แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พ.ศ. 2480 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พ.ศ. 2480 แสดงบทความทั้งหมด

เลือดชนบท

 

  • Release Date: 27 กรกฎาคม 2480
  • Director: หลวงกลการเจนจิต
  • Producer: ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
  • Screenwriter: สังคามาระตา
  • Starring: จําเนียร นนทศิริ, ชั้น ไชยนันท์, เบ็ญจา รัตนกุล

เลือดชนบท
Country Life



 ฉายที่ ศาลาเฉลิมกรุง

บริษัทสร้าง ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
ผู้อํานวยการสร้าง มานิต วสุวัต
ผู้ประพันธ์ สังคามาระตา
ผู้กํากับ หลวงกลการเจนจิต
ผู้ถ่ายภาพ พอใจ วสุวัต
ผู้ลําดับภาพ ประจวบ อมาตยกุล
ผู้กํากับศิลป์ แนม สุวรรณแพทย์
ผู้บันทึกเสียง กระเศียร วสุวัต
ผู้ทําดนตรีประกอบ นารถ ถาวรบุตร์

เรื่องย่อ
ปรุง สาวชาวบ้านอาศัยอยู่กับแม่ อย่างสงบสุขอยู่ที่เมืองอ่างทอง จนกระทั่งแม่มีสามีใหม่ ชื่อโฉม ซึ่งเป็นคนสํามะเลเทเมาและเป็นผีการพนันอย่าง สาหัส วันหนึ่งโฉมแพ้พนันชนไก่ เถ้าแก่อ้วน แต่ไม่มีเงิน เพียงพอจะชําระหนี้ จึงยกปรุงให้แต่งงานกับเถ้าแก่อ้วน ปรุงชอกช้ำใจเป็นอันมากจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขียน จดหมายลาตายถึงมารดา แต่ขณะที่ปรุงกําลังจะกระโดดน้ำหมายปลิดชีวิตของตน เดชะบุญที่ จิตต์ ซึ่งออกมา ทอดแหหาปลามาพบเข้าจึงช่วยชีวิตปรุงได้ทัน แต่ไม่มี ใครรู้ว่าปรุงนั้นรอดชีวิต จิตต์พาปรุงมาพักที่บ้านและดูแล เป็นอย่างดีจนทั้งสองเกิดสมัครรักใคร่กัน หลายเดือน ถัดมา ในวันสงกรานต์ จิตต์และปรุงพากันมาเที่ยวงาน เฉกเช่นชาวบ้านคนอื่น ๆ เยมส์ และ ทองต่อ เห็นปรุง กําลังร้องเพลงและจําได้ว่าปรุงเป็นคนเดียวกับที่กระโดดน้ำาตาย อาศัยที่เป็นน้องชายนายอําเภอจึงนําตัวปรุงไป สอบสวน โฉมทราบข่าวกระวีกระวาดมารับตัวปรุง และ หว่านล้อมเยมส์ให้ไปขโมยโฉนดที่ดินที่อําเภอ โดยสัญญาว่าจะยกปรุงให้ หารู้ไม่ว่าโฉนดที่ดินนั้นเป็นโฉนดปลอม ที่โฉมเอาไปหลอกเถ้าแก่อ้วน เถ้าแก่อ้วนจึงไปฟ้องนาย อําเภอให้จับกุมโฉมกับพรรคพวกได้สําเร็จ ปรุงกับจิตต์ จึงได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข



นักแสดง
เบ็ญจา รัตนกุล เป็น ปรุง
ชั้น ไชยนันท์ เป็น จิตต์
จําเนียร นนทศิริ เป็น เจียม
สวัสดิ วิธีเทศ เป็น ดวง
ทองอ่อน ยุกตะนันท์ เป็น โฉม
ทองคํา มาร์ติน เป็น เยมส์
เลี่ยงฮง แซ่อึ้ง เป็น เถ้าแก่อ้วน
ไฉน กีรกะจินดา เป็น สาย
ทองต่อ จาตุรงคกุล เป็น ทองต่อ
ชิน ศุกรสุคนธ์ เป็น นายอําเภอ
ฮะ มิ่งขวัญตา เป็น นายสิบตํารวจเอก
ผ่อง ศิริสัมพันธ์, แสร์ ศรีผดุง, ใหญ่ ชูแสงทอง

เลือดชนบท ใช้รถติดตั้งอุปกรณ์อัดเสียง (ด้วยความช่วยเหลือ) จากฮอลลีวูด

หลอกเมีย

 

หลอกเมีย

  • Release Date: 4 กุมภาพันธ์ 2480
  • Director: หลวงอนุรักษ์รัถการ
  • Producer: ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
  • Starring: จำรัส สุวคนธ์, มานี สุมนนัฐ

หลอกเมีย
(The Husband Misbeheaves)


  • ฟิล์ม 35 มม./ขาวดำ/พากย์
  • ฉายที่ ศาลาเฉลิมกรุง
  • บริษัทสร้าง ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
  • ผู้ประพันธ์ เปล่ง ศุขวีระยะ
  • ผู้กํากับ หลวงอนุรักษ์รัถการ
  • ผู้ถ่ายภาพ หลวงกลการเจนจิต
  • ผู้ลําดับภาพ ประจวบ อมาตยกุล
  • ผู้กํากับศิลป์ แนม สุวรรณแพทย์
  • ผู้จัดเครื่องแต่งกาย ชะลอ – จิตต์
  • ผู้บันทึกเสียง กระเศียร วสุวัต
  • ผู้ทําดนตรีประกอบ นารถ ถาวรบุตร

เรื่องย่อ

จํารัส กับ ลาวรรณ สองสามีภรรยา ย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่ และได้ คุณอี หรือชื่อเดิมว่า หนอม มาเป็นคนรับใช้ แต่เมื่อย่างเข้ามาสู่ในบ้านมิวายโรคเดิมของจํารัส คือโรคกลัวเมีย ก็พลันกําเริบ เพียงแค่ลาวรรณ ตําหนิเรื่องการติดรูปบนผนังว่าต้องเอารูปของตนไว้ข้างบน บ่ายวันหนึ่ง หนอมคนรับใช้คู่ใจเอาหนังสือพิมพ์มาให้จํารัสดูรูปสาวน้อยนั่งตกปลา แถมยังยุยงเจ้านายให้หาทางไปดูตัวจริง จํารัสนึกสนุกคิดอุบายหลอกลาวรรณว่าการงานวุ่นวายจนเป็นโรคเส้นประสาท และอ้างว่าหมอแนะนําให้ไปตกปลาเพื่อเป็นการผ่อนคลาย ลาวรรณไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของจํารัสจึงเห็นดีด้วย

ที่สระน้ำตามประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ จํารัสได้พบกับสาวน้อยตามใจหวัง และพยายามหาโอกาสเข้าไปทําความรู้จักจนได้นามบัตรและทราบว่าชื่อ กมล วันต่อ ๆ มา จํารัสก็กุเรื่องโกหกลาวรรณเพื่อไปที่บ้านกมล ตามที่อยู่บนนามบัตร ทําให้ได้พบเถ้าแก่กิมหมง บิดาของกมล ซึ่งเคยมาขอทําประกันโรงสีของตนและวางแผนจะเผาโรงสีเพื่อเอาเงินประกัน

