Home » » ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล

ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล



ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล

ปีเกิด  : 2485

ประวัติโดยย่อ :
ศิลปินแห่งชาติ สาขาการแสดง ประจำปี 2544 “ท่านมุ้ย” จบปริญญาตรีทางด้านธรณีวิทยา จาก UCLA และเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาโท กลับมาเป็นกำลังสำคัญในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่ พ.ศ.2515 จากเรื่อง “มันมากับความมืด “ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีผลงานการกำกับทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2510 มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านการดำน้ำและการถ่ายภาพยนตร์ใต้น้ำ เมื่อ พ.ศ. 2543 ทรงกำกับภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย “สุริโยไท” ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัท พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด

ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นคนทําหนังที่เป็น “ที่สุด” ในหลาย ๆ ด้านแห่ง วงการภาพยนตร์ ท่านเป็นผู้กํากับที่ “เก่าที่สุด ผู้สามารถยืนหยัดอย่างอิสระและมีผลงานต่อเนื่องตลอด 25 ปีเต็ม โดยคงอรรถรสสไตล์ “ท่านมุ้ย” ให้โดดเด่นไว้ได้ในหนังกว่า 30 เรื่อง

เป็น “มือรางวัลที่สุด” ทําลายสถิติผู้สร้างคนอื่น ด้วยการคว้ารางวัล ตั้งแต่หนังเรื่องที่สองของชีวิตคือ เขาชื่อกานต์” เมื่อปี 2516 ก่อนจะเก็บ อีกมากระหว่างทาง จนถึงรางวัลของชมรมวิจารณ์บันเทิงปีปัจจุบันจากเรื่อง “สาละวิน

ทั้งความเก่าและความเป็นมือรางวัลนี้เอง ทําให้ท่านกลายเป็นคน สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับการ “ยอมรับมากที่สุด ว่าหาใครทาบได้ยาก ไม่ว่าจะ เป็นในด้านกํากับ ถ่ายภาพ ตัดต่อ เขียนบทภาพยนตร์ ในรอบสามทศวรรษ

และล่าสุดเชื้อพระวงศ์สกุลนักทําหนังนาม “ยุคล” ผู้นี้ก็กําลังสร้าง ความเป็นที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการเปิดประตูหนังไทยสู่ตลาดสากล สามารถสร้างความยอมรับในระดับโลก จนได้รับเชิญให้นําออกแสดงบนหลาย เวทีนานาชาติ นําพาเรื่องราวเกี่ยวกับ “ชีวิตเล็ก ๆ ที่มีตัวเอกเป็นเพียง โสเภณี มือปืน คนเลี้ยงข้าง หรือครู ให้กลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจใน สายตาของชาวโลก

ซึ่งทําให้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ยิ่งใหญ่อีกครั้งในสายตาคนไทย

มีผลงานในตำแหน่ง : ผู้กำกับ

ผู้กำกับ – ผลงาน

1.ความรักครั้งสุดท้าย (2546)
2.สุริโยไท (2544)
3.กล่อง (2541)
4.เสียดาย 2 (2539)
5.เสียดาย (2537)
6.เฮโรอีน (2537)
7.มือปืน 2 สาละวิน (2536)
8.คนเลี้ยงช้าง (2533)
9.ครูสมศรี (2529)
10.อิสรภาพของทองพูน โคกโพ (2527)
11.มือปืน (2526)
12.ถ้าเธอยังมีรัก (2524)
13.อุกาฟ้าเหลือง (2523)
14.กาม (2521)
15.ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น (2520)
16.รักคุณเข้าแล้ว (2520)
17.เทวดาเดินดิน (2519)
18.ความรักครั้งสุดท้าย (2518)
19.ผมไม่อยากเป็นพันโท (2518)
20.เทพธิดาโรงแรม (2517)
21.เขาชื่อกานต์ (2516)
22.มันมากับความมืด (2514)



หนังของท่านมักจะเน้นการสะท้อนปัญหาสังคมของแต่ละยุคสมัย

"ผมไม่เคยคิดทำหนังสะท้อนสังคม แต่ผมทำหนังที่พูดถึงความเป็นจริงของสังคมต่างหาก โดยไม่ต้องบอกหรือตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด การทำหนังมันจะมีสองประเภท หนึ่งคือเรื่องที่ขายความฝัน กับสอง เรื่องที่ขายความจริง ผมทำเรื่องที่ขายความจริง ซึ่งทำได้ไม่ยาก เพราะมันมีอะไรบางอย่างเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว ทีนี้เราต้องคิดว่า เราทำให้ใครดู ผมคิดว่าคนดูของผมคือคนทั่วไป ผมก็จะทำสิ่งที่คิดว่าน่าสนใจสำหรับคนดูทั่วไป อย่างการทำเรื่องราวชีวิตของคนเล็กๆ เช่น โสเภณี คนขับแท็กซี่ คนเลี้ยงช้าง อะไรพวกนี้ ก็เพราะเรื่องราวของพวกเขาน่าสนใจและเป็นเรื่องของคนทั่วไป

แต่เรื่องของพวกชนชั้นสูง ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ มันไม่มีอะไรเลย ผมทำหนังแสดงความจริงของชีวิตของสังคม และผมคิดว่า หนังไม่ควรจะอิงตามแฟชั่นมาก อย่างเรื่องของนักแสดงหรือการแสดง ถ้าเราสร้างคาแรคเตอร์พระเอกตามแฟชั่นดวย ใครดังเอามาเล่นตามบทที่เขาดังอยู่แล้ว คนจะดูพักเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นทรงผม บุคลิก การแต่งตัว มันบอกระยะเวลา และเมื่อพ้นเวลานั้นก็หายไปง่ายจะตาย" 

 
 
Share this article :

แสดงความคิดเห็น