Home » » หมากเตะรีเทิร์นส์

หมากเตะรีเทิร์นส์

 



หมากเตะรีเทิร์นส์

กลับมาคราวนี้...มีฮากว่าเดิม

 ชื่อเดิม หมากเตะ โลกตะลึง

หมากเตะ...โลกตะลึง : แซบอีหลี แอนด์ ดีลิเฌียส หลายเด้อ

“ไทยจะไปบอลโลก”
ความฝันอันยาวนานของแฟนบอลชาวไทยกำลังจะเป็นจริง หนังสือพิมพ์ตีข่าวใหญ่ “พงศ์นรินทร์ อุลิศ กลับไทย!” , “สานฝันบอลไทย ไปบอลโลก!”
เสียงเรียกร้องให้ พงศ์นรินทร์ โค้ชไทยคนแรกที่ไปสร้างชื่อบนเวทีพรีเมียร์ชิพ เข้ารับตำแหน่งโค้ชทีมไทยดังระงม

แต่สมาพันธ์ยังแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่เชื่อ น้ำยาโค้ชไทย ร้อนถึง “เจ๊มิ่ง” เศรษฐีนีบ้าหวย บ้าบอลซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ ของพงศ์นรินทร์ เดือดจัดประกาศว่า ถ้าถูกลอตเตอรีรางวัลที่ 1 จะเอาเงินไปทุ่มเป็นสปอนเซอร์ ให้หลานรักทำทีมไทยไปบอลโลก แล้วสวรรค์ก็บันดาลให้เจ๊มิ่งถูกหวยชุดใหญ่ 192 ล้านบาทขึ้นมาจริงๆ!

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสมาพันธ์อยากได้เงิน แต่ไม่อยากได้คน
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทีมลาวอ้าแขนต้อนรับโค้ชไทย แต่ทีมไทยผ่าไปแต่งตั้งโค้ชบราซิล
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อโชคชะตาเล่นตลก ให้แมตช์ตัดสินไทยพบลาว
“ทีมลาวโค้ชไทย” กับ “ทีมไทยโค้ชบราซิล” ...ใครจะได้ไปบอลโลก!

ผู้กำกับ :
อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม

นักแสดง:



จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม .... พงศ์นรินทร์
น้อย โพธิ์งาม  
เสกสรร สุทธิ์จันทร์ .... แสงเหล็ก
แพรว ประพิณทิพย์ .... ตุ๊กตา

วันที่เข้าฉาย: 18 พฤษภาคม 2549

ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์
 

หมากเตะ...โลกตะลึง : แซบอีหลี แอนด์ ดีลิเฌียส หลายเด้อ
เขียนโดย Obelisk สิ (เพ้อ) ไปไส

อาทิตย์, 14 พฤษภาคม 2006
...ก่อนจะได้ดูหนัง "หมากเตะ...โลกตะลึง" ฉันก็มัวแต่ "โตะ หลุม รัก" ผู้กำกับหนังเรื่อง เด็กหอ คนนั้น อิอิ เลยได้ข่าวดี (ของตัวเอง) แว่วข้างหูว่า โปรเจ็คต์หนังใหม่ของพี่ย้ง เป็นหนังรักแน่ ๆ โอ้วววว...ว้าววว พี่ขา หนูจะต้องตั้งตารอนับวันชื่นคืนสุขของเราเป็นแน่ค่ะ เห็นไหมคะ พี่เจอะหนูแค่นี้หวั่นไหวถึงขั้นผละหนีจากหนังผีมาทำหนังรักเลยเชียววุ้ย...ในบัดดลที่บนเวที แสงไฟทุกดวงก็ลุกพรึ่บ...ไล่ความเพ้อเจ้อของฉันให้ตื่นจากภวังค์...มันกำลังเร่งทำงานหนักด้วยการเปิดตัวหนัง "หมากเตะ...โลกตะลึง" เฮฮากับการเรียกน้ำย่อยก่อนดูหนัง สนุกสนานตามสไตล์ จีทีเฮ็ด ที่มีพิธีกรเจ้าประจำ ตัวดำ ๆ อย่าง "โอปอลล์ เพื่อนสนิท" และ อ้วนดำอย่าง "แจ๊ค แฟนฉัน" มาปล่อยมุขขำ ๆ ที่ต้องยอมซูฮกให้เป็นความสามารถเฉพาะตัว...จริง ๆ...แถมมีจังหวะคึก ๆ คัก ๆ ของสาว ๆ สปอร์ตเกิร์ลมาเต้นสะบัดบนเวที แดนซ์ให้เข้าบรรยากาศการเชียร์กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ เทศกาลฟุตบอลโลก 2006 ในหนังเรื่องนี้ พร้อมทั้งโจ๊ะ ๆ โย่ ๆ ไปกับเพลงฮิพ ๆ "สิไปไส" จากวงฮิพฮอพ L.O.G ของประเทศลาว (อัลบั้มเพลงที่ออกกับก้านคอคลับ วางแผงแล้ว – ชอบหลายเด้อ)...เมื่อพิธีกรพูดคุยกับ พี่ปิ๊งได้ที่แล้ว เราได้รู้จักผู้กำกับมา-มากเกินพอแล้ว (ความเดิมจาก แฟนฉัน) เราจะข้ามช็อตไป ข้าม ๆ ประวัติผู้กำกับไป เพราะมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่า (ฮา)

