Home » » บอดี้ ศพ # 19

บอดี้ ศพ # 19


บอดี้ ศพ # 19

“ชลสิทธิ์” นักศึกษาแพทย์ที่มักจะฝันซ้ำ ๆ กันทุกคืนถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกฆ่าหั่นศพโดยชายนิรนาม ในฝันเขาเหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์ แต่ในความเป็นจริง ผลสะท้อนของความฝันนั้นร้ายแรงจนถึงขั้นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขา ประหนึ่งเขาตกเป็นเหยื่อที่ถูกฆ่าหั่นศพนั้นเสียเอง

เขาจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากจิตแพทย์สาว ที่ดูจะให้ความสนใจรักษาเป็นพิเศษ เพราะเธอเองก็เพิ่งเคยเจอเคสที่ยากที่สุดเท่าที่เคยรักษามา

ชลสิทธิ์เชื่อว่า เหยื่อสาวที่เขาเคยพบตัวจริงเพียงครั้งเดียวนี้ต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่างผ่านทางฝันของเขา

แต่ดูเหมือนว่าสารนั้นจะไม่ได้ส่งตรงถึงเขา แต่มันตั้งใจพุ่งสะท้อนไปที่ตัวฆาตกรว่า “ฉันยังอยู่ที่นี่”

ทีมงานสร้าง : สยองขวัญ ไซโค-ฮอร์เรอร์ (แนวภาพยนตร์) / จีเอ็มเอ็ม-ไท-หับ (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บริษัท จอกว้าง ฟิล์ม จำกัด (ดำเนินงานสร้าง) / ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ยงยุทธ ทองกองทุน, จิระ มะลิกุล, เช่นชนนี สุนทรศารทูล, สุวิมล เตชะสุปินัน (อำนวยการสร้าง) / ปวีณ ภูริจิตปัญญา (ผู้กำกับภาพยนตร์) / ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ (บทภาพยนตร์) / รสสุคนธ์ กองเกตุ, ภาณุรักษ์ อังษุสิงห์ (คัดเลือกนักแสดง) / สมบุญ โพธิ์พิทักษ์กุล (กำกับภาพ) / บริษัท เซ็นต์ อาร์ต จำกัด (ออกแบบงานสร้าง) / ปวีณ ภูริจิตปัญญา, บูลย์ศักดิ์ วัธนวิสิต, สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์ (ลำดับภาพ) / ปรียนันท์ นาคสีหมอก (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / ห้องเสียงกันตนา (ออกแบบเสียงและบันทึกเสียง), Banana Team (ดนตรีประกอบ), เพลงคิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว-สุทธาศินี พุทธินันท์ (เพลงประกอบภาพยนตร์), DIGITAL MAGIC Group (Visual Effects and Animation)

นักแสดง:

อารักษ์ อมรศุภสิริ เป้
อรจิรา แหลมวิไล เอ๋
กฤตธีรา อินพรวิจิตร หมออุษา
ภัทรวรินทร์ ทิมกุล ดาราราย
ปลาย ปรเมศร์ หมอสุธี

ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์ บอดี้ ศพ # 19

งานสร้าง

ฟังความจริงจากตู้หมายเลข 19

จากข้อมูลของบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ระบุว่า ตู้เก็บศพแบบมาตรฐานจะมีลักษณะเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 240 ซม. กว้าง 90 ซม. และสูง 80 ซม. ภายในมีหลอดไฟเล็ก ๆ ที่จะสว่างขึ้นเมื่อฝาตู้เปิดออกแบบเดียวกับประตูตู้เย็น

…ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ – เป้ วงเสลอ) ไม่ได้นอนมาแล้วเกือบอาทิตย์ เขาไม่อยาก ไม่กล้าและไม่อาจข่มตานอน เพราะยามใดก็ตามที่เผลอหลับตา ชลจะฝันเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร จำได้แค่ว่าเขาเคยสบตาผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้โดยบังเอิญครั้งหนึ่งในร้านอาหาร ในฝันเธอกรีดร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง…และเขาคงไม่มีวันหยุดฝันร้าย ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของเธอ

วัสดุพื้นถาดรองร่างมีให้เลือกทั้งแบบบุนวมและแบบเหล็กสแตนเลส ส่วนประตูดึงถาดสไลด์นั้นชนิดทางยาวเป็นที่นิยมกว่าทางขวางเนื่องจากประหยัดเนื้อที่

…อาการของชลทำให้ เอ๋ (อรจิรา แหลมวิไล) พี่สาวซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดบังคับให้เขาเข้ารับการบำบัด ชลเล่าให้ อุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ของเขาฟังว่า ทุกครั้งที่ฝันเขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมเสียเอง สัมผัสในวินาทีที่อวัยวะโดนทิ่มแทง แรงกระตุกของลมหายใจเมื่อวิญญาณหลุดจากร่าง ความทรงจำอันเจ็บปวดค่อย ๆ ชำแรกเข้าครอบงำสมองของชล…หรือเขากำลังจะเป็นบ้า

ขนาดของตู้มีหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดบรรจุ 2 ศพถึง 20 ศพ แต่ห้ามเด็ดขาดสำหรับแบบฮันนีมูนซีท

…ด้วยร่องรอยเพียงน้อยนิดของผู้หญิงในฝัน มันนำชลไปสู่ตู้เก็บศพหมายเลข 19 ชลพยายามจะพิสูจน์กับเอ๋ว่าเขาไม่ได้บ้าไปเอง และความลับในตู้ใบนั้นเท่านั้นที่จะยืนยันได้ ในขณะที่ยิ่งอุษารักษาชลนานเข้าเธอก็เริ่มสงสัยว่า ชลอาจเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว นับแต่เขาก้าวเข้ามาเป็นคนไข้ของเธอ

อุณหภูมิตู้ควบคุมทั่วไปอยู่ที่ 38 องศาฟาเรนไฮห์ หรือ 3 องศาเซลเซียส

…ภายในตู้หมายเลข 19 ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง นอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่ที่ทั้งแคบ มืดมิดและหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ เธอกำลังร่ำร้องหาใครบางคน…ด้วยความคิดถึง แต่มันเป็นความคิดถึงที่คุกรุ่นไปด้วยแรงแค้น แค้นที่ต้องมานอนอยู่ในตู้ใบนี้คนเดียว

…เธอกำลังกระซิบผ่านชลไปยังใครคนนั้นว่า “กูคิดถึงมึง”

