เมขลา






เมขลา เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หนุ่มไทยที่ไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่นและได้พบรักกับสาวแดนอาทิตย์อุทัย และมีบุตรสาวด้วยกันโดยที่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่อง และโชคชะตาก็เล่นตลกทำให้ หนุ่มสาวทั้งคู่พลัดพลากจากกัน เหตุการณ์ยิ่งเลวร้าวหนัก เมื่อผู้เป็นแม่ของลูกต้องประสบอุบัติเหตุจนใบหน้าเสียโฉม และเธอก็ได้นำบุตรสาวไปฝากเลี้ยงยังสถานสงเคราะห์ บุตรสาวผู้มีนาม “เมขลา” ไม่ทราบเลยว่าแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นใคร ต่อมาเธอก็ได้มีโอกาสเดินทางมายังเมืองไทยและได้พบรักกับหนุ่มไทยควบคู่ไป กับการติดตามเรื่องราวที่มาของพ่อและแม่ของเธอ





บทประพันธ์ : ธม ธาตรี

นักแสดงละคร เมขลา

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น อนุเทพ
สุวนันท์ คงยิ่ง แสดงเป็น เมขลา
อมรินทร์ สิมะโรจน์
วรรณพร ฉิมบรรจง
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร แสดงเป็น จักร
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ แสดงเป็น โทชิโกะ

 



เมขลา เรื่องย่อละคร

พ.ศ.2505

              จักร  ชลากรโกศล  ไปที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อรับใครคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากโตเกียวโดยสายการบินญี่ปุ่นในวันที่ 11 มิถุนายน  จักรนึกไม่ออกเลยว่าผู้ที่เขาไปรับเป็นใคร แต่เขาก็ไปทุกปี นานถึง 17 ปีต่อเนื่องกันมาแล้ว จนเขานึกว่าเขาเป็นโรคประสาท นายแพทย์ประกิจ  ธำรง  จิตแพทย์ที่จักรไปปรึกษา ยืนยันว่าจักรไม่เป็นโรคประสาทแน่นอน อาจเป็นเพียงอาการหลงลืมชั่วครั้งชั่วคราว หากจักรได้เจอเหตุการณ์ใดหรือสิ่งใดที่เกี่ยวเนื่องกัน จักรน่าจะระลึกได้ว่าผู้ที่เขาไปรับทุกปี ณ วันที่ 11 มิถุนายนนั้นเป็นใคร จักรกลุ้มใจกับการลืมของเขามาก เพราะมันเป็นการลืมเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นและลืมมานานถึง 17 ปี  เขาออกปากกับนพ.ประกิจว่าหากใครสามารถแก้ปัญหานี้ใครเขาได้เขาจะตอบแทนเป็นเงินสดก้อนใหญ่มาก นพ.ประกิจเห็นว่าเหตุที่ทำให้จักรผูกพันมาจากประเทศญี่ปุ่น จึงแนะนำให้จักรลงประกาศในหนังสือพิมพ์ในโตเกียวถึงใครคนนั้นว่าจักรยังรอรับอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ณ วันที่ 11 มิถุนายน จักรตกลงใจทำตาม

              ที่จักรออกปากกับนพ.ประกิจว่าจะให้เงินแก่ผู้ที่ช่วยให้เขาฟื้นความจำได้เรื่องวันที่ 11 มิถุนายนนั้น บุญเติม คนขับรถของนพ.ประกิจได้ยินด้วย บุญเติมข่มขู่นพ.ประกิจให้รับรักษาจักรเพื่อเงินก้อนโต เพราะบุญเติมอยากได้เงินก้อนนั่น ยิ่งนพ.ประกิจไม่ยอมก็ยิ่งโดนข่มขู่ บุญเติมข่มขู่นพ.ประกิจได้ก็เพราะเขากุมความลับบางอย่างของนพ.ประกิจไว้

              เมื่อถึงวันที่ 11 มิถุนายน จักรไปดอนเมือง และครั้งนี้เขาไม่ต้องรอเก้อเหมือนทุกปี มีเสียงเจ้าหน้าที่สนามบินประกาศเรียกตัวเขา จักรตื่นเต้นมาก ผู้ที่ประกาศหาจักรเป็นหญิงสาววัย  17 ปี คนหนึ่ง หน้าตาท่าทางเป็นชาวญี่ปุ่น แต่พูดภาษาไทยได้ดี เธอบอกว่าเธอชื่อ เมขลา มัตซูอิ  จักรนึกไม่ออกเลยว่าเคยรู้จักสาวน้อยคนนี้มาก่อนและยิ่งงงเมื่อเมขลาบอกว่าเธอมาพบจักรเพราะอยากรู้เรื่องราวของตัวเธอเอง เมขลาบอกว่าเธอไม่มีพ่อแม่ เธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกเธอว่าจักรคือผู้ที่ส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่จักรไม่เคยติดต่อเธอด้วยตนเองเลย ให้เพื่อนคนหนึ่งเป็นผู้ติดต่อแทนตลอด และเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้บอกชื่อและที่อยู่ให้เมขลาทราบเลยเช่นกัน และที่เธอสามารถเดินทางจากโตเกียวมากรุงเทพครั้งนี้ได้เพราะจักรส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ จักรสุดที่จะงง

              ชุดกิโมโนที่เมขลาแต่งทำให้จักรเกือบๆ จะรำลึกอะไรได้แบบคล้ายๆ จะเคยเห็นมาก่อน แต่จักรไม่คิดว่าคนที่เขารอคอยมาตลอด 17 ปี คือสาวน้อยคนนี้ เมขลาเอาจดหมายฉบับหนึ่งให้เขา บอกว่าเป็นจดหมายที่เพื่อนคนนั้นของจักรฝากมาให้จักร  ทันทีที่เห็นว่าอะไรอยู่ในกระดาษที่ว่าเป็นจดหมาย ความทรงจำส่วนที่จักรลืมเลือนไปนานถึง 17 ปี ก็กลับคืนมาสู่เขาทั้งหมด จักรจำได้แล้วว่าผู้ที่เขาสัญญาว่าจะมารับเป็นใครและมีความสำคัญต่อเขาอย่างยิ่งเพียงไร

               พ.ศ. 2488

                จักรศึกษาต่อปริญญาโทวิชาประวัติศาสตร์อยู่ที่ญี่ปุ่น เขาพบกับสาวน้อยชาวญี่ปุ่น โคชิโกะ มัตซูอิ  ขณะกำลังหลบระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเขาอุ้มโคชิโกะบาดเจ็บเพราะโดนไม้ตำ จักรอุ้มเธอหนีระเบิด และเมื่อจักรถูกพวกแคมเปไต๋กล่าวหาว่าเป็นสายลับให้ฝ่ายสัมพันธมิตรและถูกล่าตัว โคชิโกะเป็นผู้พาเขาหลบหนีไปอยู่ที่บ้านของ ลุงซันมิโระ ที่เชิงเขาทสุกิหรือเขาพระจันทร์ จังหวัดคาวาซากิ

