Home » » โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต

โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต



เนื้อเรื่องย่อ: เชน พนักงานฉายหนังร่วมมือกับ ยอด หัวหน้าห้องฉายแอบซูมหนังผีเรื่อง “วิญญาณอาฆาต” เพื่อเอาไปขายเป็นแผ่นเถื่อน แต่เผลอหลับไประหว่างฉาย สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่ายอดหายไป เหลือเพียงกล้องวิดีโอตกอยู่แต่ไม่มีภาพอะไรเลย วันต่อมาเชนลองซูมหนังอีกครั้งและพบว่ายอดกลายเป็นศพอยู่ในหนังที่กำลังฉาย เขากลัวมากแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร หลังจากคืนนั้น เหตุการณ์สยองขวัญต่างๆ ที่เหมือนกับในหนังก็เกิดขึ้นกับเชน เมื่อ ส้ม พนักงานเดินตั๋วที่เป็นแฟนเก่าของเชนได้รู้เข้า ก็บอกเชนว่าหนังเรื่องนี้สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในอดีต ทั้งคู่ตัดสินใจช่วยกันค้นหาคำตอบแข่งกับเวลาว่า ทำไมเหตุการณ์ในหนังผีเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับเชน ที่สำคัญพวกเขาจะหยุดมัน อย่างไร ก่อนที่เชนจะต้องตายตอนจบเหมือนกับพระเอกในหนัง

นักแสดง:

ฉันทวิชช์ ธนะเสวี  
วรกาญจน์ โรจนวัชร  
สฤญรัตน์ โทมัส  
ธนาธร อุตสาหกุล  

ความยาว: 87 นาที 

ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์


รีวิว

โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต   : โปรแกรมนี้ “มัน” ไม่มาจริง ๆ ด้วย
เขียนโดย Deknang
อาทิตย์, 02 พฤศจิกายน 2008

“ตัวอย่างหนังดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” เมื่อพูดถึงวลีนี้แล้ว เราก็ต้องมุ่งเน้นไปที่ “จีทีเอช” ค่ายหนังอารมณ์ดีที่ไว้ใจได้เลยกับการตัดตัวอย่างหนังออกมาเรียกร้องความสนใจจากผู้ชมได้ดีมาก (แทบจะ) ทุกเรื่อง

เอาเฉพาะหนังปีนี้ ไล่ตั้งแต่ กอด, ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น, สี่แพร่ง และ รัก|สาม|เศร้า ที่แม้ว่า “เนื้อหนัง” จริง ๆ ของบางเรื่อง (อย่าง “ปิดเทอมใหญ่ฯ”) จะสร้าง “ความผิดหวัง” ค่อนข้างมากก็ตาม (แน่นอน ยกเว้น พาร์ท “น้องโฟกัส” พาร์ทเดียว) แต่ถ้าวัดเฉพาะ “ด่านแรก-หนังตัวอย่าง” ที่ถือเป็นหน้าเป็นตาในการเรียกร้องความสนใจอย่างที่เราว่าไป ทุกเรื่องที่ว่ามามี “ตัวอย่างหนัง” ที่ “สอบผ่าน” และ “เอาอยู่”

แต่กับเรื่องล่าสุดที่กำลังลงโรงฉายอยู่นี้ “โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต” มันกลับสวนทาง-แหกคอกจากเรื่องอื่น ๆ อย่างน่าตกใจ “ตกใจในความธรรมดาของตัวอย่างหนัง” หาใช่ “ตกใจในความน่าดูของหนัง” ไม่

นี่ยังไม่นับรวมถึง “ใบปิดหนัง(แบบหลัก)” ที่ดร็อปอย่างร้ายแรงอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านการปรู๊ฟมาแล้วจากทางค่ายเอง

หรือผมอาจจะ “หวัง” มากเกินไปก็ได้ (จากงานที่ผ่าน ๆ มา)

เมื่อออกมาในรูปการณ์นี้ ทำให้ผมไม่ได้ “คาดหวัง” ใด ๆ กับหนังเรื่องนี้แม้แต่น้อย ซึ่งนี่อาจจะเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่น่าจะทำให้เรา “ผิดหวัง” น้อยมากถึงมากที่สุดก็เป็นได้

