค 2500 มอ ๘ จึงกลายเป็นหนังพีเรียดซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับทีมงานทั้งเรื่องของโลเกชั่น ภาษาที่ใช้ และของตกแต่งฉาก ซึ่งก่อนเปิดกล้องผู้กำกับและทีมงานได้มีการรีเสริช์ข้อมูลในยุค 2500 ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติข้าวยากหมากแพง ยุคที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากสงคราม จนทีมงานทุกคนต่างพร้อมใจกันเรียกยุคนี้ว่า "ยุคปราบเซียน"

"ยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นโลเกชั่น ตึกรามบ้านช่องหรือว่าพร็อพต่าง ๆ จะหายากมาก คือคนที่จะซื้อของได้ต้องเป็นคนรวยจริง ๆ แต่พอเราจะหาของระดับชนชั้นกลางหรือชาวบ้านจะไม่ค่อยมีดังนั้น เครื่องสำอาง หวี สบู่ ยาสีฟันของใช้วัยรุ่นในยุคนั้นก็จะหายากมาก ส่วนภาษาที่ใช้สิ่งที่แตกต่างจะเป็นเรื่องของสแลงมากกว่า บางครั้งนักแสดงเด็กจะหลุดคำว่ามีดิ อย่างนี้ดิ หรือศัพท์วัยรุ่น ซึ่งถ้าเราไม่ตั้งใจฟังดี ๆ เราก็จะบอกผ่าน แต่พอดูอีกรอบก็ต้องถ่ายใหม่ แต่ส่วนของกาละแมร์และไก่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเขาอ่านข่าว อักขระจะชัดเจน ซึ่งคนไทยสมัยก่อนก็จะพูดชัดถ้อยชัดคำจึงไม่หนักใจเท่าไหร่ครับ ส่วนในเรื่องของโลเกชั่นอันนี้จะหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียนซึ่งหายาก เพราะเขาทุบทิ้งไปเยอะเหลือไม่กี่ที่หรือถ้าภายนอกใช้ได้ ภายในอาจจะใช้ไม่ได้ เช่น ติดอะลูมิเนียม ติดแอร์ มีเหล็กดัด ฝ่ายอาร์ตก็ต้องบัง ต้องรื้อถอนออกก็ปวดหัวพอสมควร ส่วนบ้านที่เป็นหอพักครูเราโชคดีมากที่ได้บ้านของเศรษฐีเก่าแถวฝั่งธน อายุเกือบ 100 ปีซึ่งถูกต้องตามยุคสมัย โรงเรียนก็ใช้หลายที่หลัก ๆ ก็โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ แถวลาดพร้าวและโรงเรียนสาธิตพระนคร"

...ในส่วนของนักแสดงบทบาทของครูสมปัติ นำแสดงโดย ผู้หญิงที่ครองเรตติ้งความฮ็อตไว้มากที่สุดแห่งยุคอย่าง กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ และบทครูเกษรครูสาวแสนสวยที่มีชายหนุ่มหมายปองทั้งพระนครตกเป็นของ ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ซึ่งนพพร วาทินได้กล่าวถึงการดึงเอาพิธีกรที่มีงานชุกมากที่สุดมาร่วมงานว่า

"เราเขียนบทเรื่องนี้โดยหยิบคาแร็คเตอร์ของแมร์และไก่มาเลย และถ้าเขาสองคนไม่รับเล่นก็คงไม่มีโปรเจ็คต์เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งบทของแมร์กับไก่จะมีพอ ๆ กัน เล่นตั้งแต่สาวยันแก่วัย 90 ป ีซึ่งคาแร็คเตอร์ของทั้งคู่จะแตกต่างกัน ไก่จะเป็นคนที่เรียบร้อย อ่อนหวานมีเหตุผลเข้าใจวัยรุ่น รู้จักประนีประนอมรู้ว่าวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มรักกันแล้วนะ เริ่มรู้จักเพศตรงข้ามแล้วคือ ไม่ถึงกับปล่อยปะละเลย แต่ไม่ซีเรียสเท่าแมร์ ส่วนแมร์จะเป็นคนที่มุทะลุดุดันเป็นนางยักษ์ในสายตาของนักเรียนเป็นจอมเฮี้ยบของทุกคน คือแมร์เขาจะมีคาแร็คเตอร์ที่เป็นครูจริง ๆ ตลอด 24ชั่วโมง"