ลาวรรณระอาความเจ้าชู้ของสามี ขนาดขู่จํารัสว่าจะพาไปให้หมอเพื่อผ่าเส้นประสาททิ้ง จํารัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวยังวางแผนหลอกลาวรรณว่าต้องไปทํางานที่เชียงใหม่ แต่ความจริงแล้วไปพักอยู่กับ ทองอ่อน เพื่อน สนิทฝ่ายลาวรรณ เมื่อสามีไม่อยู่จึงเดินทางไปที่บ้านเถ้าแก่หมง ประกาศตนว่าเป็นภรรยาของจํารัส และสั่งห้ามกมลไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับจํารัสอีก พอจํารัสไปขอพบ กมลจึงโดนเถ้าแก่กิมหมงไล่ตะเพิดข้อที่ว่ามีภรรยาแล้ว ยังมาหลอกลูกสาวตน จํารัสเดินคอตกกลับบ้าน มิวาย โดนลาวรรณซักใช้จับได้ว่าจํารัสไม่ได้ไปเชียงใหม่จริง จํารัสจึงโดนภรรยาฟาดจนต้องนอนซม การหลอกเมียของจํารัสจึงจบลงแต่เพียงเท่านี้




นักแสดง
จํารัส สุวคนธ์ เป็น จํารัส
มานี สุมนัฏ เป็น ลาวรรณ
จิตรา สุมนัฏ เป็น เลขานุการของบริษัทสากลประกัน
มานิตย์ดา บุญยง, ใจปองสมหมาย ทองอ่อน ยุกตะนันทน์, สาลี กล่อมอาภาร์, เลี่ยงฮง แซ่อึ้ง, ถนอม ทักษ์ศิริ

ปิดทางรัก

 

  • Release Date: 6 มกราคม 2480
  • Director: ผล อนันตปิน
  • Producer: บริษัท น.น.ภาพยนตร์
  • Screenwriter: กวา กัตตจันทน์

ปิดทางรัก


ฟิล์ม 35 มม. / ขาวดํา / พากย์

ปิดทางรัก
ฉายที่โรงหนังวัฒนากร
บริษัทสร้าง น.น. ภาพเสียง
ผู้อํานวยการสร้าง ใจ แนวพานิช
ผู้ประพันธ์ กวา กัตตจันทน์ จากบทประพันธ์ เรื่อง หายกัน
ผู้กํากับ ผล อนันตปิน
ผู้ถ่ายภาพ บํารุง แนวพานิช
ผู้ลําดับภาพ นิตย์ ยวงพานิช
ผู้กํากับศิลป์ ป. สุวรรณแพทย์
ผู้บันทึกเสียง วิจิตร์ แนวพานิช
ผู้แต่งคําร้อง ล้วน ควันธรรม
ผู้แต่งทํานองเพลง มาลีรัตน์

เรื่องย่อ
พระสําราญรณกิจ เป็นคู่แค้นกับ พระสัมฤทธิ์รณการ เพื่อนบ้าน แม้ทั้งสองจะเกลียดกัน มากแค่ไหนก็ตาม ลูกของคนทั้งสองกลับมีใจสมัครรักใคร่ กัน ไม่เว้นแม้แต่คนใช้ กล่าวคือ สมศักดิ์ ลูกชายของพระ สัมฤทธิ์รักอยู่กับ อุไรวรรณ ลูกสาวของพระสําราญ ส่วนอารี พี่ชายของอุไรวรรณ ก็คบหาอยู่กับ สลับศรี น้องสาว ของสมศักดิ์ กระทั่งวันหนึ่ง พระสําราญกับพระสัมฤทธิ์ ท้ากันว่า หากลูกสาวของใครหนีตามลูกชายของอีกฝ่าย ผู้นั้นจะต้องเสียเงินเดิมพันเป็นจํานวนสองหมื่นบาท สมศักดิ์ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือเล่นพนันของสองคู่แค้น จึงชักชวนอุไรวรรณหนีไปอยู่ด้วยกัน อุไรวรรณก็แสนซื่อ หนีตามสมศักดิ์ไปอย่างว่าง่าย พระสัมฤทธิ์รีบมาเยาะเย้ย พระสําราญแถมด้วยการทวงเงินเดิมพัน พระสําราญไม่ อยากเสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า จึงโกหกว่าอุไรวรรณเพียงแต่ ไปอยู่ที่เพชรบุรี

เมื่อทั้งสองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สมศักดิ์ก็ใช้เงิน อย่างสุรุ่ยสุร่าย พาเพื่อนมากินเลี้ยงฟุ่มเฟือยไม่เว้นแต่ละ วัน เงินจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง อุไรวรรณก็ตั้งท้อง สมศักดิ์จึงพยายามไปหางานทําแต่ก็โดนปฏิเสธ วันหนึ่ง ขณะที่สมศักดิ์คอตกกลับมา ก็เจอะกับพระสําราญยืนอยู่ ที่หน้าบ้าน พระสําราญเสนอเงินให้สมศักดิ์จํานวน สองพันบาท เป็นค่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับอุไรวรรณ สมศักดิ์ หัวหมอ แสร้งทําเป็นรับเงิน ก่อนจะคาบข่าวไปบอกบิดา แล้วจัดการให้อารีกับสลับศรีจดทะเบียนแต่งงานกัน

พระสัมฤทธิ์รู้ดังนั้นก็รุดมาทวงเงินเดิมพันที่ บ้านพระสําราญ เป็นเวลาเดียวกับที่อุไรวรรณคลอดบุตร เป็นประจักษ์พยานพอดี สมศักดิ์เห็นท่าว่าพ่อตากําลัง จนมุมเป็นแน่แล้ว ก็เลยเฉลยว่าตนนั้นได้จัดการให้อารี แต่งงานกับสลับศรีเป็นที่เรียบร้อย พระสัมฤทธิ์เจ็บใจที่ ชวดเงินเดิมพันไปต่อหน้าต่อตา ก็ง้างไม้ตะพดหมายจะ ฟาดหัวลูกชายตัวแสบให้หายแค้น พระสําราญจึงเอาตัว เข้าช่วย พร้อมออกปากห้ามพระสัมฤทธิ์ทําอะไรลูกเขย ของตน เรื่องจึงจบลงด้วยประการฉะนี้