              พ่อของโคชิโกะอยู่ในเมืองคาโนย่า จังหวัดคาโงชิมา ในเกาะกิวชิว เขาทำอาชีพเลี้ยงผึ้งเอาน้ำผึ้งขาย มีผึ้งเลี้ยงถึง 150 รัง ส่วนแม่ทำตุ๊กตาญี่ปุ่นอยู่ที่เมืองนางาซากิ แม่แยกทางกับพ่อเพราะอาชีพไม่เอื้อให้อยู่ด้วยกันได้ เนื่องจากพ่อต้องเดินทางเร่ร่อนตลอดปี เพื่อขนผึ้งไปหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้สดในที่ต่างๆ ตามฤดูกาลที่แตกต่างและที่เชิงเขาพระจันทร์บ้านของซันมิโระก็เป็นอีกแห่งที่พ่อของโคชิโกะต้องเอาผึ้งมาทุกปี โคชิโกะเองต้องไปอยู่ที่โตเกียวเพราะแม่บังคับให้ไปเรียนวิชาทำตุ๊กตาญี่ปุ่นที่โรงเรียนโอซาว่า ดอลล์

              ซันมิโระพยายามหาเรือให้จักรกลับประเทศไทย แต่ก็มีอุปสรรคทำให้ยังกลับไม่ได้ จักรอยู่ที่บ้านซันมิโระเป็นเดือน และระหว่างนั้นความรักของเขากับโคชิโกะก่อเกิด ซันมิโระสังเกตุเห็นความสัมพันธ์ของจักรและโคชิโกะ เขาคอยเตือนโคชิโกะอยู่เสมอให้นึกถึงประเทศชาติและธำรงศักดิ์ศรีของชาวญี่ปุ่น แต่อำนาจแห่งความรักนั้นแรงเกินกว่าจะหยุดยั้งได้ หัวใจโคชิโกะร่ำร้องให้เธอตามจักรไปเมืองไทยด้วย

              จักรได้เรือกลับกรุงเทพในวันที่ 10 มิถุนายน หากแต่เมื่อใกล้วันจะเดินทาง มีข่าวว่าพ่อของโคชิโกะ โดนระเบิดบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่กำลังนำผึ้งที่เลี้ยงไว้มุ่งไปยังแหล่งน้ำหวาน นั่นเป็นสัญญาณแห่งความจากพรากของโคชิโกะกับจักร

              คืนสุดท้ายก่อนที่จักรจะเดินทาง โคชิโกะจึงตัดสินใจเป็นภรรยาของเขาและคืนนั้นมีพายุฝน ฟ้าแลบฟ้าร้องโครมครืน จักรเล่าเรื่องเมขลา-รามสูรให้โคชิโกะฟัง โคชิโกะชอบนางฟ้าเมขลา บอกว่าต่อไปฟ้าแลบครั้งใดเธอจะคิดว่าเป็นนางฟ้าเมขลามาล่อแก้ว โคชิโกะอยากเห็นภาพนางฟ้าเมขลา จักรวาดให้เธอ โคชิโกะบอกว่าถ้าเธอมีลูกสาวจะให้ชื่อว่าเมขลา

              โคชิโกะนัดกับจักรว่าเมื่อสงครามสงบเธอจะไปเมืองไทยทางเครื่องบินโดยสายการบินญี่ปุ่น จักรกำหนดวันที่ 11 มิถุนายน เป็นวันที่จะพบกับเธอที่กรุงเทพ เพื่อให้เสมือนว่าเขาจากเธอวันที่ 10 แล้วได้พบเธอในวันรุ่งขึ้น และเขาจะคอยรับโคชิโกะที่ดอนเมืองทุกปี จนกว่าจะพบกัน

              ปี พ.ศ.2489 สงครามใกล้สงบ จักรได้รับโทรเลขจากโคชิโกะ บอกว่าเธอกำลังจะเดินทางมาหาเขา และจะถึงกรุงเทพวันที่ 11 มิถุนายน ตามที่นัดกันไว้ จักรขับรถจะไปรับเธอที่ดอนเมือง แต่ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ สลบและบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึงสี่เดือน และจากนั้นเขาก็จำได้เพียงว่า ตนเองต้องไปรับใครคนหนึ่งที่ดอนเมืองในวันที่ 11 มิถุนายน แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร

              จนมาถึงวันนี้ จักรจึงได้พบเมขลา และจดหมายที่เมขลานำมาให้จักรคือภาพวาดนางฟ้าเมขลาที่จักรวาดให้โคชิโกะ ภรรยาชาวญี่ปุ่นของเขา หากสาวน้อยคนนี้ชื่อเมขลา เธอน่าจะเป็นลูกสาวของเขาที่เกิดจากโคชิโกะ และโคชิโกะน่าจะเป็นบุคคลลึกลับที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของจักร คอยส่งเสียเงินทองข้าวของต่างๆ ให้เมขลา

               แต่โคชิโกะอยู่ที่ไหน เหตุใดจึงไม่มาตามนัด หรือเธอตายหากเธอตาย ใครล่ะที่ส่งเสียเมขลา

              จักรพาเมขลาไปบ้าน ที่นั่นเขาอยู่กับ สายจิต น้องสาว แม้เวลาจะผ่านไปถึง 17 ปี แต่จักรก็ยังครองตัวเป็นโสด แม้ว่า วิภาวดี ซึ่งเป็นเพื่อนรักของน้องสาวและเป็นอดีตคู่หมั้นที่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับชายอื่นจะเลิกร้างกับสามีและหวนกลับมาหาเขาอีก จักรก็ไม่มีใจให้เธอ เมื่อจักรพาเมขลาไปถึง วิภาวดีและ ศราวดี ลูกสาวของเธอรอเขาอยู่ และมีแขกแปลกหน้าอีกคนคือ รัญ หนุ่มหล่อซึ่งเพิ่งเรียนจบกฏหมายจากฝรั่งเศสและเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพได้ไม่นาน ในขณะที่วิภาวดีพยายามจะเอาชนะใจจักร  ศราวดีก็พยายามจะจับรัญ เพราะเข้าใจว่ารัญร่ำรวย เนื่องจากรัญเป็นนักเรียนนอกและทำตัวโก้หรูแบบคนชั้นสูง รัญไม่เคยบอกใครเลยว่าเขาเป็นลูกของคนขับรถกับสาวใช้ของนพ.ประกิจ ศราวดีเห่อคนรวยและเห่อนักเรียนนอก ตัวเธอเองก็เรียนเสริมสวยที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เธอเรียนเพื่อความโก้ ไม่ได้คิดจะเอาวิชามาเลี้ยงชีพจริงจังและแต่อย่างใด