...แม้คาแร็คเตอร์ของครูสมปัติจะเป็นนางยักษ์ เจ้าระเบียบและเฮี้ยบตลอดเวลา แต่ใจจริงครูสมปัติรักอาชีพการเป็นครูมากพอ ๆ กับรักลูกศิษย์ของตัวเองซึ่งผู้กำกับยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวถึงสาเหตุการพลิกคาแร็คเตอร์ของกาละแมร์เป็นครั้งแรกว่า

"ผมว่าคาแร็คเตอร์แมร์เขาชัดเหลือเกิน ถ้าเราไปเอานักแสดงจริง ๆ มาเล่นผมรู้สึกว่าไม่เชื่อเหมือนกับว่าเราเขียนบทเพื่อให้คนนี้แสดงเป็นแบบนี้ แต่คุณแมร์เขามีความเป็นไปได้เกินครึ่ง เราแค่เอาคำพูดไม่กี่คำให้เขา แต่สิ่งที่เราได้กลับ โอ้โฮ!!! ออกมามากกว่าที่เราอยากได้ ผมว่าคนดูจะเซอร์ไพรส์มาก เพราะเราเห็นเขาเป็นพิธีกร สนุกสนาน อำนู่น อำนี่ อ่านข่าวแล้วเติมมุขให้มันเฮฮาขึ้น แต่เรื่องนี้เราจะต้องทึ่งกับคุณแมร์ในฐานะนักแสดง คือผมหวังร้อย แต่แมร์ให้มาสองสามร้อยเลย เป็นความเซอร์ไพรส์ของทีมงานทั้งหมด คือมันเกิดจากความตั้งใจของเขา ทุ่มเทเกินร้อยมันยิ่งกว่าการแสดงคือมันบวกความรู้สึกของเขาจริง ๆ เขาอินกับบทมาก มันไม่ใช่ เดี๋ยว...ฉันจะเล่นบทนี้ พูดไดอะล็อคแบบนี้ทำหน้าแบบนี้ แต่เขาจะรู้สึกจริง ๆ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเขาจะทำยังไง"


กาละแมร์ยอมรับว่าช่วงแรกที่รับเล่นภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ อาจจะมีอาการอิดออดบ้างจากการทำงานที่ซับซ้อน แต่เธอก็ยอมรับอีกว่าบทบาทที่เธอได้รับใน มอ ๘ ทำให้เธอหลงเสน่ห์การแสดงชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น

"แรก ๆ แมร์ยอมรับว่าเหนื่อยนะ เพราะแมร์ทำงานหนักมากและต้องมาถ่ายหนังอีก ก็อาจมีอิดออดบ้าง แต่ยิ่งเล่นเรายิ่งชอบเพราะได้รับบทเป็นครูเลยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนแม่มาก วิญญาณแม่เข้าสิงตลอดเวลา คือแม่แมร์เป็นครูสอนมัธยม ซึ่งแมร์ถอดแบบแม่มาหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ดังฟังชัดหรือวิธีการพูดที่จะดุ ๆ หน่อยมันเป็นไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนบทครูสมปัติก็ค่อนข้างตรงกับเราแม้คนทั่วไปจะเห็นแมร์ก๋ากั๋น สนุกสนาน แต่บางครั้งเราก็เจ้าระเบียบเหมือนครูสมปัติ ส่วนสาเหตุการรับเล่นเรื่องนี้ เพราะพี่มดเขาหลอกว่าในเรื่องไก่จะเล่นคู่พี่จิ๊บ (อติกานต์ หนุนภักดี) และแมร์จะคู่พี่กิ๊ก(อนิศ โอสถานุเคราะห์) แต่ตั้งแต่เปิดกล้องจนปิดกล้องยังไม่มีฉากที่พี่กิ๊กมาเกี่ยวข้องอะไรกับแมร์เลย มีแต่มาด่าฉอด ๆ แล้วจากไป ไม่มีจ๊ะจ๋าหวานแหวว นัวเนีย เลิฟซีนกัน (หัวเราะ) แต่ใจจริงแล้วแมร์อยากร่วมงานกับพี่มดและก็ไก่ค่ะ และบทเรื่องนี้ก็ดีมากเปลี่ยนภาพของแมร์ไปอีกมุมหนึ่งได้เลย"

...ถ้าครูสมปัติถือเป็นดอกกุหลาบที่สวยงาม แต่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ครูเกษรก็ถือเป็นดอกมะลิที่เปี่ยมไปด้วยความสวยงามและอ่อนหวาน ยงยุทธ พินิจพงศ์ กล่าวว่า เขาวางคาแร็คเตอร์ของครูทั้งสองให้ต่างกัน เพื่อให้เห็นความขัดแย้งทางความคิดแม้ทั้งคู่จะเกิด วันเดียวกัน ปีเดียวกัน และผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก

"คาแร็คเตอร์ของคุณไก่จะเป็นครูที่เข้าใจวัยรุ่น รู้จักประนีประนอม เข้าใจว่าวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มรักกันแล้วนะ เริ่มรู้จักเพศตรงข้ามแล้ว แต่ไม่ถึงกับปล่อยปะละเลยแต่ไม่ซีเรียสเท่าครูสมปัติคาแร็คเตอร์เขาจะเป็นสาวหวาน เรียบร้อย ใครเห็นก็ต้องหลงเขายิ่งมาอยู่ในจอหนังมีการพิถีพิถันในการจัดแสงก็เลยกลายเป็นน่ารักจัง ดูคุณไก่แล้วจะเพลิน เขาจะพรีเซนต์ในความเป็นครูใจดีออกมา"

...ในตอนแรกที่มด นพพร วาทินทาบทามไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ให้มารับบทเป็นครูเกษรในภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ เธอเกิดอาการสองจิตสองใจ เนื่องจากถือเป็นการแสดงเรื่องแรก และรู้สึกเป็นกังวลกลัวว่าคนดูจะรับไม่ได้กับบทบาทใหม่

"จริง ๆ แล้วกังวลเหมือนกันว่า คนดูจะรับได้หรือเปล่า กลัวเขาไม่พอใจ แต่เหตุผลที่รับเล่นคือ บทครูเกษรจะคล้าย ๆ กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ซึ่งเป็นครูที่มองโลกในแง่ดี อ่อนหวาน จิตใจดี และรักนักเรียนมากและต้องเป็นคนทำหน้าสวยตลอดเวลา คือให้จำไว้เลยว่าไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร จะโกรธ จะดุนักเรียน แต่ต้องนึกไว้เสมอว่าฉันต้องสวย สองคือไก่ไว้วางใจพี่มดและทีมงานซึ่งแทบไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่มีเครดิตเยอะแยะมาก สุดท้ายคือการได้ร่วมงานกับแมร์ ซึ่งมันทำให้เราอุ่นใจว่าเรามีเพื่อนในกองอย่างแน่นอน"


แม้ว่าบทเด่นของเรื่องจะตกอยู่ที่ผู้หญิงสวยทั้งสองคน แต่ความสมบูรณ์จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดครูชายที่มาเติมสีสันให้ความรักในยุค 2500 ดูมีมิติขึ้น กิ๊กกะจิ๊บคือ เพลย์บอยหนุ่มที่โด่งดังจากผลงาน "หักหลังผู้ชาย" หนังสือขายดีที่เอาใจผู้หญิงแต่ผู้ชายอ่านแล้วต้องสะดุ้ง เนื่องจากขายความเป็นบุรุษเพศชนิดหมดเปลือก จิ๊บ อติกานต์ หนุนภักดี รับบทเป็น ครูศตวรรษ ครูหนุ่มจบนอก เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนและอบอุ่นหลงรักครูเกษรหัวปักหัวปำ ส่วน กิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์ รับบทเป็น ครูนพพล เพื่อนซี้ของครูศตวรรษที่คอยกัดกับครูสมปัติตลอดเวลาซึ่งผู้กำกับ ยงยุทธได้กล่าวถึงคาแร็คเตอร์ของครูชายทั้งสองคนว่า "คาแร็คเตอร์ที่วางไว้ของกิ๊กกับจิ๊บจะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ทันสมัยในยุคนั้นจบเมืองนอก พูดยูพูดไอ คาแร็คเตอร์จะขัดแย้งกับครูสมปัติซึ่งจะหัวโบราณ แต่สองคนนี้จะแหกกฎ และผมก็ให้จิ๊บไปหลงรักคุณไก่ซึ่งเป็นเพื่อนรักของแมร์ ซึ่งแมร์เขาจะเป็นกันชน ก็แหม!!! จะเอาอ้อยออกจากปากช้างก็ต้องโดนซะหน่อย"

...ภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ ยังได้นักแสดงรับเชิญกิตติมศักดิ์อย่าง ท่าน สว.ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ซึ่งวางมือจากบทบาท สว.หญิงในสภาชั่วคราวมารับบทเป็น คุณหญิงกุหลาบ รองอธิบดีกรมสามัญศึกษา, มีศักดิ์ นาครัตน์ นักแสดงชื่อดังในอดีตซึ่งรับบทเป็น ครูล้วน ครูใหญ่โรงเรียนอักษรศิลป์ และเหล่าหนุ่มสาวทั้ง 30 คนในบทเด็กนักเรียนยุค 2500