…เพราะเกิดมาเป็นคนมีจินตนาการดุเดือดตั้งแต่เป็นตัวอ่อน แถมยังหอบความห่ามทางด้านไอเดียออกมาจากท้องแม่ตั้งแต่หมอจรดกรรไกรตัดสายสะดือ เติบโตมาพร้อมกับการทดลองเทคนิคต่าง ๆ ในผลงานของตัวเองตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาจนกระทั่งเริ่มทำงานชิ้นแรก จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้วงการหนังไทยจะได้ชมผลงานภาพยนตร์ สยองขวัญ ไซโค-ฮอร์เรอร์ ที่มี Visual Shot โค..ตรตื่นตะลึง เรื่อง บอดี้…ศพ#19 ของ กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับหน้าใหม่ แต่เก๋า..โค..ตร ในวงการมิวสิควิดีโอ การันตีด้วยรางวัลจากเวที MTV Asia Awards และอีกหลายๆ รางวัลที่มีจำนวนมากพอ ๆ กับโมเดลสัตว์ประหลาดที่เขาชื่นชอบ ด้วยความที่เป็นคนชอบคิด ชอบทดลองและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆเสมอ ทำให้ บอดี้…ศพ#19 ถูกบรรจุความแปลกล้ำนำสมัยไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ CG (Computer Graphic) ที่ได้บริษัทชั้นนำอย่าง DM (Digital Magic) มาช่วยเพิ่มดีกรีความเนียน บวกกับมุมมองการถ่ายทำที่ทันสมัย แปลกใหม่ของผู้กำกับ ทำให้หลาย Shots สมจริงและน่าสะพรึงกลัวเหนือจินตนาการ

“ผมคิดว่าคนที่ได้ดูเรื่อง บอดี้…ศพ#19 จะรู้สึกเหมือนการเข้าไปเที่ยวในสวนสนุกและเลือกเล่นรถไฟเหาะ แต่เป็นรถไฟเหาะที่พุ่งเข้าไปในบ้านผีสิง เพราะมันจะมีทั้งความน่าตื่นเต้น มีทั้งความน่ากลัวในเวลาเดียวกัน และจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดทั้งเรื่อง ห้ามกะพริบตา ห้ามปิดตา ห้ามลุกไปฉี่ เพราะแค่คุณเอามือปิดตาอาจจะพลาดหนังทั้งเรื่องไปเลยก็ได้”

 

บอดี้…ศพ#19 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ชลสิทธ์ เขาฝันถึงเหตุการณ์อะไรบางอย่างซ้ำๆทุกครั้งที่หลับตาลง ได้ยินประโยคซ้ำ ๆ จากคนที่เขาไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อนและพูดถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าต้องหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวเหล่านั้นได้ เขาจึงพยายามที่จะประติดประต่อมันจากภาพในหัว โดยที่เขาจะมีวีธีต่าง ๆ ที่จะเข้าไปค้นหาปริศนาเหล่านั้น แต่ระหว่างทางที่จะนำไปสู่คำตอบ เขาก็จะเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมากมายเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพราะว่าภาพที่เกิดขึ้นมันเป็นภาพที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเป็นภาพของการฆาตกรรม มีเลือด มีผี มีศพ เข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวละครตัวนี้เป็นเหมือนคนที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว อยู่ ๆ ก็เหมือนถูกมัดมือชกให้ดิ้นไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกไม่ไหวเพราะว่าเรื่องนี้เข้ามาคุกคามชีวิตเขามากเกินไปจนทำให้เขาเริ่มทำร้ายคนรอบข้าง ในที่สุดเขาต้องลุกขึ้นมาหาความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาให้ได้ เขาก็เลยเลือกที่จะไปพบจิตแพทย์ เพื่อรักษาอาการ

…พระเอกสำหรับเรื่องนี้ คือ เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) เป็นมือกีตาร์วงเสลอ รับบท ชลสิทธ์ คาแร็คเตอร์จะเป็นคนที่สันโดษหน่อย ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก เรียนวิศวะ ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายอยู่บ้านเดียวกันกับพี่สาว จริง ๆ แล้ว บทของชลสิทธ์ มีคนที่เข้าตาอยู่ 3 คน ตอนนั้นก็ยังเลือกไม่ได้ เพราะว่าแต่ละคนก็จะเป็นชลสิทธ์ในแต่ละแบบที่เขาเล่นกันได้ แต่สุดท้ายตอนที่ฉายในห้องผู้บริหาร ให้พี่เก้ง คุณวิสูตร พี่สินดู พอดูเสร็จทุกคนเห็นเลยว่า วันนั้นเป้เขาคือชลสิทธ์ สำหรับเรื่อง บอดี้…ศพ#19 จริง ๆ เขาคือคนที่ถูกกระทำจริง ๆ คือหนังเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เล่าถึงคนที่ถูกกระทำในแบบต่าง ๆ ไม่มีตัวละครตัวไหนที่ลุกขึ้นมาแล้วเป็นฮีโร่สำหรับเรื่องนี้ ทุกคนโดนกระทำ และจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมฉันถึงถูกกระทำ เขาเป็นชลสิทธ์ที่ดูน่าสงสาร ดูถูกกระทำจนวันหนึ่ง เขาทนไม่ไหวเขาจึงลุกขึ้นมาหาความจริง แต่เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาแบบฮีโร่ เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เจอปัญหาแล้วอยากที่จะผ่านมันไปให้ได้

แป้ง (อรจิรา แหลมวิไล) รับบท เอ๋ เป็นพี่สาวที่เจ้ากี้เจ้าการกับน้องชาย เป็นนักศึกษาแพทย์ที่ใกล้จบแล้ว เป็นคนที่อยากจะดูแลน้อง เพราะว่าครอบครัวเขาไม่เหลือใครแล้วพ่อแม่เสียชีวิตหมด เหลือกันแค่ 2 คนพี่น้องที่จะต้องดูแลกันเอง เอ๋เป็นตัวละครที่อยู่กับชลสิทธ์มากที่สุด และถือเป็นช่วงที่ผ่อนคลายที่สุดของหนังเช่นกัน เพราะเป็นช่วงที่ชลสิทธ์ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปหาหลักฐาน หรือออกไปตามหาความจริงอะไร เป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกของความเป็นบ้าน บทเอ๋จะเป็นเหมือนที่พักพิงของชลสิทธ์เวลาที่เขามีเรื่องกลับมาหรือมีใครไม่เข้าใจ เขาก็จะยังมีพี่สาวคนนี้ที่ให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ ถึงแม้บางครั้งตัวเอ๋จะตั้งคำถามจากอาการของชลสิทธิ์ว่า จริง ๆ แล้วมันเกิดจากอาการทางจิตหรือว่ามันเกิดขึ้นจริงกันแน่ก็ตาม วันที่แป้งมาแคสติ้งเป็นวันที่บังเอิญได้เล่นกับเป้พอดี แป้งเล่นได้ดีมาก และทั้งสองคนก็รับส่งบทกันได้ดี เขาเล่นเป็นพี่น้องกัน หน้าตาก็คล้ายกัน ทำให้หนังมีสีสันขึ้น