และแล้วก็เดินตัวปลิวเข้าโรงหนังไปดูด้วย “อารมณ์ชิล ๆ”

แต่แล้วก็ต้องออกจากโรงหนังมาด้วย “อาการอึ้ง ๆ”

อึ้งมาก ๆ ใน “ความไม่มีอะไรเลย” หาใช่ อึ้งใน “ความสยองรูปแบบแปลกใหม่” ไม่

นี่ขนาดไม่ได้ตั้ง “ความหวัง” อะไรแล้วนะ

แน่นอน ใน “แง่โปรดักชั่นงานสร้าง” ถือว่าทำได้ในระดับมาตรฐานจีทีเอชอยู่แล้ว แต่เมื่อพูดถึงใน “แง่เนื้อหนัง” กลับเป็นตรงกันข้ามกันอย่างถึงที่สุด

บางเรื่อง (ของค่ายนี้) แม้เนื้อหนังจะไม่ได้ออกมาอย่างประทับใจ แต่เมื่อบวกลบคูณหารกับด้านอื่น ๆ อย่างเช่น “ด้านการแสดง” ก็พอจะผ่านไปได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเท่าใดนัก

แต่กับเรื่องนี้ เนื้อเรื่องจากบทหนังหาความน่าเชื่อถือในการกระทำใด ๆ ของตัวละครไม่ได้เลย ยิ่งบวกกับ “การแสดง” ของ “ดารานำ” ทั้งสองแล้ว ยิ่งทำให้ “ความน่าเชื่อถือ” ของหนัง “ล่องลอย” หนักข้ออยู่ในภวังค์แห่ง “การทำอะไรกันอยู่หรือ” นี่ยังไม่นับรวมกับการหักมุมที่ไม่มีอะไรจะให้หักในความแปลกใหม่ใด ๆ ทั้งสิ้น

“จิม โสภณ” กับบทหนังที่น่าจะไว้ใจได้ (จากเครดิตที่โฆษณาไว้ แน่นอน จาก “ชัตเตอร์ฯ” เรื่องเดียว ส่วนอีกเรื่อง ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) กลับออกมา “ต่ำกว่ามาตรฐาน”

ส่วนงานกำกับครั้งแรกนี้ดูไม่ลงตัวใน “จังหวะการดำเนินเรื่อง” และดูลักลั่นใน “การคุมโทน-อารมณ์” ของหนัง ที่ออกมา “น่าเบื่อ-สนุกน้อยจนน่าตกใจ” มากกว่าจะ “ช็อคความรู้สึกให้อึ้ง-ทึ่ง-เสียว” แต่อย่างใด

นี่ขนาดหนังถูกตัดให้ “สั้นมาก” แล้วนะ (ประมาณ 85 นาทีเท่านั้น ตามเครดิตข้อมูลหน้าโรงหนัง)

“เต๋อ ฉันทวิชช์” ทำสีหน้าและอาการของคนที่ตกอยู่ในความกดดันไร้ทางออกได้เหมือนคนที่ปวดท้องอย่างหนักอยู่ตลอดทั้งเรื่อง (เจ๋งป่ะล่ะ!!!) เห็นแล้วอยากตะโกนออกบอกไปว่า “เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดทางออกอยู่ที่ทางเข้าห้องน้ำนั่นยังไง” จะมามัววิ่งเข้าวิ่งออกในโรงหนังทำไม (ฟะ)

“พันช์ วรกาญจน์” แม้บทจะน้อยมาก แต่พอโผล่ออกมาบนจอเมื่อไหร่ ก็ก่อให้เกิดอาการเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในจุดเยือก “แข็ง” (เจ๋งป่ะล่ะ!!!) เมื่อเทียบกันแล้ว การแสดงในมิวสิควิดีโอของเธอยังดูดี ไหลลื่น มีชาติตระกูลกว่าในเรื่องนี้เป็นไหน ๆ

งานนี้เลยไม่รู้จะโทษใครดีระหว่างผู้กำกับและดารา เพราะเคมีของทั้งคู่ นอกจาก “ไม่มีเสน่ห์” แล้ว ยังดู “ไม่เข้ากัน” และไม่อาจ “คุมหนัง” ได้อยู่เลย รวมถึงไม่สามารถดึงดูดให้คนดูเอาใจช่วยเขาและเธอได้แม้แต่น้อย