...นั่นคือ เพราะยังมีเซอร์ไพรส์ที่น่ารักมาก ๆ เก๋มาก ๆ กระทบใจมาก ๆ กรีดใจมาก ๆ นั่นคือ ใช่ค่ะ การร้องเพลงประกอบไปกับการเต้น (เอ่อ...อาจจะเรียกว่า การขยับขา ก้าว ชิด ก้าวก็ได้ค่ะ) ของอีก 3 หนุ่ม ที่เหลือจาก ผกก. แฟนฉัน 1 พี่เดียว ที่ไม่ทำหนัง ทำแต่ตัดหนัง อีก 1 คือเฮียบอล ที่ "เก๋า" กำลังจะฉายเร็ว ๆ นี้ เฮียแกถ่ายไป 10 เปอร์เซ็นต์ละ ถ้าหูไม่หนวกสนิท ฉันได้ยินพี่แกว่า เดือนตุลานะน่าจะได้ชมกันแล้ว 1 หนุ่มสุดท้ายนั่น แฟนฉ้านนนนนตัวจริง พี่ย้งนั่นเอง ด้วยเสียงร้องที่โดดเด่นแฝงความอบอุ่นนุ่มนวลเสนาะเพราะจับใจ การเต้นเยื้องเท้าแต่ละก้าวช่างเท่กินขาด เฮ้อ...ดูดีไปหมด เห็นแล้วคอเคล็ด ขอ เฮ้อ อีกทีซิ

...นัยว่า 3 หนุ่มแฟนฉันมาร้องเพลงให้กำลังใจหนังเดี่ยวเรื่องแรกของเพื่อนปิ๊งนั่นเอง

...ส่วนอีก 2 หนุ่ม ที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะติดหนัง พี่ต้น (Season Change) ติดถ่ายหนังอยู่ศาลายา ส่วนพี่เอส (หนูหิ่น) ไม่รู้ไปติดเนื้อติดหนังสาว ๆ อยู่ที่ไหน (ฮา)


ก่อนจะไปดูหนัง แรกเริ่มเดิมที ฉันก็โดนคำค่อนแคะแยงหูว่า "แกไม่ชอบหมากเตะ แกมันใช้อคตินำ" ฉันยักไหล่ทิ้ง 3 ที แหม...ก็จากตัวอย่างหนัง (เวอร์ชั่นแรก) มันท่าทางน่าแหวะนี่หว่า แม้บางครั้งจะยังได้ยินเสียงพี่เก้งลอยแว่วมาจากปีก่อนโน้นว่า "หมากเตะ ฮามาก ดูเป็นหนังรักชาติที่ฮามาก" แต่ฉันก็บ่สะทกสะท้าน เฮียปิ๊งแกคงขนเอา "มุขลาว", "มุขกะเหรี่ยง" มาใส่ขำ ๆ ในเรื่องล่ะสิ