              รัญชอบเมขลาทันที่เห็น ทั้งเพราะความสวยของเมขลา ความเจ้าชู้ของเขาและเพราะเมขลาคือทายาทของมรดกมหาศาลของจักร ศราวดีสังเกตเห็นท่าทางรัญเธอเริ่มชิงชังเมขลาทันที วิภาวดีก็อึ้งไปเมื่อรู้ว่าเมขลาเป็นลูกของจักรกับหญิงญี่ปุ่นเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ความไม่พอใจและจงขังเมขลาก่อตัวขึ้นในใจวิภาวดีทันทีเช่นกัน สายจิตก็ไม่สู้จะพอใจเมขลา เพราะเมขลาเป็นลูกของหญิงที่เธอไม่รู้หัวนอนปลายเท้า และที่สำคัญ แม่ของเมขลาทำให้พี่ชายของเธอไม่ยอมแต่งงานกับวิภาวดีที่กลับมาขอคืนดี

              จักรไปหานพ.ประกิจ เขานำเงินไปให้ตามที่เคยออกปากไว้ว่าใครช่วยให้เขาฟื้นความจำเรื่องวันที่ 11 มิถุนายนได้ เขาจะมีค่าตอบแทนให้ แต่นพ.ประกิจไม่ยอมรับเงินของจักรเพราะถือว่าเขาเพียงแต่ให้คำแนะนำทั่วๆไป ไม่ได้รักษาจักรตามวิธีทางการแพทย์ เมื่อจักรกลับไปแล้ว บุญเติมซึ่งแอบฟังอยู่ปรากฏตัวบีบบังคับให้นพ.ประกิจรับเงินจากจักร นพ.ประกิจยืนกรานไม่รับ บุญเติมขู่จะเปิดเผยความลับของนพ.ประกิจนั่นจึงเป็นชนวนการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงถึงขั้นต่อสู้กัน นพ.ประกิจเพลี่ยงพล้ำเสียทีบุญเติมและกำลังจะถูกแทง ริน ซึ่งเป็นเมียของบุญเติมได้ยินเสียงการต่อสู้ วิ่งมาดูนพ.ประกิจให้รินเอาปืนในลิ้นชักมายิงบุญเติม รินตั้งใจจะยิงบุญเติม แต่ผู้ที่ถูกยิงกับกลายเป็นนพ.ประกิจเพราะบุญเติมพลิกร่างนพ.ประกิจมารับกระสุนแทน นพ.ประกิจเสียชีวิต เขาไม่ต้องหวาดผวาอีกแล้วว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผย

              นพ.ประกิจมีภรรยาตามกฏหมายคือ ระพี แต่เธอเสียชีวิตเมื่อคลอด  อนุเทพ ลูกชายคนแรกและนั่นเป็นเหตุให้นพ.ประกิจทอดทิ้งอนุเทพให้รินซึ่งเป็นสาวใช้เลี้ยง เพราะถือว่าอนุเทพเกิดมาทำให้แม่ตาย รินเลี้ยงอนุเทพและดูแลรับใช้นพ.ประกิจเป็นอย่างดี เพราะเธอแอบรักนพ.ประกิจ แต่รินไม่เคยทะเยอทะยานจะเป็นเมียคนต่อไปของเขา เพราะความเมาเห็นรินเป็นระพี เมื่อรินท้อง นพ.ประกิจอับอายที่จะรับลูกของสาวใช้เป็นลูกตน บุญเติมรู้เรื่องรินท้องกับนพ.ประกิจ จึงแสร้งทำเป็นจงรักภักดีอาสาแต่งงานกับริน รินเกลียดบุญเติม แต่ก็ยอมแต่งงานด้วยตามที่นพ.ประกิจขอร้องแกมบังคับ เธอขอให้นพ.ประกิจส่งเสียลูกของเธอให้ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และจากนั่นเป็นต้นมานพ.ประกิจก็ถูกบุญเติมข่มขู่และรีดไถเงินเป็นค่าปิดปากตลอด

              ลูกชายของรินที่เกิดกับนพ.ประกิจคือรัญ    รัญไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเขาคือนพ.ประกิจ แต่เขาผยองยิ่งนักเพราะเห็นว่านพ.ประกิจเอาใจใส่เขาราวเอาใจใส่ลูกตนเองทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงลูกคนขับรถ และรัญเป็นคนหัวสูง ไม่ยกย่องนับถือบุญเติมและริน เขาไม่ให้คนทั้งสองเรียกเขาว่าลูก และเขาก็ไม่เรียกคนทั้งสองว่าพ่อและแม่เช่นกัน นพ.ประกิจส่งเสียรัญให้เรียนจนจบกฏหมายจากประเทศฝรั่งเศส และเมื่อนพ.ประกิจโกรธชนิดตัดพ่อตัดลูกกับอนุเทพ รัญก็ยิ่งทำดีกับนพ.ประกิจด้วยความมั่นใจว่าเขาน่าจะเป็นผู้ได้รับมรดกมหาศาลของนพ.ประกิจแทนอนุเทพ ผู้ทำตนหายสาปสูญ

              อนุเทพถูกนพ.ประกิจประกาศตัดพ่อตัดลูกเพราะนพ.ประกิจอับอายขายหน้าจากข่าวทั้งในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศและหนังสือพิมพ์ของไทยที่ลงกันครึกโครมว่าอนุเทพทำให้ผู้หญิงฝรั่งเศสคนหนึ่งท้องแล้วไม่ยอมรับ ทำให้หญิงนั้นฆ่าตัวตาย อนุเทพเขียนจดหมายเล่าความจริงถึงนพ.ประกิจ แต่นพ.ประกิจเผาจดหมายทิ้งโดยไม่ได้เปิดอ่าน จึงไม่ทราบว่าผู้ที่ทำให้สาวฝรั่งเศสท้องคือรัญ  และรัญหลอกผู้หญิงคนนั้นว่าจะแต่งงานด้วย เขาขอให้เธอไปอยู่สหรัฐอเมริกาก่อน โดยให้อนุเทพเช่าบ้านให้อยู่และฝากอนุเทพดูแล เมื่อผู้หญิงรู้ว่าโดนรัญหลอกและรัญไม่ยอมรับลูกในท้อง เธอจึงฆ่าตัวตาย เมื่อถูกตัดพ่อตัดลูกอนุเทพไม่เคยติดต่อกับทางเมืองไทยอีกเลย

              รินถูกจับฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เธอขอให้รัญช่วยเป็นทนายให้ แต่รัญไม่ยอมเป็นทนายให้รินเพราะไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะชนว่าเขาเป็นลูกของรินซึ่งเป็นแค่คนรับใช้ เขาเกรี้ยวกราดใส่รินว่าการที่จะเอาเขาไปพัวพันกับรินซึ่งต้องคดีฆ่าคนตายนั้นจะทำให้เขามัวหมองและอนาคตการทำงานซึ่งกำลังรุ่งเรืองของเขาจะดับวูบลง รินสะเทือนใจนัก แต่เพราะรักลูกมากรินยอมที่จะรักษาความลับของลูก เธอถูกส่งฟ้องศาลและถูกตัดสินจำคุก