นักแสดง
วณี นวเกียรติ เป็น อุไรวรรณ
ศิริ ผิวสังข์ เป็น สมศักดิ์
รัตนา ไสววงศ์ เป็น สลับศรี
ล้วน ควันธรรม เป็น อารี
จอน ใยเจริญ เป็น พระสัมฤทธิ์รณการ
ขึ้น กลีบบัว เป็น พระสําราญรณกิจ
บุญสม รัตนาศรี เป็น น้อย
เปลี่ยน สุวรรณแพทย์ เป็น สวัสดิ์
วรรณี ตนรานนท์, สมบุญ แว่นตาโต, “ชายประเสริฐ”, ประไพ ขจรเดช, สมัย สว่างวรรณ, สําราญ เหมือน ประสิทธิ์, ถนอม นวเกียรติ, ชุบ เอกะสิงห์, ศิริ พงศทัต, นพ สุวรรณแพทย์, สมชาย แพพิชัย, อุ้ยเคง แซ่เฮง, เผชิญ อนันตปิน, นิพนธ์ พงศทัต, อุดม ปีติวรรณ, อรุณ ไชยสุกุมาร, เฮนรี่ ศูละศิริ, เสถียร อมติรัตน์

บัวในบึง

 

  • Release Date: 10 มีนาคม 2480
  • Director: สุนทร ศรีสัมพันธุ์
  • Producer: ศรีบูรพาภาพยนตร์


 

  • ฟิล์ม 35 มม. / ขาวดํา / พากย์
  • ฉายที่ศาลาเฉลิมบุรี
  • บริษัทสร้าง ศรีบูรพาภาพยนตร์
  • ผู้กํากับ สุนทร ศรีสัมพันธุ์

เรื่องย่อ
ณ ท้องทุ่งตําบลโพนทอง จังหวัดลพบุรี วันนี้ครอบครัวของ นายโชติ กับ นางเพิ่ม กําลังต้อนรับแขก ผู้มีเกียรติจากกรุงเทพ นั่นคือ คุณนายแข เศรษฐินีม่ายที่พา ประเสริฐ ลูกชายมาเยี่ยมนายโชติ ซึ่งช่วยดูแลที่นาของตน โอกาสนี้เองทําให้ประเสริฐได้พบกับ พูน ลูกสาวของนาย โชติ มิตรไมตรีที่เด็กน้อยมีให้กันเติบโตอย่างรวดเร็ว ทําให้ ประเสริฐไม่ลืมที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปพูนไว้เป็นที่ระลึกก่อน จะลากลับกรุงเทพฯ ในเช้าวันรุ่งขึ้น

10 ปีผ่านไป ประเสริฐเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม คุณนายแขซึ่งบัดนี้ชราลงไปมากได้วานให้ประเสริฐเป็นธุระ ในการไปดูแลที่นาและถือโอกาสเยี่ยมเยียนครอบครัวนายโชติ ประเสริฐทําตามคํามารดาโดยมี เปียก คนใช้คนสนิทร่วม เดินทางไปด้วยอย่างเกียจคร้านเพ็ญศรี หลานรักของคุณนาย แข คู่หมั้นของประเสริฐรบเร้าจะขอไปด้วย แต่ประเสริฐหา ข้ออ้างเพราะไม่อยากพาเพ็ญศรีไปเมื่อถึงโพนทอง ประเสริฐ ได้พบหญิงสาวคนหนึ่งกําลังดํานา ประเสริฐจําได้ในทันที่ว่า เธอคือ พูน เด็กสาวที่ประเสริฐเคยพบในวัยเด็ก หนุ่มสาวสอง คนจ้องกันไม่วางตา จนเปี้ยกต้องกระทุ่งนายหนุ่มให้รู้สึกตัว

ระหว่างที่ประเสริฐพักอยู่ที่โพนทอง เขามักจะไปเดินเล่นหาวิวสวย ๆ ถ่ายรูป วันหนึ่งประเสริฐเหลือบไปเห็น อันธพาลใช้กําลังจะปลุกปล้ำพูน ประเสริฐกับเปี้ยกรีบเข้าไปชกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือและพากันตกลงไปในบึงทั้งคนช่วยและคนร้าย ที่สุดเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือเป็นฝ่ายแพ้รีบวิ่งหนี อย่างไม่คิดชีวิต ก่อนกลับ ประเสริฐขอสองสามีภรรยาพาพูน ไปเที่ยวที่กรุงเทพ และสัญญาว่าจะดูแลพูนให้ดีเท่าชีวิต

พูนตกตะลึงเมื่อเห็นบ้านอันโอ่อ่าของประเสริฐ คุณนายแขต้อนรับพูนเป็นอย่างดี ยกเว้นก็แต่เพ็ญศรีที่แสดง ท่าที่หึงหวงเมื่อเห็นประเสริฐเอาอกเอาใจพูนอย่างออกนอกหน้า คุณนายแขระอาใจ จําต้องขอให้ลูกชายพาพูนกลับไป โพนทอง เพราะเห็นแก่หลานสาวของตน ประเสริฐไม่ยอมทําตาม หนําซ้ำยังไปหาบ้านเช่าให้พูนพํานักเป็นการถาวร เมื่อ หนุ่มสาวสองคนได้อยู่ตามลําพังรสรักจึงบังเกิดขึ้น

ประเสริฐประเคนเสื้อผ้าอาภรณ์ดี ๆ ให้พูนใส่ ระหว่างที่พูนมีชีวิตหรูหราอยู่ในกรุงเทพ หารู้ไม่ว่าทําให้นาง เพิ่มทุกข์ใจเพราะเป็นห่วงบุตรสาวจนล้มป่วย นายโชติจึงเดินทางมาตามตัวพูน แต่คุณนายแขกลับบอกว่า ประเสริฐได้ พาพูนกลับโพนทองไปนานแล้ว แจ๋ว คนใช้ในบ้านรีบเสนอหน้าฟ้องว่าประเสริฐแอบไปเช่าบ้านอยู่กับพูน นายโชติจึงรีบไปลากพูนกลับโพนทองโดยไม่รีรอ ประเสริฐกลับมาบ้านเช่า คล้อยหลังที่นายโชติกลับไปไม่นาน และต้องเสียใจอย่างหนัก เมื่อเปียกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

พูนกลับมาโพนทองไม่นานนางเพิ่มก็สิ้นใจ แถม นายโชติต้องมาตาบอดเพราะถูกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือทําร้าย ซ้ำร้ายพูนยังต้องเลี้ยงดูบุตรซึ่งถือกําเนิดขึ้นกับประเสริฐเพียงลําพัง เมื่อ นางพลอย แม่สื่อมาคะยั้นคะยอจะพาพูนไปหาสามีใหม่ พูนจึงยอมตามนางพลอยไปเพื่อตัดรําคาญ แต่ในระหว่างที่เดินผ่านบึงบัวพูนก็ระลึกคําสอนของมารดาที่ให้ ประพฤติตนดั่งดอกไม้ที่ดีงาม พูนจึงหันหลังเดินกลับไปที่บ้าน ร้องให้เสียใจที่ไม่เชื่อคําสอนของมารดา นายปลื้มอดเวทนา ไม่ได้ จึงเดินทางมาตามตัวประเสริฐที่กรุงเทพ แต่กลับพบ ประเสริฐกําลังเข้าพิธีแต่งงาน