เอาเป็นว่า ยังไง “การร้องเพลง” ก็เป็นงานที่สาวพันช์ยังทำได้ดีอยู่ รวมถึงเพลงประกอบในเรื่องนี้ด้วย ฉะนั้น มุ่งไปทางนั้นน่าจะเป็นการดีกว่า

ส่วนหนุ่มเต๋อ ไม่ขอพูดถึงได้มั้ย (เฮ่อ ๆ ๆ) เอาเป็นว่า เต๋อยังมีข้อจำกัดในการเป็นนักแสดงอยู่ค่อนข้างมาก (ไม่เชื่อ ไม่อิน ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย)

อย่างนี้ล่ะมั้ง เขาถึงมีคำจำกัดความและความแตกต่างของคำว่า “นักแสดง” และ “ดารา”

เมื่อเป็น “หนังผี” อย่างนี้ จะไม่พูดถึงผีในเรื่องเลยก็กระไรอยู่

“ผีชบา” คือผีที่ถูกหมายมั่นปั้นมือมาอย่างดีว่า จะต้องทำให้คนดูตื่นตระหนก-ตกใจ-ขวัญผวาในการปรากฏกายของมันได้แน่ ๆ

แต่โดยส่วนตัว ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่า ความรู้สึกที่มีต่อการโผล่มาของ “ผีชบา” มันดูตลกและน่ารำคาญยิ่งนักเมื่อรวมเข้ากับเสียงประกอบ “ตุ้งแช่-ตกใจแน่ ๆ”

โอย ๆ ๆ จะตุ้งแช่อะไรกันนักกันหนา นิ่ง ๆ บ้างก็ได้ จะให้ผีแอ็คชั่นกันไปถึงไหน ไม่สงสารผี ก็สงสารคนดูเถอะ มันไม่ได้ทำให้ตกใจจนเหนื่อยเลยนะ แต่มันน่ารำคาญจนเหนื่อยใจมากกว่า

ยิ่งฉากสุดท้ายกับ “ความจงใจ” ที่จะให้บังเกิดความรู้สึก “ตกใจทวีคูณ” นั่นยิ่งแล้วใหญ่

“โอย ๆ ๆ นี่กู เอ้ยนี่เรามาดูหนังตลกเหรอเนี่ย” คงไม่เฉพาะผมที่คิดอย่างนี้ พวกซูมหนัง (ที่หนังเรื่องนี้คิดจะสื่อสารด้วย) นั่นก็คงคิดแบบเดียวกัน

“คิดจะ ‘หลอกด่า’ หรือ ‘หลอกหลอน’ พวกตูเหรอ แค่นี้เด็ก ๆ คอยดู ‘แผ่นผี’ เมิงละกัน”

ฤา นี่มันจะเป็นการหักมุมซ้อนหักมุม ให้มุมหักกระจายกันไปเลยของจีทีเอชกันแน่ มาดู “หนังผี-น่ากลัว” แต่กลับได้ “ความตลก-น่าขัน” กลับบ้านไปแทน

อ้อ “หนังผี (ตลก) 4 มิติ ที่ไม่ได้จบแค่ในโรงหนัง” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อนึกย้อนไปถึงคำโปรยในใบปิดและคำโฆษณาในสื่อต่าง ๆ ที่ว่า “โปรแกรมนี้ ‘มัน’ ไม่มา โปรแกรมหน้า ‘มัน’ มาแน่” และถอดค่าสมการคำว่า “มัน” อันออกมาหมายรวมถึง “ผี, ความน่ากลัว, ความสยดสยอง” จนนำมาซึ่ง “ความช็อคตกใจพรั่นพรึง, อกสั่นขวัญแขวน, อึ้ง-ทึ่ง-เสียวสันหลัง” แล้วล่ะก็ ต้องนับถือ “ความกล้า” ของค่ายจีทีเอชที่โฆษณาหนังได้อย่าง “จริงใจ” ไม่มีการหลอก-เลี่ยง-เบี่ยง-บิด “หน้าหนัง” ไปทางอื่น เพราะเมื่อดูจบแล้วก็รู้สึกได้ทันทีว่า

“โปรแกรมนี้ ‘มัน’ ไม่มา” จริง ๆ ด้วยแฮะ

 

Share this article :

แสดงความคิดเห็น