              วันเปิดพินัยกรรมของนพ.ประกิจ รัญยินดีจนออกนอกหน้า เขาเชิญเมขลา  สายจิต ศราวดี  วิภาวดี และเพื่อนเขาอีกหลายคนมาร่วมฟังการอ่านพินัยกรรมด้วย เพราะเขามั่นใจและต้องการอวดว่าเขาจะได้เป็นทายาทผู้รับมรดกมหาศาลจากนพ.ประกิจ ญาติสายอื่นๆ ของนพ.ประกิจต่างก็มากันมากมาย ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่เคยติดต่อกันเลยก็มี ทุกคนหวังว่าตนเองจะมีชื่อในพินัยกรรมด้วย และเมื่อ หลวงถวิลคดีกิจ อ่านพินัยกรรม ก็เป็นไปตามความคาดหมาย นพประกิจแบ่งสังหาริมทรัพย์เป็นห้าส่วน หนึ่งส่วนมอบให้วัด หนึ่งส่วนให้ผู้ที่เคยรับใช้ช่วยงาน อีกหนึ่งส่วนให้ริน และที่เหลืออีกสองส่วนรวมกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดให้เป็นของรัญ และขอให้รัญใช้นามสกุล”ธำรง” เพื่อเป็นผู้สืบสกุลนี้ต่อไป รัญดีใจสุดๆ แต่ความดีใจมีได้ไม่นานก็เหือดหาย เมื่อหลวงถวิลคดี เปิดตู้เซฟและนำบันทึกหนี้สินของนพ.ประกิจมาประกาศ มูลค่าหนี้สินนั้นสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของนพ.ประกิจรวมกัน รัญนั้นหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่มีวันยอมรับหนี้สิน คนอื่นๆ ที่เคยอ้างตัวว่าเป็นญาติสนิทต่างก็ปฏิเสธความสนิทสนมและรีบกลับกันหมด ศราวดีออกหน้าปกป้องทรัพย์สินของรัญ เธอให้หลวงถวิลคดี พูดบอกจนใจไม่รู้จะพูดกับอนุเทพได้ที่ไหน

              มีเสียงชายหนึ่งกังวานขึ้นตอบรับคำพูดของหลวงถวิลคดี เจ้าของเสียงนั้นคืออนุเทพ รัญใจหาย เกรงว่าอนุเทพจะมาเรียกร้องแบ่งมรดก แต่อนุเทพไม่มีทีท่าจะทำเช่นนั้นเลย เขายืนยันด้วยความแน่วแน่และหนักแน่นว่าจะรับชดใช้หนี้สินทั้งหมดของนพ.ประกิจ เขาให้หลวงถวิลคดีตามเจ้าหน้าที่มารับเงินได้ทันที ศราวดีหูผึ่ง หากอนุเทพสามารถใช้หนี้ได้หมดในทันทีจริงก็แสดงว่าอนุเทพร่ำรวยกว่ารัญมากมายนัก ศราวดีพูดจาอ่อนหวานกับอนุเทพทันที ทั้งๆที่เมื่อแรกที่อนุเทพปรากฏตัวเธอแสดงความดูถูกเขาออกนอกหน้า เพราะอนุเทพแต่งตัวซอมซ่อมาก อนุเทพไม่สนใจศราวดี เขาพูดธุระจบแล้วก็ออกไปจากห้อง ศราวดีคิดจะจับอนุเทพแทนรัญ 

              อนุเทพเดินดูรอบๆ ตึก ใจหายอยู่เหมือนกันเมื่อนึกว่าตนเองไม่ได้มาเหยียบบ้านนี้นับยี่สิบปี และเมื่อเขาเดินเลี้ยวมุมตึกก็ชนใครคนหนึ่งกระเด็นไปกองกับพื้น คนที่อนุเทพชนคือ เมขลา เธอออกมาเดินเล่นเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรมีส่วนในการเปิดพินัยกรรม อนุเทพถากถางเมขลาด้วยวาจาทำนองว่าเธอคงเป็นอีกคนที่มาอ้างตัวเป็นญาติรอรับส่วนแบ่งมรดกและเมื่อรู้ว่ามรดกนั้นเป็นหนี้สิน ก็ปฏิเสธที่จะรับหนี้ เมขลาโต้กลับอนุเทพ ทั้งคู่ก็เลยอยู่ในความรู้สึกเป็นคู่ปากคู่ปรับกันตั้งแต่แรกพบ

              หลวงถวิลคดีมาคุยกับอนุเทพตามลำพัง อนุเทพเล่าให้ฟังว่าเขาหายไปเพราะไปดูแลเหมืองแร่ที่ภูเก็ต เป็นเหมือนแร่ของชาวอเมริกันที่รักอนุเทพเหมือนลูกหลาน และยกกิจการให้อนุเทพเมื่อชาวอเมริกันนั้นเดินทางกลับอเมริกา

              เมขลาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่คณะอักษรศาสตร์ ทั้งเธอและจักรยังเฝ้ารอข่าวโคชิโกะจากเพื่อนของจักรที่ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีข่าวใดๆ เลย จักรและเมขลามั่นใจว่าโคชิโกะยังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่เหตุใดโคชิโกะจึงไม่ติดต่อมาเลย จักรตัดสินใจไปตามหาโคชิโกะที่ญี่ปุ่น

              วันที่จักรเดินทางไปญี่ปุ่น เป็นวันที่โคชิโกะเดินทางมาถึงกรุงเทพโดยทางเรือเธอมาในสภาพคลุมผมและปิดบังใบหน้าซึ่งมีแผลอัปลักษณ์อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณูที่อเมริกาทิ้งถล่มนางาซากิ

              โคชิโกะแลกเงินเยนทั้งหมดที่เธอพกมา และแบ่งเพียงเล็กน้อยไว้ใช้อะไรจุกจิกเงินที่เหลือก้อนใหญ่เก็บใส่กระเป๋าถือไว้ แล้วรอเรียกรถไปบ้านจักร ชายท่าทางใจดีและแต่งกายเรียบร้อยด้วยชุดสูทมาคุยด้วย และเมื่อรู้ว่าโคชิโกะจะไปแถวสะพานพระรามหก เขาเชิญให้ติดรถไปด้วยเพราะจะไปทางนั้นพอดี โคชิโกะไปกับเขา สักพักใหญ่ ชายใจดีผู้นั้นก็จอดรถ และฉกกระเป๋าถือของโคชิโกะไปเปิดเอาเงินทั้งหมดไป โคชิโกะร้องให้คนช่วย แต่ผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูกอย่างโคชิโกะกับผู้ชายหน้าตาดีแต่งกายด้วยชุดสูท ผู้คนที่เห็นจะเชื่อคำพูดของใคร

              โคชิโกะสูญเสียเงินด้วยความปวดร้าว แต่เธอก็มีเงินก้อนเล็กที่แบ่งไว้ก่อนหน้านี้เหลืออยู่ แต่มันก็คงจะใช้ไปได้ไม่นานนัก โคชิโกะมาจนถึงบ้านจักร คอยเฝ้าดูอยู่ในที่ลับตาจนเธอได้เห็นเมขลาอยู่ในบ้าน เพียงเท่านั้นความสุขของโคชิโกะก็เหลือล้นแล้ว