นักแสดง
เฉลียว อินทโสภณ เป็น คุณนายแข
สอางค์ ศรีสอาด เป็น นางเพิ่ม
ประสาร ชัยสงคราม, สุมล สรัสยานนท์, ดํารัส เทพพวงทอง, เปียก (ตลก)

 

เมืองทอง

 

  • Release Date: 4 กุมภาพันธ์ 2480, พ.ศ. 2481
  • Director: เลื่อน พงษ์โสภณ
  • Screenwriter: เลื่อน พงษ์โสภณ
  • Studio: เลื่อน พงษ์โสภณ
  • Starring: เผื่อน วัฒนสุข, แฉล้ม โสมวงศ์


 

ฟิล์ม 16 มม. / ขาวดํา / พากย์
ฉายที่ โรงหนังวัฒนากร

  • ผู้อํานวยการสร้าง เลื่อน พงษ์โสภณ
  • ผู้ประพันธ์ เลื่อน พงษ์โสภณ
  • ผู้กำกับ เลื่อน พงษ์โสภณ
  • ผู้แต่งบทพากย์ “เพ็ชรัตน์” กับ นางสาวเชื่อม
  • ผู้ถ่ายภาพ เลื่อน พงษ์โสภณ
  • ผู้ลำดับภาพ เลื่อน พงษ์โสภณ
  • ผู้พากย์ “เพ็ชรัตน์” กับ นางสาวเชื่อม

เรื่องย่อ
ชีวิตของ ฉัย ต้องพลิกผันเมื่อ นายสุด ผู้เป็นพ่อโดนเสือกินระหว่างการเดินทางไปค้าขายยังต่างถิ่น ส่วน นางคํา ผู้เป็นแม่ ก็ยังมาตรอมใจตายตามพ่อไปอีกคน ก่อนตายนางคําได้สั่งเสียให้ฉัยไปขออาศัยอยู่กับ นายเหมือน ผู้มีศักดิ์เป็นลุง นายเหมือนและ นางสลวย สองสามีภรรยา เป็นเศรษฐีที่มีจิตเมตตา สงสารชะตากรรมของฉัยจึงรับ อุปการะส่งเสียให้ฉัยได้ร่ําเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป

15 ปีผ่านไป ฉัย เป็นผู้ใหญ่พอที่จะช่วยแบ่งเบางานของนายเหมือน ช่วยเก็บเงินค่าค้าไม้ ส่วน เพ็ญศรี ลูกสาว ของนายเหมือนก็โตเป็นสาวงาม มีหนุ่มมากมายมาติดพัน โดยเฉพาะ สอน คู่ปรับในวัยเด็กของฉัยที่เพียรมาขอความรัก เพ็ญศรี แต่เพ็ญศรีไม่มีทีท่าจะรักตอบ เพราะมอบใจให้ฉัยไปหมดแล้ว นายเหมือนผู้รักฉัยดั่งลูกในไส้ก็มิได้รังเกียจฉัยแต่อย่างใด จึงส่งเสริมให้หนุ่มสาวได้ครองรักกัน ฝ่ายสอน เมื่อไม่สมหวังในความรักก็บ่ายหน้าเข้าหาสุรา และคิดแก้แค้นฉัย โดยทําที่มาเสนอค้าไม้ราคาถูก อ้างว่าพ่อค้าไม้คนหนึ่งนํามา แต่ภรรยาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางจึงต้องรีบกลับไปจัดการทําพิธีศพ ฉัยตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง ตามสอนไปหา พ่อค้าไม้อย่างว่าง่าย แต่แทนที่สอนจะพามาพบพ่อค้าไม้ กลับพาฉัยมาที่ราชสีมาฮอลล์อันอุดมไปด้วยนางระบํา สอนเรียก ให้เฉลียวมาร้องเพลงให้ฉัยฟัง จังหวะนั้นเอง ทองย้อยก็มา หาเรื่องชกต่อยกับฉัยและอาศัยช่วงชุลมุนขโมยกระเป๋าเงิน ของฉัยไป ทําให้ฉัยไม่กล้ากลับไปพบนายเหมือนจึงกลับไปที่บ้านเก่าของตน ฉัยได้มาเจอกับ แหน เพื่อนสมัยเด็กกําลังขลุกตัวอยู่กับนายกอง นักวิทยาศาสตร์คร่ําครึ ที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุหวังจะเปลี่ยนพริกเปลี่ยนกะปิให้เป็นทอง ฉัยเลยหลอกว่าให้ผสมใบตองลงไปด้วย นายกองเชื่อสนิทรีบไป ปลูกต้นกล้วยหมายจะเอามาเปลี่ยนเป็นทอง

นับจากวันที่ฉัยหายตัวไป เพ็ญศรีก็ไม่เป็นอันกินอันนอนล้มป่วยเป็นไข้ เดือดร้อนถึงนายเหมือนที่ต้องตาม หมอมารักษา แต่ก็ไม่หาย นายเหมือนจึงชวนเพ็ญศรีไปเปลี่ยน บรรยากาศยังบ้านเดิมของฉัย เพ็ญศรีหูฝั่งลุกขึ้นกุลีกุจอเก็บ ข้าวของเดินทางไปบ้านเกิดของฉัยอย่างฉับพลัน สอนรีบตาม มาเป่าหูเพ็ญศรีว่าที่แท้ฉัยกลับมาหาแหนคนรักเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เพ็ญศรีเห็นแหนกําลังป้อนมะพร้าวใส่ปากฉัย สอนกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจคิดว่าเพ็ญศรีจะเป็นของตน ก็คราวนี้ แต่การณ์กลับเป็นว่า เปิดโอกาสให้ฉัยได้ปรับความ เข้าใจกับเพ็ญศรี สอนประจักษ์แก่ตาถึงความรักของทั้งสอง จึงสารภาพความจริงและยอมตัดใจจากเพ็ญศรี ระหว่างที่เรื่องราวกําลังจะจบด้วยดี นายกองก็กระหืดกระหอบมา ต่อว่าฉัยที่บังอาจมาหลอกให้ตนปลูกกล้วยเสียเกือบครึ่งปี ฉัยเลยว่า ค่ากล้วยค่าใบตองที่นายกองเสียไปนั่นล่ะเท่ากับค่าทอง

นักแสดง
เผื่อน วัฒนสุข เป็น วินิจฉัย
แฉล้ม โสมวงศ์ เป็น เพ็ญศรี
ชม ภูมิธน เป็น สอน
เหมือน ผดุงเจริญ เป็น เหมือน
สลวย พงษ์โสภณ เป็น สลวย
เฉลียว สาตรา เป็น นางในฮอลล์

เพลงหวานใจ

 


  • Release Date: 1 ตุลาคม 2480
  • Director: ขุนวิจิตรมาตรา
  • Producer: ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
  • Screenwriter: ขุนวิจิตรมาตรา
  • Starring: จำรัส สุวคนธ์, มานี สุมนนัฐ

เพลงหวานใจ (His Sweet Melody)