...แหม ก็พักหลังนี่ไปเจอ "โบอา งูยักษ์ ปากแหก" มานี่คะ (ผู้กำกับมาจากสำนัก อามานพ อุดมเดชเลยเชียว) เลยช่วยไม่ได้ที่เหมารวมว่า ทิศทางหนังไทยที่ใส่กะเหรี่ยง ชาวดอย ลาว อีสาน คนใช้ คนชายขอบ คงหนีไม่พ้นการเรียกเสียงหัวเราะ(เยาะ) จากความแตกต่างที่ต้อยต่ำของลักษณะทางกายวิภาค ความล้าหลังจากการเดินตามเส้นทางสายอารยธรรม

...ไงล่ะ คิดไปได้ลึกซึ้งมะ ไอ้มุขประเภทแบบ "โชว์ลาว" ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าขำตรงไหน แล้วไอ้คนประเภทที่ทำหนังประเภท "โชว์ลาว" กะขายขำนี่ พี่เค้าคงจัดระดับชั้นเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ กระมัง ถึงได้เที่ยวขำขันชาวบ้านพวกนอน-เพอร์เฟคเขาไปทั่ว

...พี่ปิ๊ง กับ "หมากเตะ" นี่ ชั้นส่ายหัว ตามประสาคนมองโลกในแง่ร้ายเฟ่ย ถ้าชั้นต้องสูญเสียช่วงเวลาอันงดงามราว 2 ชั่วโมงในโรงหนังเพื่ออะไรที่ไม่สบอารมณ์แล้วล่ะก็ หนังเรื่องนั้นเตรียมตัวซวยไว้ได้เลย...อิอิ

...พอเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็แทบลืมไปเลยว่า วันนี้มาทำอะไรที่เซ็นจูรี่ เพราะมัวแต่หน้ามืดตามัวตาลายกับความรัก เลยทำให้ค่อย ๆ ผ่อนคลายอคติ "หมากเตะ" ลง ด้วยการประคับประคองจากรอยยิ้มของเพื่อนผู้กำกับ "หมากเตะ"...แต่การแพ้เพราะไม่เคยได้ลงแข่ง น่าเสียดาย น่าเสียดาย อย่าเก็บมันไว้ อย่าปิดมันไว้ เมื่อไปเจอใครที่แคร์...อ่ะนะ มีเพลง "ไม่แข่งยิ่งแพ้" ของป้า...ประกอบซะด้วย

..."หมากเตะ...โลกตะลึง" ว่าด้วยเรื่องของโค้ชฟุตบอลหนุ่มชาวไทย "พงศ์นรินทร์ อุลิศ" (เอ็กซ์ จักร์กฤษณ์ พานิชผาติกรรม) ที่แนวทางหนังวางหมากให้พี่แกได้คุมทีมฟุตบอลโกอินเตอร์มาทั่วร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำ เก่งขนาดหนัก เก่งขนาดไหน เก่งขนาดนั้น แต่โค้ชไทยคนนี้ กลับมีสิ่งใฝ่ฝัน ที่อาจจะดู โน-อินเตอร์ นั่นคือ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง คนไทยหัวใจและเลือดเนื้อรักที่จะหวังจะเห็นคนร่วมชาติได้เฮลั่นกับชัยชนะของฟุตบอลไทย

...ถูกแล้ว พงศ์นรินทร์ อยากเป็นโค้ชให้ทีมไทยนั่นเอง

..."เจ๊มิ่ง" (น้อย โพธิ์งาม) น้าสาวที่จูงมือหลานชายเข้ามาผูกพันกับลูกบอลตั้งแต่เด็กแต่เล็ก (น้อง Son สะกิด ๆ ว่าชื่อโรงเรียนที่ปักอกเสื้อนักเรียนของพงศ์นรินทร์ อุลิศ คือโรงเรียนเดียวกับ "ด.ช. ชาตรี ณ เด็กหอ") น้ากับหลานเป็นคอบอลที่กอดคอลุ้นบอลมาด้วยกัน แล้ววันหนึ่ง ถ้ามีโอกาส...ถ้ามีโอกาสมายื่นให้หลานชายได้เป็นโค้ชสมใจ ความหวังที่จะพาทีมไทยไปบอลโลกบ้าง คงไม่เป็นแค่ความหวังที่ระเหยเปล่า