              โคชิโกะหาที่พักได้แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา มันเป็นเพิงที่ถูกรื้อทิ้งจากแพซุงเธอกินอยู่อย่างประหยัดที่สุดเพื่อเก็บเงินไว้เดินทางไปเฝ้าดูเมขลาทุกคืน  โคชิโกะเฝ้าดูลูกอย่างปลาบปลื้มและมีความสุขล้นที่เห็นว่าลูกอยู่ดีมีสุข เพียงแค่นั้นเองที่เธอต้องการ เธอไม่เคยต้องการเปิดเผยตัวเองกับเมขลาเลยว่าเธอเป็นแม่ เธอไม่กล้า

              เมื่อปี 2489 โคชิโกะโทรเลขบอกจักรว่าเธอจะมาเมืองไทยนั้น เธอมาไม่ได้เพราะญี่ปุ่นโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณู แม่ของโคชิโกะซึ่งอยู่ที่นางาซากิเสียชีวิตทันที ส่วนโคชิโกะอยู่รัศมีใกล้เคียง เธอได้รับกัมมันตภาพรังสี เป็นแผลประหลาดตามตัวหน้าตาเธอเสียโฉม ผมหลุดร่วงและหงอกขาวเป็นหย่อมๆ ดูน่าเกลียดน่ากลัว โคชิโกะเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยใจที่เป็นห่วงเมขลาซึ่งขณะนั้นยังเด็กมาก เมื่อเธอพอจะฟื้นจากอาการป่วย เธอฝืนคำสั่งแพทย์ ลอบออกจากโรงพยาบาลไปเยี่ยมลูกซึ่งอยู่กับซันมิโระ เมขลาตกใจกลัวมากเมื่อเห็นโคชิโกะในสภาพมีผ้าพันแผลพันหน้า โคชิโกะจึงเอาผ้าพันหน้าออก แต่เมขลายิ่งกลัว วิ่งหนีเธอจนแทบจะตกน้ำ โคชิโกะตัดสินใจที่จะไม่ให้ลูกเห็นหน้าอีก และเมื่อซันมิโระโดนจับฐานขโมยของและถูกตัดสินจำคุก โคชิโกะจึงจำยอมให้เมขลาไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และเธอรับจ้างทำตุ๊กตาญิ่ปุ่นหาเงินส่งเสียลูกในนามของจักร ระบุว่าตัวเธอเองเป็นเพื่อนของจักร โดยไม่เคยเปิดเผยตัวจริงให้ผู้ดูแลสถานสงเคราะห์เห็นเลย โคชิโกะยอมกินอยู่อย่างแร้งแค้นเพื่อให้เมขลามีทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เธอระบุให้เมขลาเรียนภาษาไทยด้วย เธอเฝ้าลอบมองการเติบโตของลูกอย่างชื่นชม เธอส่งเสียจนเมขลาเข้ามหาวิทยาลัย

              โคชิโกะคิดถึงจักรตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เธอไม่กล้าที่จะพบกับเขาอีก เพราะเธอกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ไปแล้ว และ 17 ปีที่ผ่านไป จักรเองก็ไม่เคยติดต่อเธอเลย เขาอาจจะตายหรืออาจจะทอดทิ้งเธอแล้วก็ได้ แต่แล้วโคชิโกะก็เห็นประกาศของจักรในหนังสือพิมพ์ เธอดีใจสุดที่จะดีใจ โคชิโกะส่งตั๋วเครื่องบินให้เมขลา เธอระบุวันที่ที่ต้องไปถึงกรุงเทพ เธอส่งชุดกิโมโนที่เธอสวมในคืนที่ตัดสินใจเป็นภรรยาของจักรไปให้เมขลาสวมในวันเดินทาง และเธอฝาก”จดหมาย” ไปให้จักร ซึ่งก็คือภาพนางฟ้าเมขลาที่จักรวาดให้เธอ แล้วพ่อลูกก็ได้พบกัน ส่วนโคชิโกะอยู่ทำงานเก็บเงินต่อ แล้วจึงเดินทางตามมา เพื่อมาเฝ้าดูสารทุกข์สุกดิบของลูก ดังที่เธอเคยทำที่ญี่ปุ่น เฝ้าดูโดยไม่เปิดเผยตัว

              แต่แล้ววันหนึ่ง แม่ลูกก็ได้พบกัน

              โคชิโกะเฝ้าดูเมขลาได้ไม่กี่คืน เมขลาก็หายไปจากบ้าน โคชิโกะเฝ้าเวียนดูด้วยความเป็นห่วงเป็นที่สุด จนกระทั่งคืนหนึ่ง ฝนตกหนักมาก โคชิโกะถูกรถเฉี่ยวขณะกำลังจะกลับไปยังเพิงพัก รถที่เฉี่ยวแล่นหนีไป ปล่อยให้โคชิโกะล้มจมอยู่กับความเฉอะแฉะ มีมือหนึ่งยื่นมาให้โคชิโกะเกาะกุมลุกขึ้น เจ้าของมือนั้นคือเมขลา เธอเรียกโคชิโกะว่าคุณป้าด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน โคชิโกะสัมผัสเมขลาเหมือนสัมผัสสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลก เธอมองเมขลาไม่วางตา เมขลาไม่มีทีท่ารังเกียจความมอซอและใบหน้าอันอัปลักษณ์ของโคชิโกะเลย เธอคุยกับโคชิโกะด้วยความสบายใจและไว้วางใจ โคชิโกะถามถึง”คุณพ่อของหนูเมขลา”  เมขลาบอกว่าพ่อไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาแม่ เธอบอกว่าพ่อมีภรรยาคนเดียวคือแม่ของเธอซึ่งเป็นคนญิ่ปุ่น ชื่อ โคชิโกะ มัตซูอิ   โคชิโกะซาบซ่านใจนักกับคำบอกเล่าของเมขลา คืนนั้นโคชิโกะนอนฝันดีทั้งคืน

              โคชิโกะมาเฝ้าดูเมขลาต่อไป วันแรกๆ เมขลายิ้มให้เธอ แต่เมื่อหลายๆ วันเข้าเมขลาก็รู้สึกกลัว เธอไม่ทราบว่าหญิงแปลกหน้าคนนี้ต้องการอะไรถึงมาเฝ้าดูเธอทุกคืน เมขลาปิดม่านหน้าต่างด้านที่โคชิโกะยืนมองเธอ และไม่ยอมเปิดอีกเลย สาวใช้ของจักรมาขอให้โคชิโกะไปเสียเพราะเมขลากลัวเธอ โคชิโกะยินยอมไปแต่โดยดีและบอกว่าจะไม่มารบกวนเมขลาอีกแน่นอน