ศาลาเฉลิมกรุง

บริษัทสร้าง ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
ผู้ประพันธ์ ขุนวิจิตรมาตรา
ผู้กํากับ ขุนวิจิตรมาตรา
ผู้ช่วยผู้กํากับ ผัน นากสุวรรณ
ผู้ถ่ายภาพ หลวงกลการเจนจิต
ผู้ลําดับภาพ ประจวบ อมาตยกุล
ผู้กํากับศิลป์ แนม สุวรรณแพทย์
ผู้จัดเครื่องแต่งกาย สุพัตร์
ผู้บันทึกเสียง กระเศียร วสุวัต
ผู้ทําดนตรีประกอบ นารถ ถาวรบุตร์



เรื่องย่อ
เรืออากาศเอกจํารัส เยี่ยมพะโยม นายทหารแห่งกองทัพอากาศสยามประสบอุบัติเหตุขณะขับ เครื่องบินตกลงป่าประเทศซานคอสซาร์ โชคดีที่ ลิลิน ลูกสาว ช่างปั้นหม้อช่วยเหลือไว้ วันหนึ่ง ขณะที่จํารัสออกไปเดินเล่น ในป่า พบสาวงามนางหนึ่งกําลังเล่นน้ําอยู่ในห้วย หญิงสาว อ้างว่าเป็นนางกํานัลของพระราชินีและเชื้อเชิญจํารัสเข้าไป ในพระราชวัง แท้จริงแล้วเธอคือพระราชินีแห่งประเทศ ซานคอสซาร์ ขณะนั้น ประเทศซานคอสซาร์กําลังตกอยู่ใน อันตรายเนื่องจากผู้สําเร็จราชการทหารรับสินบนจากประเทศ ยูราวในการเช่าเมืองประเทศซานคอสซาร์ต่อ เพียงเพราะ ต้องการเงินหกแสนเหรียญไปซื้อสร้อยไข่มุกให้ มาลา นาง ละครผู้โด่งดัง ราชเลขานุการบังเอิญรู้แผนการเข้า จึงขอร้อง ให้จํารัสช่วย โดยวางแผนออกข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าจํารัส มาติดพันมาลาเพื่อหันเหความสนใจ และใช้ลิลินเบี่ยงเบน ความสนใจผู้สําเร็จราชการ โดยให้ปลอมตัวเป็นนางละคร เต้นยั่วยวน แผนการของราชเลขานุการมีทีท่าจะเป็นไปอย่าง ราบรื่น เมื่อผู้สําเร็จราชการเห็นลิลินก็ตกตะลึงในความงาม จนลืมมาลาไปชั่วขณะ จนกระทั่งถึงกําหนดวันลงนามสัญญา เช่าเมือง ผู้สําเร็จราชการทหารเผอิญอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ซึ่งลงข่าวว่ามาลากําลังรักกับจํารัส ก็หมดรักในตัวมาลา จึง ระงับการลงนามสัญญา เมื่อภารกิจลุล่วงไปด้วยดีและ เครื่องบินซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว เรืออากาศเอกจํารัสจึงถวายบังคมลาพระราชินีแห่งประเทศซานคอสซาร์กลับสู่ประเทศสยาม

เพลงหวานใจ เป็นหนังเพลงที่ยิ่งใหญ่มากในสมัยนั้น เพราะเป็นยุคที่มีการร้องและเต้นรำแบบฝรั่ง และมีการลงทุนสูงสร้างสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะการเนรมิตฉากประเทศสมมุติ ซานคอซซาร์ให้ดูสมจริง

ภาพยนตร์ “เพลงหวามใจ” ได้บรรจุเพลงไว้ถึง 8 เพลง ต่างจังหวะกันออกไป ได้แนะนำจังหวะเพลงใหม่ๆ แก่ประชาชนไทยยุคนั้น อาทิ จังหวะรุมบ้าในเพลง เมื่อฉันมองเธอ จังหวะควิกกว๊อลช์ ในเพลง ฉันหาหวานใจ จังหวะฟอกซ์ทร๊อต เพลง ฉันฝันไป
มีนารถ ถาวรบุตร แต่งทำนองและเรียบเรียงเสียงประสาน เครื่องอาบน้ำแบบใหม่ล่าสุด “ชุดทูพีซ” ,จังหวะเต้นรำ “คองก้า

เพลงประกอบภาพยนตร์

เพลง เมื่อฉันมองเธอ
เพลง ฉันหาหวานใจ
เพลง ฉันฝันไป
เพลง พบเธอแล้ว
เพลง ความรักของฉัน ร้องโดย ประมวล รัศมิทัต กับจำรัส สุวคนธ์
เพลง “เธอใกล้หรือไกล”  ร้องโดย จำรัส สุวคนธ์
เพลง เมื่อเธอจากฉัน ขับร้อง โดย จำรัส สุวคนธ์  ประมวล รัศมิทัต



นักแสดง

จํารัส สุวคนธ์ เป็นนายเรืออากาศเอกจํารัส เยี่ยมพะโยม
มานี สุมนนัฏ เป็น พระราชินี
นัยนา วาณีวัฒน์ เป็น ลิลิน
ทองคํา มาร์ติน เป็น ผู้สําเร็จราชการทหารทั่วไป
เกษม มิลินทจินดา เป็น ราชเลขานุการในพระองค์
สาลี กล่อมอาภาร์ เป็น ราชองครักษ์
ประมวล รัศมิทัต เป็น มาลา (นางระบำและนักร้อง)
บรรจง ดิษโยธิน เป็น วาปี

ลัดดา พิศพิไล, รัตนา อมัติรัตน์, สวัสดิ์วิธีเทศ, สมยศ ทัศนพันธุ์, ประวิง ประดิษฐสมัย, เชิญ ศิวเสน, ทองอ่อน ยุกตะนันท์

     

เพลง เธอใกล้หรือไกล 

 

เพลง เมื่อเธอจากฉัน 

 

 เพลง ฉันหาหวานใจ 

 


 

ฉายอีกครั้ง 21 ตุลาคม 2493 ที่ศาลาเฉลิมกรุง ที่มาภาพ นิตยสารภาพยนตร์สาร ตุลาคม พ.ศ. 2493

กุหลาบพระนคร

 

กุหลาบพระนคร
The Rose of Bangkok


ฟิล์ม 35 มม. / ขาวดํา / พากย์
บริษัทสร้าง บูรพาศิลปภาพยนตร์ (BURAPA SILPA FILMS)
ผู้อํานวยการสร้าง เทียน ศรีสุพรรณ
ผู้ประพันธ์ สุพรรณนาฏ
ผู้แต่งบทพากย์ สุพรรณนาฏ
ผู้ประพันธ์เพลง จํารัส รวยนิรันต์


 