พี่เข็ม (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) รับบทเป็น หมออุษา เป็นหมอทางด้านจิตแพทย์แล้วก็มีคลีนิคเป็นของตัวเอง รับปรึกษาทางด้านจิตแพทย์โดยเฉพาะ คาแร็คเตอร์จะเป็นผู้หญิงทำงาน มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีลูกหนึ่งคน รักครอบครัว คือมีภาพลักษณ์ที่น่าอิจฉา เหมือนเป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ดีและสมบูรณ์แบบ ความเกี่ยวพันของหมออุษากับชลสิทธ์เกิดขึ้น เมื่อชลสิทธ์เริ่มมีปัญหาทางจิตมากขึ้นเรื่อย ๆ และคิดวนเวียนว่าสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นความจริงหรือความฝัน เอ๋ ก็เลยแนะนำให้เขาไปปรึกษาจิตแพทย์ซึ่งก็คือหมออุษา สุดท้ายชลสิทธ์ก็ได้ดึงหมออุษาเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวต่าง ๆ บทของหมออุษาสำคัญมากเพราะเป็นตัวละครที่จะรู้ทุกเรื่องจากการรักษา อาการของชลสิทธิ์ จะรู้ว่าสิ่งที่ชลสิทธ์เห็น สิ่งที่ชลสิทธิ์คิด มันเป็นความฝันหรือเป็นความจริง และนอกจากความลับที่เธอต้องรับรู้แล้ว เธอยังต้องรับกับสถานการณ์ครอบครัวที่เริ่มสั่นคลอน พี่เข็มสามารถแสดงออกมาให้เห็นเลยว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับปัญหาต่าง ๆ ไว้เป็นอย่างไร คือภายนอกอาจจะดูเป็นผู้หญิงแกร่ง ผู้หญิงเก่ง แต่สุดท้ายเมื่อมีปัญหาเข้ามารุมเร้าเธอจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เธอจะแสดงออกกับคนรอบข้างแบบไหน ซึ่งตรงนี้พี่เข็มทำได้ดีมาก ที่เลือกพี่เข็ม เพราะเราอยากได้ผู้หญิงที่ดูฉลาด ดูเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง พอเราเอาชื่อนักแสดงขึ้นมาดูเราก็จะเห็นชื่อพี่เข็มขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลย รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเป็นผู้หญิงแกร่ง ดูเท่ห์ ดูฉลาด ดูสู้ สามารถออกไปตามล่าหาความจริงได้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นช้างเท้าหลัง ซึ่งพี่เข็มเล่นได้ดีมาก

พี่เมย์ (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) รับบทเป็น ดาราราย ซึ่งเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา เป็นอาจารย์สอนทางด้านจิตวิทยา จบจากเมืองนอก ชอบใช้วิชาที่สอน ทดลองกับนักศึกษาจนได้ฉายาจากลูกศิษย์ว่า “แม่หมอ” ด้วยคาแร็คเตอร์ ด้วยวิธีการแต่งตัว ด้วยวิธีการพูดของเขา ก็จะทำให้ดูลึกลับ น่ากลัว น่าเกรงขาม สำหรับนักศึกษา ดารารายเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องเพราะว่า วันหนึ่งเขาหายไปจากสังคม หายไปจากคนรอบข้าง ทุกคนมาตามหาเขาว่าเขาหายไปไหน ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าเขาหายไปไหน แล้วอยู่ ๆ ชลสิทธ์ก็ได้ยินเสียงที่ก้องอยู่ในหูทุกครั้งที่หลับตาว่า “ชื่อดารารายตามหาให้เจอ” ทำให้สงสัยและหวาดกลัวว่าดารายคือใคร ทำไมต้องเลือกให้เขาเป็นผู้ที่ต้องออกตามหา คนที่จะสามารถมารับบทตัวละครตัวนี้ได้ ต้องเป็นคนที่แค่เราเห็นหน้าเขาเวลาเขาหันมามอง เราต้องหลบตาเขา ดูแล้วรู้สึกกลัว และเกรงคนคนนี้ พี่เมย์เป็นคนที่มีบุคลิกแบบนั้น หลังจากที่พี่เมย์มาแคสผมไม่ดูเทปแคสติ้งของคนอื่นอีกเลย คนนี้คือดารารายจริง ๆ

บอดี้…ศพ#19 เป็นหนังแนว ไซโค-ฮอร์เรอร์ เป็นเรื่องจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับความสยองขวัญ ซึ่งหนังแนวนี้ยังไม่ค่อยมีการหยิบยกขึ้นมาทำเท่าไหร่นัก พอเราเลือกที่เล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับบทภาพยนตร์ ความโดดเด่นของเรื่องนี้จึงเป็นสไตล์การเล่าเรื่องและภาพ ที่ถูกนำเสนอในอีกรูปแบบหนึ่ง บางครั้งมันเป็นเรื่องของภาพที่เกิดขึ้นจากจินตนาการ ต้องพยายามเล่าให้ได้ว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัว หรือในฝัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่แปลกใหม่ในหนัง ไม่ใช่แค่ภาพแบบปกติเท่านั้น จะมีในเรื่องของ CG (Computer Graphic) ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของภาพให้มันน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น

…โดยเฉพาะการดีไซน์ผี ระยะหลังเราจะเห็นภาพของผีที่เป็นเหมือนผีญี่ปุ่นหน้าขาว ๆ และขยับแบบกระดึ๊ก ๆ ซึ่งผมรู้สึกว่า บอดี้…ศพ#19 ต้องการความแตกต่างสำหรับผี ผมก็เลยดีไซน์ผีแบบใหม่ออกมา ความจริงผีตัวนี้เป็นเหมือนผีที่ไม่ใช่วิญญาณอาจจะดูเป็นร่าง ๆ หนึ่ง ซึ่งมีความสยดสยองที่ไม่ธรรมดา ส่วนเรื่องใบหน้าผมรู้สึกว่าการ์ตูนเล่มละบาทสมัยก่อนมันจะมีการดีไซน์ผีแบบนี้ และผมว่านี่คือผีแบบไทย ๆ บางคนจะติดภาพของผีจากเรื่องอื่นแต่ถ้าได้พบผีโฉมใหม่ในแบบฉบับของผมรับรองว่าจะได้รับความน่าสะพรึงที่แปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใครแน่นอน