              โคชิโกะเริ่มอดอยากเพราะเงินหมด เธอต้องหาเศษอาหารที่คนอื่นกินเหลือหรือทิ้งแล้วมากิน วันหนึ่งเมื่อเธอจะเอาโครงไก่ที่ร้านขายข้าวมันไก่โยนในถังมาแทะกิน เจ้าของร้านไม่ยอมให้เธอ เขาบอกว่าจะเอาไว้ให้หมาของเขา เจ้าของร้านไล่โคชิโกะแต่มีเสียงหนึ่งบอกให้เธอกินข้าวก่อนไป และเขาจะจ่ายเงินให้เอง เขาคนนั้นคืออนุเทพ โคชิโกะกินข้าวมันไก่อย่างหิวโหยถึงสามจาน เมื่ออนุเทพถามถึงที่อยู่แล้วโคชิโกะอึ้ง อนุเทพรู้ทันทีว่าเธอไม่มีที่อยู่ เขาชวนโคชิโกะไปอยู่ที่บ้านเขา

              ศราวดีพยายามทุกวิถีทางที่จะจับอนุเทพให้ได้ และเมื่อเห็นว่าอนุเทพมีทีท่าโอนเอียงไปทางเมขลา ศราวดีก็คิดว่าการเลวร้ายที่จะกำจัดเมขลาให้พ้นทางเธอ โดยวางแผนให้รัญพาเมขลาไปทำลาย แต่แผนนี้ไม่สำเร็จเพราะอนุเทพมาขัดขวาง และรัญก็ไม่กล้าหือกับอนุเทพ เพราะตัวเองก็ชนักปักหลังเรื่องที่ทำสาวฝรั่งเศสท้องและฆ่าตัวตายและอนุเทพรู้เรื่องนี้ดีเพราะรัญเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากอนุเทพที่อเมริกา รัญไม่หือกับอนุเทพแต่เขาบ่มความอาฆาตไว้ และหาทางจะเล่นงานอนุเทพให้ได้

              รัญพาบุญเติมและพวกของบุญเติมไปดักทำร้ายอนุเทพ แต่ไม่สำเร็จ บุญเติมงัดไม้ตายเรื่องนพ.ประกิจมาขู่อนุเทพ แต่อนุเทพไม่มีทีท่าจะหวั่นไหวเลย เขาพูดใส่หน้าบุญเติมว่าเขารู้แล้วเรื่องพ่อเขาทำรินท้องและมีลูกออกมาเป็นรัญ รัญรู้สึกหัวใจพองฟูเมื่อหลุดพ้นจากความเป็นลูกบุญเติมคนขับรถ แต่เขาก็ยังเป็นปฏิปักษ์กับอนุเทพต่อ และบอกว่าจะไม่ลดราวาศอกเรื่องเมขลา อนุเทพลั่นปากว่าหากรัญทำกับเมขลาอย่างที่ทำกับ ริต้า เด็กสาวฝรั่งเศสคนนั้นอีก เขาจะฆ่ารัญ

              จากวันนั้น อนุเทพพยายามตามไปดูแลเมขลาตลอด โดยมักแสร้งทำให้เป็นเหตุบังเอิญทุกครั้ง เมขลารู้ทัน ทั้งคู่ต่อปากต่อคำตีรวนกันตลอด แน่งน้อย เพื่อนสนิทร่างอ้วนของเมขลาบอกเมขลาว่าอนุเทพมาจีบเมขลาแน่นอน และให้เมขลารับรักซะ

              อนุเทพไล่บุญเติมออกจากบ้าน บุญเติมไปทำงานขับรถรับจ้าง แต่อยู่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกเพราะอมเงินบริษัท บุญเติมจึงมาไถเงินรัญอยู่บ่อยๆ แต่พยามไม่ให้อนุเทพรู้

              เมขลาได้รับจดหมายจากจักรว่ายังตามหาโคชิโกะไม่พบ และเขาได้ทุนจากญี่ปุ่นให้ดูงานสอนวิชาประวัติศาสตร์สองปี จึงจะยังไม่กลับเมืองไทย จดหมายจากพ่อทำให้เมขลาคิดถึงแม่อย่างจับใจขึ้นมาอีก

               วันเกิด เมขลาได้รับเค้กจากผู้ที่ไม่เปิดเผยตัว เธอสังหรณ์ว่าจะเป็นแม่ส่งมาให้ หากเค้กนี้มาจากแม่ แม่ก็น่าจะอยู่เมืองไทย เมขลาตื่นเต้นมากกับความคิดของเธอ เธอไปร้านเค้กขอดูรายชื่อผู้สั่ง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะผู้ที่สั่งเค้กให้เธอมิได้แจ้งชื่อไว้

              ผู้ที่ส่งเค้กให้เมขลาคือโคชิโกะจริงๆ ตอนนี้ชีวิตเธอค่อยสบายขึ้น อนุเทพให้เธออยู่เป็นสัดส่วนของเธอเองที่เรือนหลังเล็กในสวนหลังบ้าน โคชิโกะตอบแทนอนุเทพด้วยการดูแลสวนให้ เธอเขียนบันทึกเหตุการณ์ในชีวิตเธอไว้ทุกวันด้วยภาษาญี่ปุ่น บันทึกนั้นเป็นความสุขยิ่งของเธอที่ได้ระบายความรักต่อเมขลาลงไว้

              เมขลาสนิมสนมกับอนุเทพมากขึ้นพอที่จะรับเชิญไปบ้านของเขา เธอพบโคชิโกะที่นั่นและได้รู้เรื่องที่อนุเทพรับโคชิโกะมาอุปถัมภ์ ศราวดีมาหาอนุเทพโดยเอาสายจิตมาบังหน้าด้วย ศราวดีแสดงอาการกีดกันเมขลาจนออกนอกหน้า จนโคชิโกะสังเกตได้ เมขลาบอกโคชิโกะว่าศราวดีเป็นลูกของวิภาวดี โคชิโกะเปรยว่าจักรน่าจะแต่งงานกับวิภาวดีเพราะวิภาวดีเป็นคนรักเก่าของเขา เมขลาแปลกใจว่าโคชิโกะรู้ได้อย่างไร โคชิโกะอ้างว่าได้ยินคนพูดกัน เมขลาบอกว่าพ่อของเธอยังรักแม่โคชิโกะมั่นคงไม่เสื่อมคลาย เธอเองก็คิดถึงและอยากพบแม่เหลือเกิน โคชิโกะอยากร้องไห้นัก