เรื่องย่อ
1 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ของชาวสยาม ใคร ๆ ไม่ว่าหนุ่มสาวต่างทําใจเบิกบานต้อนรับความสุข แต่ปีใหม่มิได้เปลี่ยนเอาความจนของปีเก่าของคนจนไปด้วยเลย คงต้องต่อสู้กับความจนต่อไป
วินัย สุปานันท์ ถูกความหมุนเวียนเปลี่ยนชีวิต ของเขาแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน บิดาคือ ร้อยเอกหลวง สัจจาวุธ เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเป็นหนุ่ม ทิ้งแม่เจียม และ นิจ น้องสาวที่ยังเล็กให้เผชิญชีวิตตามลําพัง บัดนี้ ความหมุนเวียนเปลี่ยนให้แม่เจียมที่เคยแข็งแรงทํางานเลี้ยงลูกอย่างขันแข็ง มาเป็นแม่เจียมที่ตามองอะไรไม่เห็น ไม่อาจทํางานได้ อนาถหนาครอบครัวเล็ก ๆ ต้องประสบมรสุม ทําให้วินัยซึ่งอีกสองเดือนกว่า ๆ ก็จะจบการโรงเรียน ต้องตัดใจลาออกมาทํางานเลี้ยงแม่และน้องมาเป็นกรรมกรถีบสามล้อ และได้ถูกคนถีบสามล้อเป็นเพื่อนรักกัน

อีกแห่งหนึ่งในความเป็นอยู่ของชาวพระนคร ณ บ้านของคนผู้มั่งมีแล้ว คือบ้านของ พันโทพระยา สรรพาวุธ นายทหารนอกราชการ กับ สุณี ลูกสาวผู้กําลังเป็นกุหลาบดอกที่งามเด่นอยู่ในพระนคร จึงมีชายหนุ่ม และกระทั่งแก่หลายรายจ้องมองสุณีด้วยความปรารถนาจะได้ครอง แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ใกล้ชิดเกินไปกว่า นายเรืออากาศเอกอารี สมัครยุทธ์ ในสังกัดกรมทหารอากาศ สามารถไปมาหาสู่ที่บ้านได้บ่อย ๆ ซึ่ง นิ่ม หญิงคนใช้ที่ต้องคอยเปิดประตูบ้านให้รถเข้าคุ้นเคย วันนี้อารี มาหาสุณีเพื่อแจ้งข่าวว่าเขาถูกย้ายไปประจํากองบินที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ แล้วถามถึงเรื่องส่วนตัว แต่สุณีนิ่งเฉย อารีจึงกลับไปอย่างผิดหวังเช่นเคย

วันนี้เจ้าคุณพ่อกับสุณีไปธนาคารเพื่อเบิก เงินสด 5 พันบาทสําหรับจะซื้อที่ดินที่มีคนมาบอกขาย แต่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน รถยนต์เกิดเสียกลางทาง เจ้าคุณไม่รอให้คนขับซ่อม เรียกรถสามล้อกลับบ้านกับลูก บังเอิญวินัยถีบสามล้อมาพอดี รับไปส่งถึงบ้าน เจ้ากรรม ท่านเจ้าคุณและสุณีลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่เบาะสามล้อ วินัยกลับถึงบ้าน จึงรู้ว่าผู้โดยสารลืมกระเป๋า ทีแรกถูกว่าให้เอาไปลงทุนเปิดร้านขายของ แต่แม่เจียม ว่าให้เอาไปคืนเขาและขอให้เขา เขาอาจเห็นความดีและ หางานดี ๆ ให้ทํา ถูกพยายามทักท้วง แต่แม่เจียมบอกว่า ลูกผู้ชายเราควรจะทําตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้ อีกที่เราควรรักและหวงไว้ประดุจชีวิตของเรา

วินัยกับถูกจึงเอากระเป๋าไปคืนเจ้าของ ทีแรก นิ่ม หญิงคนใช้จะไล่ออกไปเพราะเห็นเป็นคนชั้นต่ํา แต่สุณีมาเห็นเข้าเสียก่อน ท่านเจ้าคุณดีใจจะให้รางวัล 200 บาท แต่วินัยไม่รับ หากขอให้หางานให้ทํา ท่านเห็นว่า เป็นคนซื่อ จึงเมตตาให้มาอยู่ในบ้านกันทั้งหมด ทั้งแม่ น้องสาวและเจ้าถูก และหางานดี ๆ ให้วินัยทําและหาหมอรักษาตาแม่จนหาย

สุณีรู้สึกชอบวินัย ในขณะที่นิ่มสาวใช้ก็รักกับถูก วินัยแรก ๆ ก็เจียมตน แต่เมื่อสุณีเผยใจก็รับรัก พอดีถึงเวลาเกณฑ์ทหาร วินัยและถูกถูกเกณฑ์ จะต้องไปเป็น ทหารประจําที่กองบิน 5 ประจวบคีรีขันธ์ คืนก่อนจากไปวินัยได้ไปพบสุณีที่ห้องเพื่อบอกลาและสัญญารักกัน ตลอดไปแล้วเป็นของกันและกัน

วินัยกับถูกไปรับใช้ชาติที่กรมทหารราชบุรี วันหนึ่งที่ร้านของ สมศรี แม่ค้าขนมหวานตาหวานประจํากรมทหาร ซึ่งมีพวกพลทหารมาเกาะแกะอยู่เสมอ มีพลทหารเกเรคนหนึ่งจับมือแม่ค้า วินัยเห็นว่าไม่เหมาะ สมจึงว่ากล่าว จึงเกิดท้ากันขึ้น และชกกัน เมื่อพลเกเร เห็นท่าว่าสู้ไม่ได้จึงชักมีดแทงถูกแขนวินัย ดีว่าพรรคพวกช่วยกันแยกออกไป สมศรีตาหวานช่วยทําบาดแผลให้วินัยอย่างใกล้ชิด บังเอิญ อารี นายทหารหนุ่มเดินถ่ายรูปเล่นมาเห็นทั้งสองใกล้ชิดกัน ไม่ทันเห็นเขาทําบาดแผล นึกว่าทั้งสองรักกันก็ขอถ่ายรูปให้ สมศรีดีใจซบศีรษะกับไหล่วินัย ต่อมาสมศรีบอกรักวินัยแต่วินัยปฏิเสธว่าตนมีคนรักแล้ว ขอให้คิดเป็นพี่ชายเถอะ

ต่อมา อารีได้ลาพักผ่อนเพื่อเข้ากรุงเทพ และ ขอให้เจ้าคุณสัตยาฯ บิดาไปสู่ขอสุณี ซึ่งเจ้าคุณพ่อของสุณีไม่ปฏิเสธแต่ขอถามสุณีก่อน ข้างสุณีก็ขอผัดไปพักผ่อนตากอากาศก่อน โดยเธอกับนิ่มสาวใช้พากันไปหัวหิน และเลยไปประจวบฯ ตั้งใจจะไปเยี่ยมวินัยและถูกที่กรมทหาร คนในกรมบอกว่าให้ไปหาที่บ้านภรรยาคือสมศรี แม่ค้าตาหวาน สุณีไปพบสมศรีซึ่งแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของวินัยและ ยวง น้องสาวก็แสดงตัวว่าเป็นภรรยาถูก สุณีช้ำใจกลับกรุงเทพและตอบตกลงเข้าพิธีแต่งงานกับ อารี