...สิ่งที่นพพร วาทินและยงยุทธ พินิจพงศ์ตอกย้ำเสมอในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ คือการให้สิ่งดีดีตอบแทนแก่สังคม แต่ไม่ต้องการนำเสนอเรื่องราวที่ซีเรียสถึงขั้นที่ว่าเมื่อนักเรียนดูแล้วอยากจะสอบเอนทรานซ์ขึ้นมาทันที ซึ่งยงยุทธ พินิจพงศ์ ได้กล่าวไว้ว่า

"คือพี่มดมักจะย้ำเสมอว่าหนังของเราต้องให้อะไรกับสังคมนะ ต้องทำเท่าที่ทำได้ ให้เท่าที่ให้ได้แต่แทนที่จะจับยัดมันต้องมีความหวานล่อ กินง่ายให้เพลิน ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้อาการป่วยไข้ทุเลาลงได้ มอ ๘ ก็เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าดูจากหนังสือพิมพ์ ม.2 ม.3 ก็มีปัญหาแล้ว แต่เราก็เอาน้ำหวานล่อในการทำให้มันสนุกสนาน กุ๊กกิ๊ก มีจีบกัน มีมุขตลกเพิ่มขึ้น แต่ลึก ๆ แล้วผมก็อยากจะบอกเด็กนักเรียน บอกครูว่า ผมยกตัวอย่างครูสมปัติ ยกตัวอย่างคนกลุ่มหนึ่งเมื่อปี 2500 มาแล้วนะ ถ้าสังคมปัจจุบันเป็นได้ขนาดนี้มันอาจจะดีขึ้น หรือในปัจจุบันมีคนอย่างครูสมปัติซัก10 คน ปัญหาในโรงเรียนอาจจะลดลงก็ได้อย่างนักเรียนหนีเรียน ยกพวกตีกัน ท้อง หรือฆ่าตัวตาย ขอแค่มีครูสมปัติโรงเรียนละคนก็พอ"


หากนึกภาพผู้หญิงสุดซ่าส์อย่างกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ สวมบทคุณครูกระดาษทราย มีอาวุธเป็นไม้เรียวทุกขนาดใส่แว่นตาหนาเตอะกวาดสายตามองเด็กนักเรียนอย่างเย็นชาแค่นี้ก็เรียกเสียงฮือฮา แถมด้วยผู้หญิงที่เล่าข่าวได้อย่างเมามัน พูดจาฉะฉานอย่างไก่ มีสุขมารับบทเป็นคุณครูแสนน่ารัก พูดจาคะขา ยิ้มหวานเสียจนหนุ่ม ๆ แทบละลายก็เพิ่มความน่าติดตามยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่บทบาทน่ารักจากสองสาว มอ ๘ ยังสอดแทรกเรื่องราวความรัก การให้เกียรติผู้หญิงและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัย 2500 ซึ่งยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวว่า

"อารมณ์ของหนังเรื่องนี้จะเป็นแนวใส ๆ น่ารัก สนุกสนาน แต่สิ่งที่ได้มาโดยปริยายคือ เราได้เรียนรู้ชีวิตของคนในช่วงนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไม้สอย การพูดการจา เช่น การมองสบตาเขาจะใช้คำว่าฟาดเนตรกัน และเราจะได้เห็นสิ่งดีงาม เช่น การให้เกียรติผู้หญิง อย่างสมัยก่อนการเดินจูงมือกันจะเป็นเรื่องน่าอาย อย่างมากก็ผ้าเช็ดหน้าถือคนละมุม นี่คือเป็นแฟนกันแล้วนะ และจะไม่มีการแซวกัน มีแต่การเขียนจดหมายบอกรัก ต้องแต่งตัวเนี้ยบสุภาพแอบให้ ผู้หญิงก็ต้องแอบอ่านอย่างอักษรปริศนาที่ต้องเอาไปอังกับไฟเวลาที่เขียนจดหมายจีบกัน และอีกเรื่องคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญโดยการนำนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมาเรียนรวมกันเป็นครั้งแรก ซึ่งก่อให้เกิดความรักในวัยเรียนขึ้น แต่การกระทำของครูสมปัติที่คอยห้ามคือคำสอนที่ดีที่สุด สุดท้ายก็มาสรุปตรงที่ว่า นางยักษ์คนนี้จะเป็นคนที่สังคมเรา ณ ปัจจุบันอยากให้มี"