…สำหรับเพลง คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ พี่เอก เอกสิทธ์ ไทยรัตน์ หนึ่งในผู้เขียนบทเรื่องนี้ เป็นคนคิดว่าหนังเรื่องนี้ควรใช้เพลงนี้ เพราะเขาฟังแล้วรู้สึกหลอน แต่ตอนแรกที่ผมฟังมันก็รู้สึกว่าไม่หลอน คือเหมือนรอคนรักกลับมาก็เท่านั้น แต่พี่เอกบอกว่าลองฟังเนื้อเพลงดี ๆ ลองตีเนื้อความใหม่ แล้วจะเห็นว่ามันเป็นเพลงที่สามารถทำให้เรารู้สึกเศร้า ฟังดูเหงา ดูโดดเดี่ยว และหดหู่ พอลองทำออกมาเพื่อใช้ในหนังมันเข้ากับธีมของเรื่องและเข้ากับบรรยากาศมาก พอเราตีโจทย์ว่าต้องการเพลงนี้ในเวอร์ชั่น Dark Side หรือด้านมืดของเพลง ตอนแรกก็หาคนที่จะมาร้องอยู่นาน เพราะเราอยากได้คนที่มีเสียงทรงพลัง เสียงที่ฟังดูน่าขนลุก พอดีพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) แนะนำว่าเป็นพี่แพท (สุทธาศินี พุทธินันท์) เราก็เลยมาคิดว่าจะทำดนตรีแบบไหนดี อะไรที่ดูเหงา ก็เลยนึกถึง ไวโอลีน เชลโล่ เปียโน เลยคุยกับพี่ต้นคนทำเพลง ให้ทำออกมาในแบบ ออร์เคสตร้า แล้วให้พี่แพท ดีไซน์การร้องขึ้นมาใหม่ซึ่งยากมากเพราะมีการใช้โอเปร่าในบางท่อนของเพลงนี้ด้วย ซึ่งพี่แพทสามารถร้องเพลงนี้ออกมาได้เพราะมากและตอบโจทย์ที่เราอยากได้ทุกข้อ

…ความตั้งใจจริงของผมสำหรับผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคืออยากให้คนที่ได้เข้าไปดูแล้วรู้สึกสนุกกับหนัง ติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ไปตลอดทั้งเรื่องและได้เห็นภาพที่ใม่เคยเห็นมาก่อนในหนังเรื่องอื่น ๆ อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้เข้าไปเที่ยวสวนสนุกและเลือกเล่นรถไฟเหาะ แต่ว่าเป็นรถไฟเหาะที่พุ่งเข้าไปในบ้านผีสิง เพราะมันจะมีทั้งความน่าตื่นเต้น มีทั้งความน่ากลัวในเวลาเดียวกัน และจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดทั้งเรื่อง ห้ามกะพริบตา ห้ามปิดตา ห้ามลุกไปฉี่ เพราะแค่คุณเอามือปิดตาอาจจะพลาดหนังทั้งเรื่องไปเลยก็ได้

หนังได้ศิลปินสาวกรี๊ด-มือกีต้าร์แห่งวง SLUR เป้-อารักษ์ อมรศุภสิริ (ปี 4 ม. มหิดล) มาเปิดซิงบนแผ่นฟิล์มเป็นครั้งแรกในบทพระเอกรับรองได้แจ้งเกิดอย่างแรงแน่ ๆ เอ้า สาว ๆ กรี๊ดรับขวัญน้องเค้าก่อนเร้วววววววววว (อิอิ)

ส่วนนักแสดงนำคนอื่น ๆ ก็ได้แก่ แป้ง-อรจิรา แหลมวิไล (สุริยะฆาต, สายล่อฟ้า), เข็ม-กฤตธีรา อินพรวิจิตร (กุมภาพันธ์) และ เมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (ขังแปด) คนหลังนี้ขอกรี๊ดเป็นการส่วนตัว เพราะเธอเปรี้ยวเท่ได้ใจเหลือเกิน (อิอิ)

เมย์ บอกว่า “บทดีมากเก็บกด เป็นโรคจิต บทนี้ไม่เล่นไม่ได้แล้ว และถ้าแสดงไม่ได้คงต้องเข้าไปปรึกษาแม่ ภัทรวดี อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขอใช้ความสามารถตัวเองก่อน”

ส่วน เข็ม-กฤตธีรา บอกว่า “ตัดสินใจมาเล่นเรื่องนี้เพราะอ่านบทแล้ววางไม่ลง บทน่าสนใจเป็นจิตแพทย์ ที่ใช้อารมณ์เยอะแล้วต้องมารักษาเคสยากที่สุดของชลสิทธิ์คือพระเอก”

ขณะที่พระเอกของเรา เป้-อารักษ์ บอกว่า “เป็นนักดนตรีอยู่ดี ๆ พี่ที่จีทีเอชชวนมาแคสติ้ง บทน่าสนใจไปเวิร์คช็อปแล้วสนุกมาก ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เลยขอลองทำอะไรใหม่ ๆ ดูสักครั้ง”

หลังพิธีบวงสรวง หนังก็เปิดกล้องถ่ายทำกันทันทีในวันรุ่งขึ้น คาดว่ากลางปีนี้น่าจะได้ชมหนัง GTH เรื่องนี้กัน ต่อคิวฉายจาก Final Score, แฝด และ สายลับจับบ้านเล็ก หลังจากนั้นก็คงจะเป็นหนังใหม่ของจตุรงค์ มกจ๊ก เรื่อง ตั๊ดสู้ฟุด (หากินกับ “ตุ๊ด” อีกแล้วตลกคนนี้ อ้อลืมไป เค้าสนิทกับเจ๊พจน์ฮ่า ๆ ๆ)

ย้อนกลับไปที่ตัวผู้กำกับ กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่ผ่านงานกำกับโฆษณาและเอ็มวี 2 ค่ายยักษ์มาอย่างโชกโชน และเท่าที่ทราบเขาคนนี้ “อึด” พอตัว เพราะหลายครั้งเหมือนจะได้กำกับหนังมาหลายคราว แต่ดวงก็ยังไม่ถึง คลาดเคลื่อนไปซะทุกที ก่อนที่จะได้มากำกับหนังหลอน ๆ เรื่องนี้ เขาเคยเกือบจะได้เปิดหนังแอ็คชั่นมันส์ระห่ำเรื่อง “เร็วเฆี่ยนนรก” (Gear to Grave) แต่โปรเจ็กต์ก็ “ล่ม” ไปซะก่อน

คราวนี้แหละ จะได้พิสูจน์ฝีมือกำกับหนังของเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที แม้จะมาช้ากว่าใครเค้าเพื่อนในหมวดหมู่หนัง GTH ปีที่ผ่านมาก็ตามที

มาคอยดูกันว่าเขาจะ “เจ๋ง” จริงอย่างคำร่ำลือ และทำหนังออกมาได้อย่างคำโฆษณาว่า น่ากลัวที่สุด โหดที่สุด และถึงเลือดถึงเนื้อที่สุดหรือเปล่า

เราหวังว่า อย่างน้อย ๆ ด้วยเครดิต GTH ที่สั่งสมมา หลังหนังผ่านสายตาผู้ชมกันแล้ว พวกเราคงไม่ถึงกับต้อง “จองเวร” ผู้กำกับคนนี้อย่างชื่อหนังเป็นแน่

บอดี้ : ร่างนี้ ไม่มีวิญญาณ   

เขียนโดย Obelisk   

อังคาร, 02 ตุลาคม 2007


 ***บทวิจารณ์นี้มีภาษาที่สามารถตีความถึงจุดหักมุมของหนังได้ (สปอยล์)***


"บอดี้ ศพ#19" เป็นผลงานหนังไทยที่ไม่ feel good ของทาง GTH ส่งไว้ปิดท้ายปี 2550 กับผลงานของผู้กำกับหนังเลือดใหม่บนหนังเลือดสาด "กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา" ผลงานระทึกที่จงใจและใส่ใจกับการเน้นอนุภาคเม็ดซีจีเนื้อ ๆ เน้น ๆ