วันแต่งงาน เป็นวันที่วินัยปลดประจําการกลับบ้าน เขามาถึงบ้านในตอนดึกดื่นแล้ว แขกเหรื่อในงานแต่งเหลือไม่กี่คน วินัยเมื่อมาพบเหตุไม่ทราบมาก่อนก็เข้าไปหาสุณีในห้อง เกิดต่อว่าต่อขานกันขึ้น สุณีหยิบปืนออกมาจากใต้หมอนขู่ให้วินัยออกไป วินัยไม่ยอม ขอตาย ด้วยมือสุณี บังเอิญท่านเจ้าคุณพ่อและอารีแอบฟังอยู่นอกห้อง อารีจึงเข้ามาห้าม และบอกความจริงแก่สุณีว่า วินัยและสมศรีมิได้เป็นอะไรกัน และแล้วอารีก็เสียสละ แจ้งเจ้าคุณพ่อของเจ้าสาวว่า ให้คืนนี้เป็นงานแต่งของ วินัยกับสุณีก็แล้วกัน ตนยอมหลีกทางไป

 

นักแสดง
สิงห์ ผูกพานิช, วณี นวเกียรติ, สวัสดิ์ วิศาลจิตต์, ชิต เกิดกําธร 

 

พระร่วง

 


 

พระร่วง (ขอมดําดิน)
35 มม. / ขาวดํา / พากย์ / ความยาว … นาที

ฉายที่ศาลาเฉลิมบุรี
บริษัทสร้าง กรุงเทพฯ ภาพยนตร์ บริษัท
ผู้อํานวยการสร้าง พุฒ ภักดีวิจิตร
ผู้พากย์ “ทิดเขียว”

เรื่องย่อ

“เมื่อ 700 ปีล่วงมาแล้ว สมัยนั้น เมือง ละโว้เป็นเมืองขึ้นของขอม นายคงเครา พ่อเมืองละโว้ต้อง ส่งส่วยน้ำไปบรรณาการทุก ๆ ระยะ 3 ปี นายร่วง ลูกนาย คงเครา พ่อเมืองละโว้เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์หัดกระบี่กระบอง กับนายขวัญ นายขวัญมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ ลูกอิน คืนวันหนึ่ง นายขวัญปรึกษานายกลับ เพื่อนซึ่งค่อนข้างอัตคัดผมสัก หน่อย ว่าจะไปหาลูกอินเพื่อจะลาไปส่งส่วยน้ำยังธานีขอม เมื่อร่ําลาคู่รักเรียบร้อยแล้ว นายขวัญกับพวกก็ลาไปยังธานี ขอมเพื่อจะส่งส่วยน้ำตามประเพณี

เมื่อถึงธานีขอมแล้วนายขวัญเกิดไปชอบพอได้เสีย กับ ผกา ธิดาพญาอํานาจ ซึ่งขณะนี้หมั้นอยู่กับนักฉกาจอาจารย์เอกของพระเจ้าพันธุมฯ ขณะที่นายขวัญลักลอบร่วม รักกับผกานี่เอง นักฉกาจซึ่งไม่พอใจอยู่แล้วเห็นเหตุการณ์เข้า จึงพร้อมด้วยพญาอํานาจได้ทําการจับกุมนายขวัญฐานต่อสู้ ทหารขอม ขณะที่นายขวัญต้องโทษ ผกา แม่เมียต่างชาติ พยายามช่วยเหลือสามีต่างแดนจนพ้นโทษจนได้ แต่กว่าจะ หลุดพ้นออกมาได้ก็ต้องทรมานทรกรรมแทบเลือดตาจะ กระเด็น หลุดจากการเป็นนักโทษ นายขวัญและพวกก็ เดินทางกลับละโว้

3 ปีผ่านไป ละโว้เกิดขาดแคลนน้ำ พระเจ้าพันธุมฯ ทรงใช้ให้นักคุ้มเป็นข้าหลวงไปทวงส่วยน้ํายังเมืองละโว้ แต่ นายร่วง ซึ่งขณะนี้ได้เป็นพ่อเมืองแล้ว ได้ใช้ปัญญาอัน หลักแหลม ใช้ให้นักคุ้มซึ่งมาทวงส่วยน้ํานั้นนําส่วยน้ํากลับไป ด้วยตนเอง

เมื่อนักคุ้มถูกนําส่วยน้ําไปเช่นนั้น พระเจ้าพันธุมฯ ทรงกริ้วมาก หาว่าเมืองละโว้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้น จึงได้ให้พญาอํานาจและนักฉกาจควบคุมกองทัพไปเพื่อจะราวี ละโว้ แต่เมื่อกองทัพถูกส่งไป ผกา แม่เมียรักต่างซาติของนาย ขวัญก็ปลอมเป็นชายติดตามไปด้วย เมื่อยกกองทัพไป ฝ่าย ทหารกรุงละโว้รู้เรื่องเข้า จึงให้ผู้หญิงสาวชาวละโว้ออกมา ยั่วยวนทหารขอม
ในที่สุด ทหารขอมก็แตกทัพเพราะเสียกลผู้หญิง พญาอํานาจและนักฉกาจถึงแก่ความตาย พร้อมด้วยผกาก็ถูก พญาอํานาจบิดาฟันตาย ขณะที่จะเข้าไปช่วยนายขวัญ สามี ขณะที่ขอมแตกทัพนี้ นักคุ้มคนเดียวที่ยังรอดชีวิตไปได้ จึงรีบ เดินทางไปเฝ้าพระเจ้าพันธุมฯ พระเจ้าพันธุมฯ จึงใช้พญาเดโช ให้ดําดินไปจับนายร่วงที่กรุงสุโขทัย…”

นักแสดง
หลวงราญรณกาจ เป็น พระเจ้าพันธุมฯ
สง่า จินดาน้อย เป็น พระร่วง
หลวงภรตกรรมโกศล เป็น พญาอํานาจ
ถวิล ปาณิกบุตร เป็น พญาเดโช
แฉล้ม บัวเปลี่ยนสี เป็น นายขวัญ
บุญช่วย หิรัญกาญจน เป็น ผกา
ยุพิน สุภาสวัสดิ์ เป็น ลูกอิน
แจ่มจํารัส อิศรางกูร เป็น นักฉกาจ
อุดร บุญโยดม เป็น นักคุ้ม

ผีตายซาก

 


 

ฉายที่ศาลาเฉลิมกรุง
บริษัทสร้าง หัสดินทร์ภาพยนตร์
ผู้อํานวยการสร้าง ม.ร.ว. อนุศักดิ์ หัสดินทร
ผู้ประพันธ์ อ.ร.ด.
ผู้แต่งบทพากย์ “สุรัตน์”
ผู้ถ่ายภาพ ม.ล. เผชิญ หัสดินทร์, อาจิตร สุริยกุล
ผู้ลําดับภาพ ม.ล. อนุศิลป์ หัสดินทร์
ผู้ออกแบบฉาก ประเสริฐ บัวบุตร์
ผู้แต่งฉาก ม.ร.ว. วัฒนา
ผู้ช่วยผู้แต่งฉาก ทองอยู่ พูลปิติ
ผู้แต่งหน้า พ. กาญจนา
ผู้ประพันธ์เพลง บุญช่วย กมลวาทิน
ผู้จัดการ ถนอม อรุณประเสริฐ
เลขานุการ สุรัตนา สุริยกุล