ทำเนียบคุณครูสุดเฮี้ยบ

- ครูสมปัติ (กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ) - ครูสาวจอมเฮี้ยบระเบียบจัดโรงเรียนดรุณีศึกษาอายุ 28 ปี เกิดวัน เดือนปีเดียวกันกับครูเกษรเป็นครูประจำชั้น สอนวิชาประวัติศาสตร์และศีลธรรม นิสัยเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสียจริงจังกับเรื่องสิทธิสตรี เป็นศิษย์เอกของครูบุญรอด รักและห่วงใยลูกศิษย์มาก ๆ แต่ลูกศิษย์จะคิดว่าครูสมปัติดุ ไม่ค่อยไว้ใจผู้ชาย เพราะในชีวิตมักจะเจอแต่ผู้ชายแย่ ๆ รักและเป็นห่วงเพื่อนซี้คือครูเกษรอยู่เสมอ

"บุคลิกของครูสมปัติค่อนข้างเฮี้ยบและเจ้าระเบียบมาก ไม่ใช่ครูที่โอ๋เด็ก แต่จะรักนักเรียน รักเพื่อน ชอบความยุติธรรมแต่ไม่ใช่ครูที่เอะอะโวยวาย จะใช้สายตามองแค่นี้นักเรียนก็ขนลุกแล้วค่ะแล้วน้ำเสียงจะเรียบ ๆ เย็น ๆ จ๊ะจ๋าแต่ว่าน่ากลัว แมร์ชอบแนวหนังเรื่องนี้มาก เพราะว่าอบอุ่นน่ารักอย่างน้อยเมื่อคุณได้ดูคุณจะคิดถึงวัยเรียนแน่นอน แม้ว่าเราจะทำตัวเฮี้ยว ๆ แสบ ๆ มาบ้าง แต่จะได้กลับไปคิดถึงครูที่เราเคยเกเรกับเขาส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเรียนก็จะกลับมาให้เราปลื้มในใจอีกด้วยค่ะ"

ครูเกษร (ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข) - ครูสาวแสนสวยโรงเรียนดรุณีศึกษา สอนวิชาภาษาไทยและการฝีมือ นิสัยเรียบร้อย ใจดีเป็นคนประณีประนอม มองโลกในแง่ดี เป็นที่รัก และเกรงใจของลูกศิษย์ ใครมีปัญหามักจะมาปรึกษา เป็นครูสาวเสน่ห์แรง เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ เป็นเพื่อนซี้และเรียนหนังสือกับครูสมปัติมาตั้งแต่เด็ก ๆ เชื่อฟังคำแนะนำของเพื่อนซี้เสมอ แต่ก็เตือนสติครูสมปัติบ่อย ๆ เวลาที่เธอเว่อร์เกินไป

"คาแร็คเตอร์ของไก่ในเรื่องจะเรียบร้อยมากแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลยคือบทที่ยาวที่สุดคือ ค่ะ (หัวเราะ) และต้องทำหน้าสวยตลอดเวลา คือให้จำไว้เลยไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร จะโกรธ จะดุเด็ก แต่ต้องนึกไว้เสมอว่าฉันต้องสวย และเป็นครูที่รักนักเรียน จิตใจดี มองโลกในแง่ดีมีความมุ่งมั่นเป็นครูที่ดีค่ะ ตอนที่รับเล่นก็กังวลนะกลัวคนดูจะรับไม่ได้ เพราะเราเริ่มมาจากสายข่าวไม่ได้เป็นแนววาไรตี้ แต่พี่มด นพพร วาทิน เขาพูดเลยว่าถ้าไก่กับแมร์ไม่เล่น เขาก็ต้องเปลี่ยนบท แล้วบทเรื่องนี้ดีมากบทมันจะส่งตัวไก่อีกมุมหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจรับเล่นและก็ขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลย รู้สึกประทับใจมากทั้งตัวบท ผู้กำกับและทีมงานทุกคนค่ะ"


ครูนพพล (กิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์) - ครูชายโรงเรียนอักษรศิลป์ สอนวิชาคณิตศาสตร์ อายุ 28 ปี ได้ทุนไปเรียนเมืองนอกหลายปี เพิ่งกลับมาสอนได้ 2 ปี หัวนอกจ๋าพูดไทยผสมฝรั่ง ชอบฟังเพลงฝรั่ง รักอิสระ ไม่ค่อยชอบความเป็นระเบียบแบบแผนเป็นที่รักของเด็ก เพราะชอบเตะบอลกับเด็ก ๆ ท่าทีเหมือนเสือผู้หญิง ดูเจ้าชู้ สำรวย กะล่อน ไม่น่าไว้ใจ แต่ลึก ๆ ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรปกป้องเด็กนักเรียนชายเต็มที่ ทำให้เป็นคู่แค้นของครูสมปัติเป็นที่ปรึกษาเรื่องจีบผู้หญิงให้ครูศตวรรษ