...วันหนึ่ง พระเจ้ามีเสียงมาจากสวรรค์ สื่อผ่านมาทางวิทยุ "รางวัลที่หนึ่ง คือ...รางวัลของเจ๊" เจ๊มิ่งโชคช่วยถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ เจ๊ตระเตรียมจะทุ่มเงินสนับสนุนทีมบอลไทยสุดตัว ขอเพียงหลานรักได้เป็นโค้ช แต่แล้วการณ์กลับกลายเป็นว่า คนไทยที่ตั้งใจจะกลับมารับใช้ชาติ กลับต้องเดินคอตกออกไป ทิ้งความหวังที่ให้ใจกับทีมไทยวางไว้หลังประตู ให้ฝรั่งหัวแดงได้นั่งคอตั้งรับตำแหน่งนั้นแทน

...น้าแกอาละวาด ทำประชดใส่ประเทศชาติซะเลย ประกาศวาจาสิทธิ์ใหม่ หันไปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนประเทศลาวแทน

...และนั่น ดันคือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อลาวดันได้เข้ารอบไปบอลโลก



...ความสนุกสนานของหนังจึงแฝงตัวอยู่ตั้งแต่การตามหาตัวนักฟุตบอลแต่ละคน เพื่อรวบรวมมาร่วมเป็นทีมชาติลาว

...เห็นนักเตะลาวสไตล์ "โย่ว แหมน" แอบวอบแวบคิดไปถึง กะเหรี่ยงป่า (ยัดปากให้) พูดภาษาแคมบริดจ์ในหนังไทยฟอร์มยักษ์เรื่องนั้น แล้วขำในความพยายามของอามานพแกจริง ๆ คนใกล้ตัวเปรียบเปรยว่า นั่น น่าจะเป็นคาแร็คเตอร์อามานพเอง หึ หึ "But you have credit card แหมน !!!" (ถ้าไม่เข้าใจ กรุณาหา "หนังงู" เรื่องนั้นมาดูซะ แล้วจะเก็ทเอง...แหมน)

...เก๋ ๆ กับการรวบรัดช่วงเวลาของการเล่าเรื่อง ด้วยวิธีการตัดต่อ เพื่อให้เข้าถึงหนังได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องอรรถาธิบายยาว ทั้งการเล่าหนังผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ การวางตำแหน่งนักหมากเตะบนสนาม แม้กระทั่งลีลาการเตะที่แพรวพรายชั้นเชิงขนาดนั้น

...พี่ก็ทำได So Cool แหมน


มุขสารพัดของหนัง สอดใส่ในเวลาที่เหมาะเจาะ จึงได้ความขบขัน เสียงหัวเราะจากคนดู ตามที่คนทำหนังต้องการ ตามมาตรฐานงานของจีทีเอช และทั้งหลายใน "หมากเตะฯ" นั้นเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ทำร้ายใคร – อันนี้ชื่นชมเพราะชื่นชอบค่ะ

...หนังให้ เจ๊มิ่ง ซึ่งเป็นคาแร็คเตอร์เสมือนจริงของน้อย โพธิ์งาม คนพูดอีสานที่พื้นเพผูกพันแทบจะเรียกได้ว่า บ่งบอกความเป็นน้องพี่ ระหว่างไทยลาวได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ การให้ไทยเล่นตบหัวลาวด้วยความคึกคะนอง จึงไม่มี ไม่เห็น และชัดเจน เมื่อหนังให้น้อย โพธิ์งามบอกประโยคที่แสดงเยื่อใยมหาศาลระหว่างไทย-ลาว ในฉากที่น่าประทับใจมาก

