Home » » ผีเสื้อและดอกไม้

ผีเสื้อและดอกไม้

 

ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น
โดยความร่วมมือของ
สำนักงานส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
เสนอ ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม
เพื่อร่วมฉลองปีเยาวชนสากล
ใต้สุดเขตประเทศไทย ยังมีความรัก
การผจญภัยและความใฝ่ฝันของชีวิตเล็กๆ
ผีเสื้อและดอกไม้
ยุทธนา มุกดาสนิท กำกับการแสดง
ด.ช.สุริยา เยาวสังข์, ด.ญ.วาสนา พลเยี่ยม, สุเชาว์ พงษ์วิไล,
ดวงใจ หทัยกาญจน์ และ โรม อิศรา
นิพพานฯ บทประพันธ์
รัศมี เผ่าเหลืองทอง บทภาพยนตร์
นิวัติ สำเนียงเสนาะ บันทึกเสียง
บัตเตอร์ฟลาย ดนตรี
ปัญญา นิ่มเจริญพงศ์ กำกับภาพ
ม.ล.วราภา เกษมศรี ลำดับภาพ
เจริญ เอี่ยมพึ่งพร อำนวยการสร้าง
*เกร็ด
-ใบปิดวาดโดย ทองดี

ผีเสื้อและดอกไม้ : ผีเสื้อของเด็กหญิงความฝัน และดอกไม้ของเด็กชายสายฝน  
เขียนโดย เจ้าชายน้อย  
พฤหัสบดี, 04 สิงหาคม 2005


หลังจากเรียนจบชั้นประถม เด็กชายฮูยัน และเด็กหญิงมิมปี ต้องลาออกจากโรงเรียน ด้วยเงื่อนไขบีบรัดของชีวิต เด็กชายฮูยันเป็นเด็กเรียนดี เรียบร้อย ช่างคิด และและมุ่งมั่นในสิ่งดีงาม แต่ฮูยันก็เป็นพี่ชายของ ดุนญา และ อาเครญา น้องอีกสองคนที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียน และเป็นลูกของป๊ะ ผู้เป็นกรรมกรสถานีรถไฟ แม้ป๊ะจะทำงานหนัก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินพอสำหรับเลี้ยงลูกทั้งสามได้ ดังนั้นแม้ว่าจะอยากไปเรียนหนังสือมากแค่ไหน ฮูยันก็ต้องเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เด็กอย่างเขาจะทำได้

เด็กหญิงมิมปี เป็นเด็กช่างพูด ช่างซักช่างถาม และเป็นลูกของแม่ค้าขายของชายแดน หลังจากเรียนจบประถม เธอตั้งใจจะออกไปค้าขาย ขึ้นล่องระหว่างเมืองใหญ่กับชายแดน ช่วยแม่ของเธอขายของ ฮูยันเรียนห้องเดียวกับมิมปี และทั้งคู่รู้จักกันเพราะแปลงดอกไม้ และไอติมหวานเย็นสีฟ้า ที่ฮูยันเอามาขายก่อนจะลาออก

หลังจากออกจากโรงเรียน ฮูยันพบมิมปีที่สถานีรถไฟ รถไฟพาเขาไปพบโลกแปลกใหม่ นำพาผู้คน และเรื่องเล่าใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต และรถไฟนี่เองที่พรากเอาบางสิ่งบางอย่างไปจากชีวิตของฮูยันเช่นกัน

บนเส้นทางรถไฟสายที่มุ่งสู่ชายแดน ความฝันของเด็ก ๆ เลื่อนไหล ไปพร้อมกับการเติบโต อันมีทั้งความสวยงาม และความเจ็บปวด ในนามของ-การมีชีวิต

หนังเรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ นิพพาน ที่เขียนขึ้นในปี 2521 และได้รับรางวัลมากมายรวมทั้งกลายเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีกด้วย

หนังถูกสร้างขึนในปี 2528 โดยฝีมือของ ยุทธนา มุกดาสนิท เจ้าของผลงานอย่าง น้ำพุ, หลังคาแดง และวิถีคนกล้า ซึ่งกำกับหนังเรื่องนี้ออกมาอย่างซื่อตรงต่อบทประพันธ์ โดยแทบไม่มีการตัดทอน และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ดีการถ่ายทำในสถานที่จริงเกือบทั้งหมด การใช้นักแสดงหน้าใหม่ (ซึ่งเล่นกันอย่างขัดเขินจนเป็นธรรมชาติ) รวมไปถึงการได้รับบริการจากดารารุ่นใหญ่ฝีมือดีอย่าง สุเชาว์ พงษ์วิไล และ ดวงใจ หทัยกาญจน์ ดนตรีประกอบสวยงามฝีมือ อ.ดนู ฮุนตระกูล และคุณจำรัส เศวตาภรณ์ รวมไปถึง การเลือกใช้ภาษาภาพ ทำให้หนังไม่ได้ยิ่งหย่อนคุณค่าในความเป็นภาพยนตร์ลงไปเท่าใดนัก