"ในเรื่อง มอ ๘ ผมรับบทเป็นครูนพพลครับ สอนวิชาเลขคณิต ค่อนข้างหัวนอกจ๋าพูดไทยผสมฝรั่ง รักความอิสระ ไม่ค่อยชอบความเป็นระเบียบแบบแผนมากนักแต่รักเด็ก ๆ คอยปกป้องนักเรียนชายทำให้เป็นคู่แค้นกับครูสมปัติ ผมแสดงหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกครับ ยอมรับว่ากดดันพอสมควรช่วงแรก ๆ นอนแทบไม่หลับเลย แต่ก็ทำการบ้านทำความเข้าใจบทมาก่อนทุกครั้ง ในเรื่องก็จะเล่นคู่กับจิ๊บ อติกานต์ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกาละแมร์ผมว่าเขาเป็นมืออาชีพจริง ๆ เก่งมาก พอผู้กำกับสั่งแอ็คชั่นเมื่อไหร่เขาก็เล่นได้เลยและเป็นคนคนนั้นจริง ๆ อย่างครูสมปัติน้ำเสียงเขาจะนิ่ม ๆ ช้า ๆ แต่ซ่อนความเฮี้ยบเอาไว้ เด็ก ๆ ที่เจอครูสมปัติสั่งสอนก็จะสยองไปเลยทุกคนแต่เด็กในยุคนั้นเขาจะน่ารักนะครับ แม้กระทั่งเดินผ่านครูก็ต้องไหว้ ผู้หญิงก็ถอนสายบัวแตกต่างจากสมัยนี้อย่างชัดเจน บางครั้งเด็กก็แกล้งครูไม่มีความเคารพยำเกรงแต่ในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้ซึมซับและสัมผัสความรู้สึกความสัมพันธ์ที่ประทับใจของครูกับนักเรียนเหมือนกับในสโลแกนของเรื่องที่ว่า สักวันหนึ่งเธอจะรู้ว่าครูรัก"


ครูศตวรรษ (จี๊บ อติกานต์ หนุนภักดี) - ครูหนุ่มโรงเรียนอักษรศิลป์สอนภาษาอังกฤษ อายุ 28 ปี ได้ทุนไปเรียนเมืองนอกพร้อมครูนพพลเพื่อนซี้ เพิ่งกลับมาสอนได้ 2 ปีเช่นกัน หัวนอกจ๋า พูดไทยผสมฝรั่ง นิสัยคล้ายครูนพพล แต่นิ่งกว่า อบอุ่นกว่าหลงรักครูเกษรอย่างจริงใจ แต่ด้วยท่าทีที่ดูเจ้าชู้กระล่อนทำให้ครูสมปัติไม่ไว้ใจกีดกันเสมอ

"บทครูศตวรรษจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนอักษรศิลป์ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนคาแร็คเตอร์ก็จะเป็นนักเรียนนอก ค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ เรียบร้อย อบอุ่นจะชอบจะหลงครูเกษรเหมือนมิสเตอร์โรมิโอหลงรักจูเลียต ผมเล่นเรื่อง มอ ๘ เป็นเรื่องแรกก็ต้องทำการบ้านมากพอสมควรและต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันหมดเลย อย่างเช่นการนอนดึกเพราะต้องตื่นเช้ามาถ่ายหนัง ซึ่งมันต้องใช้สมาธิสูงและต้องออกกำลังกายเพิ่มขึ้น บทของครูศตวรรษก็ไม่เชิงขัดกับคาแร็คเตอร์มากครับ แต่มันก็ไม่ใช่ตัวจิ๊บทั้งหมด เพราะนิสัยจริง ๆ เราจะเป็นคนขี้เล่น ชอบแกล้งชอบแซวชาวบ้าน เฮฮาปาร์ตี้แต่ในเรื่องเราจะต้องสุขุม เก็กหล่อ ส่วนการร่วมงานกับคุณไก่นี่เซอร์ไพรส์มาก เขามีความเป็นมืออาชีพสูงซึ่งเขาช่วยผมได้มาก พอเขาเขินเราก็สามารถเล่นต่อได้ ผมว่าหนังเรื่องนี้มีสาระและมีความน่ารัก อบอุ่นอยู่ด้วยคือ เขาดึงเอาประเด็นของนักเรียนหญิงกับนักเรียนชายว่าในสมัยนั้นเป็นอย่างนั้นแต่สมัยนี้แย่กว่านั้นแล้ว มอ ๘ จะให้แง่คิดตรงนี้ได้ดี"