แน่นอนว่าหนังแนวทางนี้ สิ่งที่คนดูอย่างฉันคาดหวังไว้อย่างดาษดาเต็มห้วงความหวัง เต็มหัวความคิด นั่นก็คือ ขอเพียงได้สัมผัสเนื้อหนังผัสสะความหลอนที่ได้ใจ และกาลเทศะของวิถีการหักมุมโคจรของหนัง ว่าเบี่ยงเบนไปในทิศทางใด อย่างมีเหตุมีผลแค่นี้ก็เพียงพอ


ชลสิทธิ์ ผละลุกจากเก้าอี้ ผละทิ้งจากตัวตนที่มีมา เริ่มออกตามหาอย่างวุ่นวายกับผู้หญิงแปลกหน้าในความฝัน ที่ชื่อ ดาราราย


ถลำสู่ภาวะการณ์ ดำดิ่งอยู่ในโลกที่เห็นเพียงคนเดียวในจินตภาพ


เมื่อแสดงอาการออกทางกายอย่างไม่สามารถประสานกับห้วงความคิดล้ำลึกนั้นได้ จึงไม่แตกต่างจากคนเพ้อ คลั่ง พลัดหลงอยู่บนโลกแห่งความจริงของคนอื่น


เดินดุ่ม งุ่นง่าน ตะกายหาทางออก เพื่อการควานค้นหาความหมายจากสิ่งที่ก้องกังวานแก่ใจตนเอง


ผู้คนที่พบเห็นชายหนุ่ม สายตาที่มองเห็นภาพเค้าเป็นเพียงชายอีกคนที่เสาะหาสิ่งว่างเปล่า ทว่าค้นหาตัวเองไม่เจอะเจอ จึงไม่รู้ว่าตลอดเวลานั่นคือ กาลสุดท้ายที่ย่ำเท้ากลับเข้าหาตัวเอง


อดีต ผลักภาระให้ปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์บิดเบี้ยวของอนาคต


ชายหนุ่มอีกคนกับครอบครัวในภาวะนิ่งสมบูรณ์แบบ ภรรยาสาวสวย ลูกน้อยวัยก้าวเติบใหญ่ ผู้ที่มีคำตอบปิดบังตัวตนเสียเอง และไม่เคยเกิดคำถามผลิขึ้นกับตัวเอง


ภาวะการณ์ปะทะทำให้เกิดการปะปนเชื่อมโยง ความพลุ่งพล่านแห่งชายหนุ่มที่วิ่งวนหาคำตอบในวังวนของคำถาม ปะทะกับชายผู้ซึ่งหลงลืมการมองเห็นตัวตนของตัวเองสิ้นรูป


หนังให้บทสรุปเมื่อหักมุมจบตอนเฉลยได้อย่างละเอียดเนียน การรับรู้ท่ามกลางการไม่รับรู้ ตะกายตัวเองไม่พ้นจากขอบบ่อของหลุมดำแห่งอดีต ดูดกลืนเลือนหายทุกสิ่งสิ้นไปในความมืดมนอนันตกาล


หนังควบคุมโทนอารมณ์เกลี่ยเฉลี่ยไว้ได้ทั้งเรื่อง โดยยกระดับสูงกว่าการผสมสูตรมาตรฐานหลอนหลอกคนดูแบบเดิม ที่ผ่านตามาไม่นานอย่าง "แฝด" ที่หมดความขลังเวทย์ เมื่อที่เห็นในแฝดเป็นเพียงความทรงจำที่เคยผ่านตาอย่างชาชินมาแล้ว


แน่นอนว่าแฝดไม่ช็อคคนดู เพราะคนดูเริ่มคุ้นชินและปรับตัวไปกับวิธีการเดิม มากเกินกว่าที่จะกระตุกใจได้อีกครั้ง


"บอดี้ฯ" แม้จะไม่ใช่ของแปลกใหม่ แต่ทำได้เหนือกว่า "แฝด" หลายขุม และเทียบชั้นสูงกว่า "ชัตเตอร์" ด้วยซ้ำ


นี่คืออีกหนึ่งหนังเจ๋งแห่งปีค่ะ"บอดี้ ศพ#19"

19(+1) เหตุผลง่าย ๆ ที่คุณต้องย่างกรายเข้าไปดู "บอดี้ ศพ#19"        

เขียนโดย อี๊หก รักทุกคน  
พฤหัสบดี, 11 ตุลาคม 2007

...กลับมาแล้วค่ะ มิตรรักแฟน(เด็ก)หนังทั้งหลาย หลังจากที่ชั้นหายสาบสูญไปพักใหญ่ ๆ จนหลายคนถามไถ่กันตรึม (เหรอคะ???)

...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ชั้นแค่ไปตามหาตัวตนและหัวใจที่หายไปกับใครบางคนเท่านั้น แต่ยังหรอกค่ะ ยังไม่เจอเลยคุณขา ทำไมมันยากเย็น ยากแท้หยั่งถึงอย่างงี้ก็ไม่รู้นะคะใจคน

...เข้าเรื่องดีกว่าค่ะ กลับมาแบบเพิ่งจิกปลายเท้าเหยียบแผ่นพื้นสุวรรณภูมิแอร์พอร์ตได้ไม่เต็มบาทา ก็มีเสียงเซย์ฮัลโหลจากคนแถวนี้ชวนให้ไปดูหนังยิก ๆ

...ใช่แล้วค่ะ เรื่องนั้นแหละค่ะ ใช่แล้วค่ะ (อีกครั้งนะคะ) หนังไทยเรื่อง "ครอบครัวตัว..." อุ๊ย เมาท์นะคะ ไม่ใช่ค่ะ เรื่องนี้ต้องรอโปรแกรมหน้า "ดูมาด่า" เจอกันแน่ค่ะ เพราะแค่เห็นเทรเลอร์หนัง ชั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ๆ อย่างน่าใจหาย...จริง ๆ ค่ะ

...เอาเป็นว่า ตอนนี้ชั้นขอไปดู "บอดี้ ศพ#19" ก่อนนะคะ

...หนังไทยที่มีแต่เสียงแซ่ซ้องในความดีงาม สรรเสริญในชั้นเชิงหนังแบบสุด ๆ ตัวชั้นซึ่งไม่เคยรับรู้อินฟอร์เมชั่นใด ๆ มาก่อน ก็เลยต้องจำใจแบกชะลอมเต็มสองกำมือเดินดุ่ม ๆ เข้าโรงหนังใจกลางเมืองในบัดดลนั้นทันทีค่ะ