...ท้ายสุดการเผชิญหน้าของความขัดแย้งในตัวโค้ชพงศ์นรินทร์ จึงเป็นการที่ต้องนำทีมลาวบนบ่า ไปต่อสู้ในสนามกับทีมไทยประเทศบ้านเกิด และบนแผ่นดินไทย

...ฉากหนึ่งที่ฉันชอบ จึงเป็นการได้เห็นโค้ชพงศ์นรินทร์ ร้องเพลงประจำชาติลาวอย่างมุ่งมั่น และร้องเพลงชาติไทยอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ฉันมองเห็นฉากนั้น เปรียบประหนึ่ง ไอ้คานที่กำลังเงยหน้ามองลูกไฟพญานาคขึ้นจากลำน้ำโขง ในตอนจบของ "15 ค่ำ เดือน 11" เรื่องนั้นเลยเชียว

...การต่อสู้ของทีมลาว จะได้ไปบอลโลก...บอลโลด ได้ไปแล้วจะบาดเจ็บเละเทะแค่ไหน ไม่มีใครประหวั่นพรั่นพรึงต่อการพ่ายแพ้ที่รออยู่นั้น ไม่มีใครย่าน (กลัว) เพราะประโยคยุยงปลุกใจจากเจ๊มิ่งที่ว่า "ทำวันนี้ซะให้ดีที่สุด" เพราะอีก 4 ปี พวกเจ้าก็ต้องไปเลี้ยงลูก เลี้ยงหลานอยู่บ้าน โอกาสมันก็มีแค่ครั้งเดียวในชีวิตแหละสูเจ้า เพราะฉะนั้น สู้โลด...โลด

...ในความเป็นหนังค่ายจีทีเอช ด้วยคอนเซ็ปต์หลักแห่งหนังขาย Feel Good ก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสันของนักแสดง(รับเชิญ) ที่คนดูคุ้นเคย แต่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นบนจอหนัง ฟากฝั่งกีฬารายวัน บอ บู๋, คุณพี่วีรศักดิ์ นิลกลัดหรือนักแสดงไม่คุ้นหน้า แต่กิตติมศักดิ์อย่าง พี่นรา, ไมเคิล เชาวนาศัย หรือขาประจำอย่างไอ้แจ๊ค ที่แค่มาเดินส่ายนมโทงเทง...มันก็มา, เจ๊ จิ๋มใหญ่ กับบทแม่ค้าขายปลา, นักกีฬาในสนามไม่มีตัวตนที่ชื่อ สุขมากอนันต์ และแม้กระทั่งตัวผู้กำกับฯ โผล่มารับเชิญในหนังตัวเอง

...ท้ายนี้คงต้องปรบมือแล้วยกนิ้ว (แถมนิ้วของคนอื่นด้วย) ให้อย่างเต็มใจจริง ๆ ค่ะ เฮ็ดได้ เฮ็ดดี จีทีเฮ็ด พี่เก้งยอดเยี่ยมมากค่ะ อ่ะ...อ้าว พี่ปิ๊ง หรอกเหรอคะ (อิอิ)

...แล้วคืนนี้ฉันเห็นจะต้องลาจากไปพร้อมกับอาการไร้สติ ไปพร้อมกับคำพูดที่ก้มเอียงกระซิบข้าง ๆ หูว่า "เชียร์หนัง จีทีเอช ด้วยนะครับ"

...ได้ค่า พี่ย้ง รับคำได้ทันทีค่ะ เว็บเราไม่มีความเป็นกลางหลงเหลืออยู่แล้วค่า (อิอิ)

...แต่เอ๊ะ เมื่อกี้พี่ชมว่าใครเขียนบทวิจารณ์ เด็กหอ ดี (กว่าของหนู) เหรอคะ

...เอ๊ะ เอ๊ะ แล้วหยั่งงี้ เว็บนี้ควรจะสู้ต่อไปเพื่อพี่ไหมหนอ

...วุ้ย ความรักทำให้หมาเห่าเครื่องบินก็ได้ สาธุ สาธุ...น่าเสียดาย น่าเสียดายยยยยยยยยยย (อิอิ) 



Share this article :

แสดงความคิดเห็น