คุณหญิงกุหลาบ (ส.ว. ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช) - ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (รองอธิการบดีกรมสามัญศึกษา) กระทรวงศึกษาฯ เคยเป็นอาจารย์ของครูบุญรอดเป็นคนดูแลเรื่องโครงการนำร่องฯ เพื่อทดลองโรงเรียนสหศึกษาเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจถึงวิชาชีพครูอย่างลึกซึ้ง เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นจบลงได้ด้วยดี

"ในเรื่องรับบทเป็นคุณหญิงกุหลาบเป็นรองอธิบดีกรมสามัญศึกษาเจ้าของโครงการที่จะให้นักเรียนหญิงและนักเรียนชายมาเรียนรวมกันเป็นโรงเรียนสหศึกษาในปี พ.ศ.2500 ซึ่งก่อนอื่นต้องขอชมทีมงานว่าเก่งมาก ผู้กำกับให้ความสบายใจให้คำแนะนำที่ดี เพราะเราเองก็ยังไม่รู้มุมกล้องไม่รู้ว่าพอพูดจบต้องหยุดตรงไหน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดค่ะ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์มากเป็นเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ของอาจารย์กับลูกศิษย์เป็นความน่ารัก แก่นเซี้ยวของเด็กวัยรุ่นที่มาเรียนรวมกันก็อยากให้ทุกคนไปชมหนังเรื่องนี้ และนำไปคิดว่าคุณเป็นผู้สร้างอนาคตของเยาวชนและที่สำคัญในเรื่องเน้นให้เห็นถึงคุณธรรม จริยธรรม และบทบาทของครูที่รักลูกศิษย์ซึ่งเป็นเรื่องที่งดงามทำให้สังคมได้แง่คิดที่ดีค่ะ"


- ครูล้วน (มีศักดิ์ นาครัตน์) - ครูใหญ่โรงเรียนอักษรศิลป์ อายุ 58 ปี เป็นชายโสดภรรยาตาย นิสัยแบบชายไทยรุ่นเก่า เจ้ายศเจ้าอย่าง ผู้ชายต้องเป็นใหญ่ ชอบข่มครูผู้หญิงในโรงเรียนชอบเลี้ยงสัตว์ เช่น นก ปลาไว้ในห้องพักครูใหญ่ ชอบครูเกษร พยายามจีบทุกรูปแบบ แบบรุ่นใหญ่ ใช้ความเป็นครูใหญ่คอยเป็นห่วงเป็นใย อบอุ่นไม่ค่อยชอบครูสมปัติ เพราะโดนแขวะตลอด แต่ทำอะไรไม่ได้

- ครูน้อย (พันตำรวจโทชัยพจน์ สุวรรณรักษ์) - ครูชายโรงเรียนอักษรศิลป์ เป็นผู้ช่วยครูล้วน ลักษณะรูปร่างอ้วน เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษา (แบบผิด ๆ) เป็นคนช่างประจบประแจง เอาใจครูล้วน เพื่อหวังตำแหน่งจะได้เป็นครูใหญ่คนต่อไป

- ครูมะลิ (หนูเล็ก สาธิดา เขียวชะอุ่ม) - ครูหญิงโรงเรียนอักษรศิลป์ อายุ 27 ปี สถานภาพโสด สอนวิชาภาษาไทย นิสัยเป็นคนขี้กลัว เพราะโดนครูผู้ชายข่มมาตลอด ชื่นชอบครูสมปัติมาก หลังจากที่ครูสมปัติเข้ามา เธอก็เปลี่ยนนิสัยเป็นผู้หญิงที่กล้าแกร่งมากขึ้น แอบปลื้มครูอภิเดชซึ่งเป็นครูพละมาก แต่ไม่กล้าบอกให้รู้ จนครูนพพลและครูศตวรรษช่วยให้สมหวัง จึงช่วยเป็นแม่สื่อให้ครูศตวรรษกับครูเกษร