...กรี๊ดดดดดดด...กรี๊ดดดดดดด สุด ๆ ค่ะ ดูจบแล้วมีแต่เรื่องกรี๊ดดดดดดค่ะคุณ ไม่ได้ดูหนังไทยดี ๆ มานาน พอมาเจอเรื่องนี้ก็ "คลิก" ทันทีเลยค่ะ สมแล้วที่มีแต่คำชม ชม และชม ไว้ชั้นจะชวนเค้าคนนั้นของชั้นมาดูอีกซักรอบดีกว่าค่ะ

...ส่วนคุณ-คนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปดูเรื่องนี้ดีมั้ยนะคะ ชั้นเชื่อว่า 19(+1) เหตุผลข้างล่างนี้ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณ ๆ รีบไปตีตราลองจองตั๋วดูหนังดีเรื่องนี้กันได้บ้างนะคะ...นะคะ

...พร้อมกันยังคะ พร้อมแล้ว ชั้นขอ...กรี๊ดดดดดดดด...อีกซักรอบค่ะ

1) เค้าเป็นใครกันคะหนุ่มคนนี้ ไม่เคยพานพบคนอะไรหล่อได้ใจ น่ารัก (ลักพาไปกิน) มาก ๆ ค่ะ หน้ากลม ๆ ผมหยิก ๆ ฟู ๆ นัยน์ตาปรือ ๆ โอ้วววว...มันช่างคมสันสมชายเซอ ๆ ยิ่งนัก ประหนึ่งมีแรงดึงดูดปรากฏขึ้นบนจอหนังกว้าง ๆ เต็ม ๆ สองเนตรคู่สวยของชั้น กรี๊ดดดดดดดด...มันช่างโน้มถ่วงให้ติดบ่วงเสน่ห์อย่างแรงแบบแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจอะไรปานนี้คะ

2) ดู ท่านั่ง ขณะนั่งดูคอนเสิร์ตของเค้าสิคะ สองขากางด้วยองศาพอเหมาะ ยั่วยวนให้เจาะลึกถลำดำดิ่งไปถึงไหนต่อไหน คุณไม่เกี่ยวนะคะ เฉพาะชั้นกับน้องเค้าสองคนเท่านั้นค่ะ อ๊ายยยย "คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว" จริง ๆ ค่ะ

3) อาการกระสับกระส่าย ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะนั่ง ยืน เดิน นอน ยังไงดี ว่าแล้วน้องเค้าก็ลุกออกไปสูดอากาศข้างนอกด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ดูซุกซน เซี้ยวได้ใจจริง ๆ ค่ะ

4) "เออ พี่ ผมขอบุหรี่ เอ้ออออ..." น้ำเสียงแรกที่ผ่านจากปากของชายหนุ่ม โอ้วววว มันช่างนุ่มบาดลึกเสียนี่กระไร แม้น้องเค้าจะพูดไม่ชัดก็ตาม ชั้นไม่ถือสา ไว้ชั้นจะสอนน้องเค้าพูดให้ชัดเอง แต่จะด้วยวิธีไหนน่ะเหรอ อันนี้ท็อปซีเคร็ทค่ะคุณ

5) ยืนแล้วค่ะ น้องเค้ายืนได้ด้วย อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ...น้องเค้ายืนแล้วค่ะ ท่าทางยืนแบบงง ๆ ท่ามกลางผู้คนที่พากันล้นทะลักออกมาจากประตูจากมุมสูง แต่ก็ไม่มีอะไรมาบดบังความโดดเด่นด้วยแสงออร่าอันเจิดจรัสของน้องเค้าไปได้

6) อันนี้รวมเลยนะคะ ท่าวิ่งขึ้นแท็กซี่ นั่งเอ๋อ ๆ ในรถ บอกคนขับว่า "ไปซอยทวีสุข" จวบจนหากระเป๋าตังค์ จ่ายตังค์พร้อมแอบส่งสายตาให้คนขับ อ๊ายยยยยย...เห็นแล้วอยากไปขับแท็กซี่ให้น้องเค้านั่งจัง จะได้พาน้องเค้าไป "ทวีสุข" กันแบบสองต่อสอง อุ๊ย...เขินจัง

7) ถึงบ้านอันโอ่โถงของน้องเค้าแล้วค่ะ อยู่กันแค่สองคนกับยัยพี่สาวที่ชอบทำตัวลึกลับหายหัวอยู่บ่อย ๆ น้องเค้าคงเหงาน่าดู หิวแล้วใครจะทำให้กินล่ะ "ชล แกผ่ากุ้งแล้วเอาขี้มันออกด้วยนะ" อ้อ น้องเค้าชื่อ ชล นี่เอง ยัยพี่สาวตัวดีชี้นิ้วสั่งเอา ๆ นี่ถ้าน้องเค้า เอ้ออออ...ชั้นหมายถึงน้องชลนั่นแหละ นี่ถ้าน้องชลอยู่กับชั้นนะ ไม่มีหรอกค่ะต้องทำงานหนักอย่างงี้ น้องเค้าจะไม่ต้องทำอะไรอย่างงี้หรอกค่ะ โถ! พ่อคุณของนม อุ๊ย...น้องชลของชั้น

8) "โอ๊ยยยยย..." นั่นปะไรคะ พูดไม่ทันขาดคำชั้น โดนบาดนิ้วเข้าให้ซะแล้ว โถ ๆ ๆ ไหน ๆ ๆ ดาร์ลิ้งขอดูแผลหน่อยสิคะ ต๊าย ตายแล้ว แผลลึกมาก ๆ ค่ะ แต่มันก็ไม่เท่าที่น้องชลมาบาดลึกในใจพี่หรอกนะคะ อุ๊ย พูดแล้วใจสั่น ไม่เอาละ ไปหาหมอดีกว่านะคะคนดี พี่ทำแผลให้ไม่ไหวหรอกค่ะ แผลใหญ่เลือดเยอะขนาดนี้ กว่าจะเสร็จ น้ำตาพี่คงแห้งเหือดหมดใจซะก่อน คนอะไร้ หน้าตาน่าสงสารจริง ๆ ค่ะ

9) อ๊ายยยยย...นั่นใครคะ คุณหมอหัวหลิมหัวเกรียนเป็นใครกันคะ กล้าดียังไงมาหลอกแตะนิ้วน้องชลของชั้น หลอกแต๊ะอั๋งเห็น ๆ อย่ามาเก๊กชงจีบเด็กชั้นนะคะคุณ คนนี้ชั้นขอค่ะหมอจิ๊บ "คุณชลสิทธ์ คุณลองโทรไปเบอร์นี้นะครับ เค้าช่วยคุณได้" อะไรกันคะคุณหมอ อย่ามาส่งซิกหลอกล่อแอบให้เบอร์น้องชลสิทธ์เค้าอย่างงี้สิคะ ไปค่ะ ชลสิทธิ์ขา (ชื่อไพเราะมาก ๆ) เรากลับรังรัก อุ๊ย...บ้านของเราสองดีกว่าค่ะ แน๊ ไอ้หัวหลิมยังตามก้นมาอีก จะเอาอะไรกะน้องชลอีกคะ