              ศราวดีแค้นนักที่อนุเทพใกล้ชิดกับเมขลามากขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดฆ่าเมขลา โดยการเอายาพิษใส่ในเครื่องดื่ม สายจิตเห็นเธอไม่ให้เมขลาดื่มโดยโกหกว่าจิ้งจกตกลงไปในแก้ว ถึงสายจิตจะไม่ชอบเมขลาและเข้าข้างศราวดีที่เป็นลูกของเพื่อนรักเพียงใดก็ตาม เธอก็ยังไม่ใจโหดพอที่จะปล่อยให้เรื่องเลยเถิดถึงฆ่ากัน แต่ศราวดียังไม่ละความพยายาม เธอไปซื้องูเห่าใส่ในกระเป๋าถือและทิ้งไว้ให้มันอดอาหาร แล้วห่อกระเป๋านั้นส่งเป็นของขวัญให้เมขลา เมขลาเปิดห่อของขวัญ แต่ไม่ได้เปิดกระเป๋า เธอเห็นว่ากระเป๋านั้นเหมาะกับหญิงวัยโคชิโกะ เธอจึงคิดว่าจะเอาไปให้โคชิโกะ โคชิโกะได้รับกระเป๋าแล้วก็ยังไม่เปิดดูภายใน เพราะเธอตื่นเต้นมากที่ได้ของจากลูก เธออยากเก็บไว้ชื่นชมเมื่อมีเวลาเป็นส่วนตัว โคชิโกะชวนเมขลาไปทานขนมที่เธอทำไว้ให้ เมื่อสองแม่ลูกลับตัวไป มือลึกลับมือหนึ่งเอื้อมมาหยิบกระเป๋าใบนั้น มือนั้นคือมือของบุญเติมเขากระหยิ่มนักว่าจะได้เงินจำนวนมากในกระเป๋าใบนี้ บุญเติมเปิดกระเป๋าล้วงมือเข้าไป งูฉกบุญเติมเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ แล้วเลื้อยหนีหายไป บุญเติมพยายามห้ามพิษงูพลางวิ่งหลบออกนอกบ้านพลางร้องให้คนช่วยไปด้วย แต่เมื่อโดนเข้าที่เส้นเลือดใหญ่พิษงูกระจายไปได้อย่างรวดเร็ว ชั่วเวลาไม่นานบุญเติมก็ขาดใจตายอยู่ข้างถนนใกล้บ้านนั่นเอง

              วิภาวดีรู้เรื่องที่ศราวดีจะฆ่าเมขลา เธอสั่งห้ามลูกอย่างเด็ดขาดมิให้ทำเช่นนั้นอีก ศราวดีหาว่าแม่เห็นแก่เมขลามากกว่าเห็นแก่เธอเพราะคำสัญญาที่จักรให้ไว้ว่าเขาจะแต่งงานกับวิภาวดี หากสิ้นปีนี้เขาตามหาโคชิโกะไม่เจอ แม้วิภาวดีจะห้ามและเตือนสติสักเท่าไร ศราวดีก็ไม่ยอมเลิกจองเวรเมขลา เธอลั่นวาจาว่าจะฆ่าเมขลาให้ได้ วิภาวดีวิตกยิ่งนัก เพราะถึงเธอจะไม่ชอบเมขลา แต่เธอก็ไม่โหดเหี้ยมถึงขั้นจะคิดฆ่าแกงกัน วิภาวดีตามดูแลศราวดีอย่างใกล้ชิด

              ศราวดีไปหาอนุเทพตามปกติ อนุเทพไม่อยู่ที่ตึก ศราวดีไปตามหาในสวน เธอเดินผ่านเรือนเล็กของโคชิโกะ และเห็นสมุดบันทึกของโคชิโกะเปิดอยู่ ด้วยความอยากรู้ความลับของโคชิโกะ ศราวดีเข้าไปในเรือนเล็กและอ่านบันทึก ศราวดีเรียนที่ญี่ปุ่นเธอจึงอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ ข้อความในสมุดบันทึกนั้นทำให้เธอรู้ว่าหญิงลึกลับหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้คือแม่ของเมขลา ศราวดีตื่นเต้นสุดๆ โคชิโกะเข้ามาพอดี ศราวดีบอกว่าจะเปิดโปงกับอนุเทพว่าเมขลามีแม่เป็นหญิงหน้าผีสติไม่ดี โคชิโกะรู้ว่าศราวดีทำจริงแน่ เธออ้อนวอนศราวดีไม่ให้ทำ แต่ยิ่งอ้อนวอนศราวดียิ่งจะรีบทำ ศราวดีฉวยสมุดบันทึกจะเอาไปให้อนุเทพ โคชิโกะพยายามแย่งสมุดกลับคืน แต่ไม่สำเร็จ โคชิโกะจึงฉวยชะแลงมอญซึ่งอยู่ใกล้มือที่สุดเพื่อเอามาขัดบานประตูไว้ไม่ให้ศราวดีออกจากห้อง ศราวดีกระชากทึ้งโคชิโกะอย่างสุดแรงจะให้พ้นจากประตู โคชิโกะหมุนคว้างตามแรงกระชาก ปลายชะแลงจึงกระแทกเสียบทะลุอกศราวดีตาย และเป็นนาทีที่วิภาวดีมาเห็นเข้าพอดี โคชิโกะบอกวิภาวดีว่าเธอไม่เจตนา แต่วิภาวดีไม่เชื่อ เธอประกาศก้องว่าจะจัดการให้โคชิโกะต้องโทษถึงประหารชีวิต

              เพราะความรักลูกเป็นเหตุ  แม่คนหนึ่ง-วิภาวดี –จึงก่อความอาฆาตมาดร้าย และเพราะความรักลูกเป็นเหตุเช่นกัน แม่อีกคนหนึ่ง –โคชิโกะ จึงต้องถูกอาฆาตมาดร้าย

              ณ บัดนี้ แม่ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งมุ่งเอาชีวิต เพื่อล้างแค้น แทนชีวิตลูกของตน แล้วอีกฝ่ายหนึ่งล่ะ จะมีอะไรเป็นที่หวัง

              โคชิโกะตัดสินใจเผาสมุดบันทึกของเธอ สมุดที่จะทำลายชื่อเสียงลูกของเธอว่ามีแม่เป็นฆาตกร สมุดที่เป็นต้นเหตุให้ลูกของคนอื่นเสียชีวิต แต่..เป็นสมุดที่อาจทำให้เธอหลุดพ้นจากข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย

              ทนายฝ่ายวิภาวดีคือ รัญ รัญผู้ยังอาฆาตแค้นอนุเทพมาตลอด เมื่อฆาตกรฆ่า ศราวดีเป็นคนของอนุเทพ รัญจึงตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะทำให้จำเลยถูกประหารชีวิตให้ได้ เพื่อเอาชนะอนุเทพ กรุงเทพอยู่ระหว่างใช้กฏอัยการศึก คดีความต่างๆ ถูกนำขึ้นพิจารณา ณ ศาลทหาร และศาลนี้ไม่มีอุทธรณ์

              จักรกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว และเขามาฟังการไต่สวนด้วย แต่เขาจำโคชิโกะไม่ได้ โคชิโกะไม่ยอมพูดจาใดๆ เธอไม่แม้แต่จะบอกชื่อของตน ท่าทางเธอพร้อมที่จะรับโทษทุกอย่างที่ศาลตัดสิน แม้เมขลาจะขอให้เธอพูด เธอก็ไม่พูด

              โคชิโกะมองหน้าผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเธอแล้วสะเทือนใจนัก เธอจะพูดอะไรได้อย่างไร ความจริงทุกอย่างที่จะหลุดจากปากเธอล้วนแล้วแต่จะทำความเสื่อมเสียแก่ผู้ที่เธอรักทั้งสิ้น ลูกของเธอ สามีของเธอ หรือแม้แต่วิภาวดีผู้ฟ้องร้องเธอ จักรควรจะได้แต่งงานกับวิภาวดีผู้เหมาะสมกับเขาในทุกอย่าง เมขลาควรจะได้อยู่ในสังคมอย่างไร้ข้อแปดเปื้อนอันเกิดจากเธอ เพื่อผู้เป็นที่รักยิ่งสองคนนี้ มีหรือที่โคชิโกะจะสละชีวิตให้ไม่ได้