ทำเนียบนักเรียนสุดทะโมน

- พายัพ (ฟรอยด์ ณัฏฐพงศ์ ชาติพงศ์) - นักเรียนชายที่กะล่อนสุด ๆ นิสัยทะเล้น ขี้เล่น ไม่กลัวใคร แอบชอบนักเรียนหญิงที่อยู่แก๊งค์สวยชื่อ เพชรา ชอบแสดงความเป็นตัวเองทุกอย่างต่อหน้าเพื่อนแบบโจ๋งครึ่ม ทำให้มีเรื่องหน้าแตกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยอาย เพราะคิดว่าตัวเองเก่ง คล้ายจะเป็นเฮียหลงว่าตัวเองน่ะหล่อซะไม่มี

...ณัฏฐพงศ์ ชาติพงศ์ (19 ปี) / การศึกษา - ปี 1 คณะวารสารศาสตร์ ม. ธรรมศาสตร์ / ผลงาน - ละครเรื่อง "บ้านนี้มีรัก", ภาพยนตร์เรื่อง "มอ ๘"

แทนไท (แบงค์ วีระชัย ลีฬหาทร) - นักเรียนชาย พูดน้อย จริงใจ ชอบแต่งตัวเนี้ยบ และเป็นนักกีฬามวยไทยของโรงเรียนแต่ไม่ชอบหาเรื่องใคร แอบบูชาความรัก เพราะไปหลงรัก ศรัณยา ปลื้มเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว โดยส่งส่วยขนม เขียนจดหมายจีบซุกไว้ใต้โต๊ะ ไม่ให้เพื่อนนักเรียนชายในห้องรู้ แอบเข้าทางเพื่อนสนิทของศรัณยาคือสมบูรณ์ ให้ช่วยเป็นแม่สื่อให้แค่ซื้อขนมให้สมบูรณ์กินทุกวันแล้วทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

...วีระชัย ลีฬหาทร (20 ปี) / การศึกษา - ปี 2 คณะบริหารธุรกิจ ม. อัสสัมชัญ / ผลงาน - ชนะการประกวด Tea Tree, MV เพลง "ใจปลาซิว" ของศร, ภาพยนตร์เรื่อง "มอ ๘"


ศรัณยา (กอล์ฟ บุศริน หยกพรายพันธ์) - เป็นหัวหน้าห้องที่เข้มแข็ง คอยปกป้องเพื่อน ๆ นักเรียนหญิงทุกคน โดยในชั้น ก็จะแบ่งเป็นแก๊งค์สวย, แก๊งค์ขี้แย, แก๊งค์ขี้ฟ้อง, และแก๊งค์บู๊ แต่ก็รักใคร่กันทั้งหมด หลังจากที่ได้ไปผจญภัยกับร่วมหัวจมท้ายต่อสู้กับนักเรียนผู้ชายที่ชอบมาแกล้งแหย่เป็นประจำ ศรัณยาจึงเป็นที่ถูกใจของแทนไท

...บุศริน หยกพรายพันธ์ (17 ปี) / การศึกษา - ม. 6 โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม / ผลงาน - ชนะการประกวด Tea Tree, โฆษณา Sunsilk, ภาพยนตร์เรื่อง "มอ ๘"


ประภาวี (บี สริญญา บาโรส) - นักเรียนหญิงที่อยู่ในกลุ่มขี้ฟ้อง ฟ้องคุณครูทุกเรื่องที่เห็น ไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ชอบสอดรู้สอดเห็นว่านักเรียนชาย ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ไม่เคยพ้นสายตาของกลุ่มนี้ไปได้แม้สักครั้งเดียว เพราะเชื่อในกฎระเบียบของครูสมปัติอย่างเคร่งครัด

...สริญญา บาโรส (22 ปี) / การศึกษา - ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต / ผลงาน - ละครเรื่อง "พระจันทร์แดง", ภาพยนตร์เรื่อง "คนปีมะ", ภาพยนตร์เรื่อง "มอ ๘"


เพชรา (ตาล กัญญา รัตนเพชร) - นักเรียนหญิงอยู่ในแก็งค์สวย มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม มีหนุ่ม ๆ นักเรียนชายคอยตามจีบส่งจดหมายรักไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะพายัพ นักเรียนชายสุดทะเล้น

...กัญญา รัตนเพชร (17 ปี) / การศึกษา - โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ / ผลงาน - ภาพยนตร์เรื่อง "เอ๋อเหรอ", ภาพยนตร์เรื่อง "รับน้องสยองขวัญ", ภาพยนตร์เรื่อง "มอ ๘"

Share this article :

แสดงความคิดเห็น