10) ดีค่ะ น้องชลขับรถหนีมันเลยค่ะ ดูสิคะ แค่ท่าขับรถจากด้านหลังยังเท่ซะขนาดนี้ ถ้าขี่ เอ๊ยยยยย ถ้าขับจากด้านหน้าจะวิเศษเลอเลิศซะขนาดไหนกันคะ

11) กลับมาพักผ่อนนั่งดูทีวีกันดีกว่าค่ะ อย่าทำหน้าเคร่งเครียดอย่างงั้นสิคะ พี่อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่หน้าเครียดอย่างงี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบนะคะ (คริ คริ) ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนกันดีกว่าค่ะ พี่เตรียมเตียงให้เรียบร้อยแล้ว เชิญขึ้นเตียงได้แล้วค่ะ พี่จะผ่อนคลายให้เอง

12) ปิดไฟก่อนดีกว่ามั้ยคะ รู้สึกพวกชอบแอบดูจะจ้องอยู่ซะด้วยค่ะ อะไรนะคะ อ๋อ ฉากเลิฟซีนยังไม่เหมาะตอนนี้เหรอคะ ฮึ...ก็ได้ค่ะ พี่จะอดเปรี้ยวไว้กินหวานวันหลังก็ได้ค่ะ ดู๊ดูสิคะ ท่าหลับบนเตียง มันช่างพริ้มเพรายิ่งนัก แน๊ มีกระสับกระส่าย แดนซ์ดิ้นไปมาบนเตียงด้วย สเต็ปงามแต๊ ๆ ค่ะ แต่น้องเค้าต้องฝันร้ายแน่ ๆ ค่ะ ไหวมั้ยจ๊ะชลจ๋า

13) ไม่ไหวจริง ๆ ด้วยค่ะ น้องเค้าน่าสงสารอะไรเช่นนี้ น้องเค้าผิดอะไรถึงต้องมาทำกับน้องเค้าถึงขนาดนี้ แน่จริงมาทำกับชั้นสิ นังดาราราย แต่ต้องตามหาชั้นให้เจอก่อนนะ ชั้นไม่บอกชื่อชั้นให้โง่หรอก แน่จริงตามหาชั้นเองสิ (อิอิ) ฉลาดล้ำนำผีไปหนึ่งก้าวเสมอแม่ยอดหญิงอย่างชั้น ขอพาน้องชลไปหาจิตแพทย์ก่อนนะคะ นั่นเห็นมั้ยคะ นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังมารยาทงามอีก ท่าไหว้ทำได้ถูกหลักการไหว้ด้วย อันนี้ป้า ๆ ในกระทรวงวัฒนธรรมชอบมาก ๆ ค่ะ ไม่แบน ไม่ขึ้นโมฯ (โมเสค) นะคะ เยี่ยมค่ะเยี่ยม อุ๊ย...ท่าจิบน้ำ ก็เริ่ดค่ะ ผู้ดีมาเกิดแท้ ๆ พ่อคู้ณ อะไรคะนั่น หมออุษาหลอกน้องขึ้นเตียงเหรอคะ อ๋อสะกดจิตน้องเค้า อย่าเลยค่ะหมอขา เดี๋ยวน้องเค้าจะเจอแม่มณีอย่างชั้นที่เป็นคู่แท้เมื่ออดีตชาติ อุ๊ย เขินจัง เอ๊ะ ๆ ทำไมน้องชลเค้ากระสับกระส่ายถึงเพียงนั้น นังดารารายอีกแล้วใช่มั้ยคะ

14) กลับมาห้องของเราดีกว่าค่ะ อ่ะ พี่ทำโจ๊กให้กินนะคะ เพล้งงงง...อะไรกันคะ ไม่อร่อยก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องปาหมอน อุ๊ย เขวี้ยงชามทิ้งเลยนี่คะ อะไรคะ น้องชลเป็นอะไรคะ ตกใจช็อคอะไรคะ อ๋อ เห็นผีเด็กบ๊ะช่อ (หมูสับ) เหรอคะ โอ๋ ๆ ๆ คนดี มามะ หายช็อค หายตกใจนะคะ อีเด็กผีไปซะไป

15) อ้าว จะไปไหนคะนั่น โอ้ววววว ท่าอาเจียนได้สมชายเกินร้อยมาก ๆ พรั่งพรูดูอาร์ทมาก ๆ คะ อย่างงี้นี่เองที่โบราณว่าไว่ "หลั่งอ้วกเป็นห่าเลือด" น้องชลปล่อยช็อตเด็ดไม่ดูไม่ได้อีกแล้วนะคะ เจ๋งจริง ๆ ค่ะ

16) เหนื่อยแล้วไปพักมั้ยคะ ไม่เหรอคะ นั่นหาอะไรคะนั่น แหวนอะไรคะนั่น ยกแหวนขึ้นส่องกอลลั่มหรือไรคะนั่น ท่านี้กินขาดโฟรโด้มาก ๆ ค่ะ หลอด ออฟ เดอะ ลิง ที่ไหนก็สู้ไม่ได้ค่ะ เพราะน้องชลออกท่าได้ลิง อุ๊ย ไม่ใช่ ออกท่าได้คูลมาก ๆ ค่ะ เวรี่ คูล สุดฤทธิ์ค่ะ กรี๊ดดดดดดด ผู้กำกับบ้า ปล่อยผีออกมาทำไมคะ ตกใจเสียจริตหมด ช็อตนี้ช็อตเดียวตกใจไปสามวัน บ้าจริง ๆ

17) รวมมิตรท่าวิ่งน้องชลดีกว่าค่ะ ไม่มีอะไรทำน้องชลก็วิ่งสโลว์กลางสายฝนให้พี่กรี๊ดเล่นซะงั้นนะคะ หรือตอนมีอะไรทำน้องชลก็วิ่งหน้าตั้ง(ก็ยังรักชลนะคะ) สุดชีวิตเมื่อปริศนาดูเหมือนจะคลี่คลาย น้องชลรู้ตัวฆาตกรแล้วใช่มั้ยคะ อุ๊ยเก่งจริงเชียว หน้าตาดี มารยาทงาม แอนด์จีเนียส อีก อย่างงี้ไม่รักยังไงไหวคะ ชลสิทธิ์ขา