              หลวงถวิลคดีซึ่งเป็นทนายให้โคชิโกะ หนักใจยิ่งนัก จนในที่สุดเมื่อเห็นว่าโคชิโกะไม่ยอมพูดแน่นอน หลวงถวิลคดีจึงร้องต่อศาลว่าโคชิโกะวิกลจริต เพื่อที่อย่างน้อยโคชิโกะก็จะได้รับการลดโทษ ไม่ต้องถูกประหารชีวิต

              แต่เพียงไม่นานต่อมา คำวินิจฉัยของแพทย์ก็ออกมาว่า โคชิโกะมิได้วิกลจริตแต่อย่างใด นั่นเท่ากับว่าโทษประหารหวนกลับมาสู่โคชิโกะอีก แต่โคชิโกะก็ยังไม่ยอมพูดอะไรเลยดังเดิม อนุเทพให้หลวงถวิลคดีหาเหตุผลที่โคชิโกะฆ่าศราวดี หลวงถวิลคดีบอกว่านั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะให้โคชิโกะพอจะรอดจากโทษประหารได้หากเหตุผลดีพอ แต่เขาจะหาเหตุผลนั้นมาได้อย่างไรในเมื่อโคชิโกะไม่ยอมพูดเลย ซ้ำยังยอมรับข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทย์อีกด้วย อนุเทพย้ำให้หลวงถวิลฯ หาให้ได้ และเขานึกได้ว่าเมขลาน่าจะช่วยอ้อนวอนให้โคชิโกะพูดได้ เพราะเมขลาสนิมสนมกับเธอ

              โคชิโกะยอมคุยกับเมขลา คุยในเรื่องชีวิตด้วยถ้อยคำที่คมคายทำให้เมขลาทึ่งมาก แต่เมื่อเมขลาถามว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน และฆ่าศราวดีเพราะเหตุใด โคชิโกะไม่ตอบ เมขลาเสียใจนัก

              ทั้งหลวงถวิลฯ และอนุเทพรู้สึกจนปัญญาที่จะช่วยโคชิโกะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่จุดประกายความคิดของอนุเทพ ภาพปืน ภาพปืนทำให้อนุเทพนึกถึงรินซึ่งยังติดคุกอยู่ รินพูดเพียงว่าเธอยิงนพ.ประกิจตาย แล้วจากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรอีกเลย รินเป็นจำเลยที่ไม่พูดเหมือนกัน เหมือนโคชิโกะ

              อนุเทพไปหารินทันที เขาถามรินว่ามีเหตุผลสำคัญอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งยอมรับโทษประหารชีวิตโดยไม่ยอมต่อสู้ใดๆ เลย รินตอบอนุเทพว่า เหตุผลเดียวที่ผู้หญิงยอมทำทุกอย่างนั้นคือ เหตุผลของแม่ที่จำเป็นต้องป้องกันลูก อนุเทพตะลึง คำตอบของรินทำให้ดวงความคิดของเขาสว่าง เป็นไปได้ที่โคชิโกะจะฆ่าศราวดีเพื่อปกป้องลูกของเธอ หลวงถวิลฯ บอกอนุเทพว่าเป็นไปได้ แต่กรณีโคชิโกะมันเลื่อนลอยเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นลูกของเธอ หลวงถวิลฯ ขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้โคชิโกะ โคชิโกะยอมพูดเพียงคำเดียวเท่านั้นคือ เมื่อรัญถามว่าเธอยืนกรานที่จะรับสารภาพอย่างเดิมใช่หรือไม่ แต่อนุเทพไม่ยอมให้โคชิโกะถูกตัดสินง่ายๆ เขาขออนุญาตศาลเบิกความในฐานะพยานปากที่ 1 ของจำเลย อนุเทพยกประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดเพื่อป้องกันบุตรของตน รัญค้านว่าจำเลยไม่มีบุตร แต่

              สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เมขลาลุกยืนฉับพลันและบอกว่าจำเลยมีบุตรคือเธอ เมขลาถลาไปคุกเข่าตรงหน้าโคชิโกะ ถามโคชิโกะว่าโคชิโกะคือแม่ของเธอใช่ไหม สองแม่ลูกมองสบตากัน เมขลามองโคชิโกะอย่างวิงวอน โคชิโกะสะเทือนใจนัก เธอต้องข่มใจอย่างรุนแรงที่จะไม่ให้หวั่นไหวกับสายตาวิงวอนของลูกที่กำลังจะทำให้ความรักของแม่ล้นหัวใจออกมา จักรมาพูดกับโคชิโกะด้วยว่า หากว่าเธอคือโคชิโกะ เขายังรักและต้องการเธอ โคชิโกะแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และเมื่อเมขลาถ่ายทอดความในใจของลูกที่ขาดแม่และโหยหาแม่ออกมาให้ฟัง ทำนบน้ำตาของโคชิโกะแทบพังทะลาย เธอต้องระเบิดอารมณ์มาข่มมันไว้อย่างรุนแรง

              โคชิโกะลุกพรวดกล่าวว่าฉันไม่ได้เป็นแม่ของเธอและกับกล่าวศาลว่า ดิฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้

              ในห้องพิจารณาคดีเงียบกริบจนแทบว่าแม้เข้มเล่มหนึ่งหล่นก็จะได้ยินเสียง สองแม่ลูกยังมองกันด้วยอารมณ์สั่นไหว แล้วโคชิโกะค่อยๆ ทรุดนั่งลงกับพื้นยื่นมือจะสัมผัสปลายเท้าของเมขลา มือนั้นถูกเมขลารวบไปกอดไว้ในขณะที่น้ำตาก็ไหลพรั่งพรู เมขลากอดโคชิโกะไว้แน่น ภาพนั้นบาดใจผู้คนทั้งห้อง เสียงรัญร้องต่อศาลให้ปิดคดี ศาลถามย้ำอีกครั้งว่าจำเลยจะยังยืนกรานว่าไม่ใช่แม่ของเมขลาหรือไม่ โคชิโกะนิ่งเหมือนยืนกรานคำเดิม หัวใจเมขลาสลาย

              แต่…. ร่างหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดี เขาคือ ซันมิโระ

              วันที่ 11 มิถุนายน จักร เมขลา และอนุเทพ คอยรับใครคนหนึ่งที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนที่จักรเคยมาคอยทุกปีโดยไม่รู้ว่าคอยใคร แต่ ณ วันนี้เขารู้

       แต่ใครคนนั้นมิได้มาจากญี่ปุ่น เธอมาจากสหรัฐอเมริกาด้วยใบหน้าที่สวยหมดจดเกือบจะเหมือนเดิม





Share this article :

แสดงความคิดเห็น