หนังตั้งคำถามถึงชีวิตของผู้คนชายขอบโดยเฉพาะชีวิตของเด็ก ๆ ที่เกิดในรั้วรอบขอบชิดแห่งความยากจน ไม่ว่าเด็ก ๆ เหล่านั้ จะเกิดในศาสนาใด เป็นเด็กดีหรือเด็กร้าย มีการศึกษาหรือไม่ สิ่งที่แบ่งแยกผู้คนออกจากกันอย่าสากล และแสนเจ็บปวดคือ ความยากจนกับความมั่งมี


ภาพของฮูยัน และน้อง ๆ รวมไปถึงเด็ก ๆ ค้าข้าว (ซึ่งเคยมีอยู่จริง ๆ ในนามของกองทัพมด ก่อนที่จะล่มสลายไปพร้อม ๆ กับการค้าของหนีภาษีอย่างเป็นระบบของนายทุน) ความยากจน นำมาซึ่งความเจ็บป่วยของป๊ะ การไม่ได้เรียนต่อของฮูยัน ซึ่งถึงแม้จะหัวดีแค่ไหน โอกาสก็มีไม่พออยู่ดี

แต่หนังไม่ได้มุ่งเน้นเพียงฉายภาพชั่วร้ายของเงินเป็นใหญ่ เพราะที่หนังพูดถึงคือ การมีชีวตอยู่อย่างมีความฝัน และความดีงาม หนังให้โมงยามดี ๆ ของฮูยันกับมิมปี และกับเพื่อน ๆ ของเขาบนหลังคารถไฟ (หนังจับภาพเด็ก ๆ บนหลังคารถไฟในแสงแดดยามเย็นได้ทั้งสวยงามและเงียบเหงา) แม้เรื่องราวที่เกิดกับฮูยัน จะเป็นความยากลำบากของการมีชีวิต แต่ชีวิตใช่จะต้องพ่ายแพ้ให้กับความยากลำบากนั้นเสมอไป

ในขณะที่มิมปี (มีชื่อแปลว่าความฝัน) เป็นตัวแทนของความดีงามที่ยังคงหลงเหลือในโลก เธอชี้นำหนทางให้กับฮูยัน และคอยดูแลเขา เช่นเดียวกับอาเดล นาฆา และผองเพื่อน ในฉากหนึ่งนาฆาบอกกับเราว่า -นายอาจจะคิดว่าเราขี้ขลาด แต่นายก็รู้ว่าทุกคนบนนี้ไม่มีใครขี้ขลาดสักคน - เด็ก ๆ ค้าข้าวอาจถูกมองเป็นเด็กเกเรมากปัญหา แต่พวกเขาก็ล้วนทำไปด้วยเหตุผลของตนเองทั้งสิ้น

ภายใต้เรื่องเล่าของการยืนหยัดเพื่อความดีงาม หนังเปิดดวงตาของเราให้เหลียวมองเด็ก ๆ ของเราเองขณะที่เด็กคนหนึ่งอาจร่ำร้องหาวัตถุเครื่องเล่นชิ้นใหม่ เด็ก ๆ อีกจำนวนมากยังคงต้องขายไอติมกันกลางแดด เพื่อให้ได้มาซึ่งเสื้อนักเรียนใหม่สักตัว เรามีสิทธิที่จะเพิกเฉย ทำเหมือนว่าพวกเขาไม่เคยมีอยู่ หรือมองพวกเขาเป็นเพียงพวกขี้เกียจสันหลังยาวหรือ พวกชั่วช้าเบียดเบียนผู้อื่น

แต่ใช่หรือไม่ว่าภายใต้เรื่องราวเหล่านั้นพวกเข้าล้วนต่างมีชีวิต และมีเรื่องเล่าที่เป็นของตัวเอง

หนังไม่ได้พูดถึง ผีเสื้อและดอกไม้ เลย จนกระทั่งตอนท้ายเรื่องในงาน วันฮารี รายอ ผีเสื้อของมิมปี เด็กหญิงผู้มีชื่อแปลว่าความฝันจะต้องโบยบินไปได้แสนไกล และดอกไม้ของเด็กชายฮูยัน ผู้มีชื่อแปลว่าสายฝน คงจะผลิบานอย่างงดงาม เพราะแม้จะยากลำบาก แต่พวกเขาก็มีความฝัน และยังมีชีวิต





Share this article :

แสดงความคิดเห็น