18) อันนี้ฉากเด็ดไคลแม็กซ์ของเรื่องเชียวค่ะ ค่อย ๆ จิ้น เอ้อออ...ชั้นหมายถึงจินตนาการตามไปนะคะ ใช่แล้วค่ะ ฉากอาบน้ำสุดเซ็กซี่ เสียค่าตั๋ว 120 บาท มาดูฉากนี้ฉากเดียว ยังไงชั้นก็ว่าคุ้มนะคะ ชั้นจะค่อยๆ ไล่ทีละสเต็ปเลยนะคะ นั่นค่ะน้องเค้าเดินเข้าห้องน้ำแล้วค่ะ อะไรกันคะ กล้องคะกล้อง เป็นอะไรคะ ทำไมถ่ายแต่อ่างอาบน้ำคะ คนมาอาบน้ำก็ต้องถ่ายคนเป็นเซ็นเตอร์สิคะ อันนี้ผิดหลักภาพยนตร์เบื้องต้นมาก ๆ ค่ะ เห็นทีชั้นต้องร้องเรียนอาจารย์เก้งแล้วค่ะ ทำไมศิษย์สำนักนี้ถ่ายภาพออกมาได้บิดเบี้ยวผิดรูปผิดเฟรมผิดโฟกัสไปหมดคะ แพนขวาหน่อยสิคะ แพนขวา เฮ้อออออ...อ๊ายยยยย แล้วนั่นอะไรคะ ไม่แพนขวาชั้นยังไม่โกรธ แต่นี่ให้น้องชลของชั้นใส่กางเกงในย้วย ๆ สีขาวสุดหมองนี่นะคะ ฝ่ายคอสตูมคะ เรียนเชิญด้วยค่ะ ถึงน้องเค้าจะเรียนวิศวะ แต่เดี๋ยวนี้มันยุคเมโทรเซ็กฌ่วลแล้วนะคะ วันหลังขอแบบจีสตริงให้น้องเค้านะคะ ทำอะไรก็ทำให้มันสุด ๆ สิคะ อารมณ์เสียจริงเชียวค่ะ

...ต่อดีกว่าค่ะ กล้องมุมสูงทำงานอีกรอบแล้วคะ เรื่องนี้จะไฮโซไปไหนคะ เอะอะก็มุมสูง เอะอะก็มุมสูง แต่ซีนแช่น้ำในอ่างนี้มุมสูงก็ดีค่ะ จะได้เห็นอะไรเต็ม ๆ ตา อ๊ายยยย...อะไรคะนั่น มุมสูงและออกกว้างด้วยสิคะ ถ่ายทำไมคะแค่ครึ่งตัว ชั้นอยากเห็นองค์ประกอบภาพทั้งหมดให้ชัด ๆ ค่ะ แค่นี้ทำให้ไม่ได้เหรอคะ ชั้นล่ะสงสัยจริง ๆ ค่ะ ทีเรื่อง "แฝด" อะไรนั่นยังถ่ายใต้น้ำได้เลย ทำไมฉากนี้ไม่มุดไปถ่ายในอ่างน้ำล่ะคะ ลงทุนเพื่อผู้ชมหน่อยสิคะ เสียแค่ค่าพลาสติกหุ้มกล้องอีกไม่เท่าไหร่เองนะคะ เผื่อจะได้เห็นทัศนียภาพดี ๆ มีม้านิลมังกรปรากฏกาย ว้ายยยยย พูดอะไรออกไปคะเนี่ย นังดารารายใช่มั้ยนี่ แกสะกดจิตใต้สำนึกของชั้นใช่มั้ยคะ (คริ คริ)

19) เฮ้ออออออ เน่าเสียดายนะคะ ใช้ทรัพยากรได้ไม่คุ้มต้นทุนเลยค่ะฉากอาบน้ำนี้ เอาเถอะค่ะ น้องเค้าอาบน้ำเสร็จแล้ว พันผ้าออกมาจากห้องน้ำแล้ว โอ้วววว หุ่นเพอร์เฟ็กต์แมน จะขาวนวลเนียนไปถึงไหนคะเนี่ย แต่งตัวก่อนสิคะ เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ มาดูทีวีซะอย่างงั้นแหละค่ะ เอ๊ะ...นั่น เดอะริงมาด้วยหรือคะ อ้าวไม่ใช่ นังดารารายนี่เอง ชั้นว่าแกจะหลอกล่อให้น้องเค้าเปลื้องผ้าใช่มั้ยยะ เห็นมั้ยน้องเค้าไหว้ปะหลก ๆ เนื้อตัวอันบอบบางสั่นเทาด้วยความกลัว ร้องขออย่างสุดชีวิตแล้ว ไปให้พ้น ๆ ชีวิตคู่ของเราเถอะนะ แล้วชั้นจะกรวดน้ำแร่ไปให้ แกจะไปไหนก็ไป ไปขอให้ไอ้ไข่ย้อย, ไอ้แจ๊ค, น้องชาตรี, หรือบักหำน่อยที่ไหนตามหาแกก็ไปเถอะ อย่ามารังควานน้องชลสิทธ์ของชั้นเลย

+1) สุดท้าย อุ๊ย...สุดท้ายแล้วเหรอคะ เพลง "ยาพิษ" ขึ้นเสียดแทงใจชั้นแล้ว ชั้นกะน้องเค้าต้องจากกันแล้วหรือนี่ เวลาแค่ 2 ชั่วโมงที่เราพบพานกัน มันช่างสั้นยิ่งนัก น้องเค้าชื่อ "อารักษ์ อมรศุภศิริ - เป้ วงเสลอ" อ๊ายยยยย...รูปก็งาม นามก็เพราะ อยากฉอเลาะด้วยจริงเชียว พี่ชื่อ "อี(ป้า)หอก วงสะเหร่อ" นะคะเป้ รู้มั้ยคะเป้ แค่เรื่องแรกก็เล่นได้น่าสงสารขนาดนี้ เป้ได้ใจพี่ไปเต็ม ๆ นะคะ อะไรนะคะ "คนอื่นเล่นดีกว่าผมอีกครับ" อ๊ะ ๆ ๆ รูปก็งาม นามก็เพราะ ยังถ่อมตัวเป็นเลิศอีก อย่างงี้ไม่ให้รักยังไงไหวคะเป้ เห็นมั้ยคะ แค่ชื่อเรายังคล้องจองกันเลย "เป้ กะ ป้า" อ๊ายยยยยย เป้คะ เป้เคยได้ยินมั้ยคะ คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เพื่อความรัก พี่ก็ทำได้ เดี๋ยวพี่จะไปทำผมฟู ๆ ฟาร่าห์ อะโลฮ่าเลยดีมั้ยคะ จากนั้นพี่จะไปหาขาเดฟมาใส่ ถึงแม้ใครจะว่าพี่ว่าขาหมู พี่ก็ยอมค่ะ ใช่ค่ะ พี่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป้ เพื่อความรักของเราสองไงคะ ไปนะคะ พี่จะไปหาเพลงของวง SLUR มาฝึกร้องและรีอะเร้นจ์ใหม่แบบวงออร์เคสตร้าประมาณว่าคุณแพทที่ร้องเพลงตอนต้นเรื่องก็สู้ไม่ได้เลยค่ะ แล้วพี่จะมาร้องกล่อมให้เราทั้งคู่หลับฝันหวานไปใน "ตู้หมายเลข 19" ด้วยกัน...นะคะ

...รักทุกคน (เหมือนเดิม) ค่ะ แต่รักน้องเป้ มากกว่านิดนึงค่ะ


Share this article :

แสดงความคิดเห็น