เรื่องย่อ
ที่พระนครศรีอยุธยา หมอคํา แพทย์แผนโบราณชักจูงสี่หนุ่ม กั่ว แก้ว พิศ และ ทอง ไปแสวงโชคตามลายแทงซึ่ง ขุนอัคนีฯ นายทหารที่เสียชีวิตในสนามรบ ได้สั่งเสียให้ฝังตําราชุบชีวิตไว้พร้อมศพของตนใต้เจดีย์ สี่หนุ่ม ตกลงร่วมขบวนไปขุดศพเพราะหวังว่าอาจจะเจอสมบัติอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อขุดพบศพตามลายแทง หมอคําไม่รอช้า ผสมยาชุบชีวิตตามตํารา และลองกรอกยาให้ขุนอัคนีฯ หลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่เป็นผล หมอคําจึงชวนกั่วและพิศไปขุดศพที่เพิ่งตายมาทําการทดลอง ทิ้งทองกับแก้วเฝ้าศพขุนอัคนีฯ คล้อยหลังหมอคํา ขุนอัคนีฯ ก็ลุกพรวดตรงมาจับบ่าแก้ว ทั้งสองสะดุ้งตัวลอยวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้น เมื่อไปถึงที่มาของเสียงก็พบศพหญิงสาวถูกบีบคอตาย แต่ไร้ร่องรอยของขุนอัคนีฯ
เที่ยงคืนวันหนึ่ง สนาน นัดแนะ เพลินพิศ มาพลอดรักกันในสวน ขณะที่หนุ่มสาวกําลังกอดรัดกัน ขุนอัคนีฯ ก็โผล่เข้ามาบีบคอสนานสลบคามือ เพลินพิศตื่นตระหนก กรีดร้องสลบไปอีกคน ขุนอัคนีฯ พลิกดูใบหน้าของเพลินพิศ แล้วให้นึกถึง สุดา เมียรักที่ต้องจากกันเมื่อครั้งไปออกรบ จึงอุ้มเพลินพิศหายไปในความมืด นายพิณ และ นางสิน ผู้เป็น พ่อและแม่ของเพลินพิศ เห็นลูกสาวหายไปนานจนผิดสังเกต จึงตระเวนเดินหาจนมาพบสนานที่เพิ่งฟื้นจากการสลบ จึงไปตามตัวหมอคํา เมื่อหมอคําได้ฟังความจากสนานจึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของขุนอัคนีฯ และบอกให้ทุกคนเริ่มออกตามหาเพลินพิศในเวลากลางวัน เพราะเป็นเวลาที่ขุนอัคนีฯ หมดฤทธิ์และคงจะหลบซ่อนตัวในโลงศพที่วัดร้างสักแห่งเป็นแน่
ทุกคนแยกย้ายกันออกตามหา จนพบร่องรอยว่า ขุนอัคนีฯ ว่าจ้างแท็กซีขนโลงศพสองโลงไปส่งที่โกดังสินค้า สนานและหมอคําจึงรีบไปยังที่หมายตามคําบอกเล่าของคนขับแท็กซี่ เพลินพิศพยายามหาทางหลบหนีแต่ขุนอัคนีฯ ตามมาทัน โชคดีที่สนานและหมอคํามาถึง หมอคําจึงใช้มีดอาคม แทงขุนอัคนีฯ กลายเป็นซากศพสิ้นฤทธิ์ตั้งแต่นั้นมา

นักแสดง

นิด ภู่ภิญโญ เป็น สนาน
พึ่งจิตต์ เทพนนท์ เป็น เพลินพิศ
หาญ เชื้อตะวัน เป็น พิณ
เจียน ประยูรต เป็น สิน
หมื่นขับคําหวาน เป็น หมอคํา
หลวงประทิตย์ฯ เป็น ทอง
นิลรัตน์ ณ อยุธยา เป็น พิศ
เฉย สนธิวงศ์ เป็น แก้ว
หร่อง แส้ทอง เป็น กั่ว
สืบสาย ชื่นวิเศษ เป็น บุญชู ศิริ
อ่องสุนทร เป็น เจ้าของเบียร์ฮอลล์
พัน ศุขน้อย เป็น ผู้จัดการเบียร์ฮอลล์
อุดม เป็น นักเลงโตประจําเบียร์ฮอลล์
ตั้ง เดชพันธ์ เป็น หัวหน้ากรรมกรโรงโกดังท่าเรือ

ขุนช้างขุนแผน ตอน จับเสน่ห์เถรขวาด

 

ขุนช้างขุนแผน ตอน จับเสน่ห์เถรขวาด


 ฟิล์ม 16 มม. / ขาวดํา? / พากย์
? มีนาคม 2492
บริษัทสร้าง แสงหิรัญภาพยนตร์
ผู้กํากับ อิน แสงหิรัญ
ผู้ถ่ายภาพ นิด ยวงพานิช, บุญมา วรบุตร

เรื่องย่อ
พระไวยออกไปรบกับพลายชุมพล แต่ถูกขุนแผนไล่ฟันจนแตกทัพ พระไวยจึงเข้ามากราบ ทูลพระพันวษาว่าขุนแผนและพลายชุมพลเป็นกบฏ พระ พันวษารับสั่งให้ศรีมาลาไปรับขุนแผนกับพลายชุมพลมา เข้าเฝ้า เพื่อถามถึงสาเหตุที่ทะเลาะกับพระไวย ขุนแผน กับพลายชุมพลกราบทูลว่า พระไวยถูกสร้อยฟ้าทําเสน่ห์ มิหนําซ้ํายังเฆี่ยนตีศรีมาลา พระพันวษายังไม่เชื่อดี จึงตรัสว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ให้ขุนแผนจับตัวคนทําเสน่ห์ พระไวยให้ได้ จึงจะอภัยโทษพลายชุมพล ขุนแผนรับคํา โดยมีจมื่นศรีเสาวลักษณ์ไปเป็นพยานในการจับตัวคนทําเสน่ห์

นักแสดง
ศิริ ผิวสังข์ เป็น ขุนแผน
แฟ้ม รัตน์ตัญญ เป็น เถรขวาด
เชื้อ เป็น จมื่นศรีฯ
วิชัย เป็น ชุมพล
รอด (เล็ก) เป็น ขุนจิ๋ว
รอด (ใหญ่) เป็น ขุนธรณีบาล
อ่อนเตี้ย เป็น หัวหมู่
เชื่อม ไกลชั่ว เป็น นางพราย
แม่ครูช่วย อ้วนโต เป็น ทองประศรี

ที่มา นิตยสารภาพยนตร์สาร มีนาคม พ.ศ.2492