Home » , » กระต่ายหลงจันทร์

กระต่ายหลงจันทร์

 

กระต่ายหลงจันทร์

บทประพันธ์ :  โสภี  พรรณราย

        พิมทอง หรือ กระต่าย พยาบาลสาว เฉิ่ม เชย และ ซุ่มซ่าม ทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ในคลีนิคของ หมอพงษ์ หมอหนุ่มเจ้าสำราญ อารมณ์ดีขี้เล่น โดยมี บรรเจิด เป็นบุรุษพยาบาลจอมทะเล้นประจำคลีนิค พิมทองเช่าคอนโดร่วมกับ ศุภรา หรือ อ้อย นางแบบที่กำลังโด่งดังอยู่ในระดับแถวหน้าในวงการ  เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม จนถึงมัธยมจึงต่างแยกย้ายไปเรียนตามความชอบของแต่ละคน ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น ทั้งๆ ที่นิสัยใจคอ และรสนิยมแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

                        ศุภราชวนพิมทองไปงานการกุศลแห่งหนึ่งซึ่งเธอได้รับการเชื้อเชิญให้ไปเดินแบบเสื้อ ในงานนี้มีการจับสลากมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน โดยรางวัลที่หนึ่งคือ เข็มกลัดเพชรรูปกระต่ายชมจันทร์ มูลค่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท บริจาคโดยเดอะวินเน่อร์  บริษัทโฆษณาที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย  ในงานนั้นพิมทองได้ทำขนมเค้กหกใส่เสื้อเชิ๊ตชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยความซุ่มซ่าม แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกของชายผู้นั้นเข้า ก็ทำให้พิมทองพิศวงงงงวยจนเกือบจะเดินตามเข้าไปในห้องน้ำชาย  หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าและน้ำเสียงอันมีเสน่ห์สมชายนั้น จึงมีอิทธิพลต่อจิตใจหล่อนอย่างรุนแรงและกระทันหันถึงเพียงนี้

                   ในห้องแต่งตัวสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าของนางแบบเกิดวุ่นวายขึ้น เมื่อ จิดาภา นางแบบสาวน้องใหม่ไฮไซเกิดถูกใจชุดที่ศุภราจะต้องใส่เป็นชุดสุดท้าย จนเกิดการยื้อแย่งกัน  จิดาภาใช้ความที่มาจากตระกูลดังและเป็นน้องสาว จิรภาส หนึ่งในสามของหุ้นส่วนเดอะวินเน่อร์ ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของงานนี้ บีบดีไซน์เน่อร์ให้เปลี่ยนจากศุภรามาเป็นเธอสวมชุดฟินาเล่ เหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย เพราะศุภราเองก็ไม่ยอมร้อนถึง  พีรวัส  เจ้าของโมเดลลิ่ง ต้นสังกัด สองนางแบบต้องออกมาไกล่เกลี่ย และโดยศักดิ์ศรีของการเป็นนางแบบรุ่นพี่ จิดาภาจึงต้องยอมแพ้อย่างเจ็บใจ และแสดงตัวเป็นศัตรูกับศุภราอย่างเปิดเผยทั้งกิริยา วาจา ด้วยความหมั่นไส้ริษยาศุภราที่เป็นนางแบบกิ๊กก๊อกโนเนม ไต่เต้ามาจากการเดินแบบครั้งละไม่เกินหนึ่งพันบาท แต่กลับได้รับการสนับสนุนจากพีรวัส เจ้าของบริษัทสกายโมเดลลิ่งที่มีชื่อเสียง ทำให้

ศุภราเริ่มโด่งดังเป็นนางแบบแถวหน้า และมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ต่างกับเธอซึ่งมาจากตระกูลดีมีเกียรติในวงสังคม แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เท่าศุภรา ด้วยความที่จิดาภาแอบหลงรักพีรวัสอยู่ด้วย เธอจึงเห็นว่าศุภราคือคู่แข่งคนสำคัญทั้งด้านการงานและความรัก

                   เมื่อการเดินแบบเสื้อการกุศลสิ้นสุดลง ก็ถึงการจับสลากมอบรางวัลให้แก่ผู้ร่วมงาน ศุภราชวนพิมทองกลับ แต่หญิงสาวขอให้อยู่ต่อเพื่อลุ้นรางวัลจากเลขหางบัตร ศุภราอารมณ์ไม่ดีเรื่องจิดาภายืนยันจะกลับเดี๋ยวนี้ พิมทองจึงตามใจ แต่ขณะที่ก้าวตามศุภราไปนั้น หญิงสาวก็เหลือบแลไปบนเวทีโดยไม่ตั้งใจเพราะได้ยินพิธีกรประกาศเชิญผู้บริหารบริษัท เดอะวินเน่อร์ ขึ้นไปมอบรางวัลที่หนึ่งแก่ผู้โชคดี 

พิมทองตกตะลึงตัวชาก้าวขาไม่ออก เพราะผู้ที่ก้าวขึ้นไปบนเวทีนั้นคือ ชายหนุ่มที่เธอทำเค้กหกใส่เสื้อเชิ๊ตของเขาจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนนั่นเอง ศุภรากลับเข้ามาตามพิมทอง หญิงสาวจึงเล่าเรื่องที่ทำซุ่มซ่ามใส่ชายหนุ่มที่อยู่บนเวที และได้รับรู้จากเพื่อนสาวว่าเขาคือ กร พี่ชายพีรวัสที่เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งที่ศุภราสังกัดอยู่ พิธีกรประกาศหมายเลขของผู้โชคดีที่กรจับสลากขึ้นมา ปรากฏว่าคือหมายเลข  0013  ของพิมทอง หญิงสาวหูอื้อใจสั่นในขณะที่ศุภรากระโดดโลดเต้นดีใจแทนเพื่อนจนไม่สนใจวาจาเสียดสีของจิดาภา  พิมทองก้าวเข้าไปใกล้เวทีด้วยความตื่นเต้นไม่เคยคุ้นกับการปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนมากมาย รวมทั้งความไม่มั่นใจเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนเชย เฉิ่ม ตามสมญาที่ศุภราชอบเรียกขาน และรองเท้าส้นสูงสามนิ้วครึ่งที่ไม่เคยใส่ ก็ทำให้หญิงสาวเกือบพลาดตกเวที ขณะกำลังก้าวขึ้นบันได โดยมีศุภราแอบลุ้นอยู่อย่างตื่นเต้น พิมทองรู้สึกเหมือนถูกไฟดูดเมื่อสบตากับกร เธอเห็นเขาเบิกตากว้างแสดงว่าจำเธอได้  พิธีกรบนเวทีสัมภาษณ์หญิงสาวสั้นๆ ถึงประวัติและอาชีพการงาน ด้วยความระทึกใจและไม่คาดฝันว่าจะได้มายืนเคียงคู่กับชายหนุ่มที่เธอแอบประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น  ทำให้พิมทองตอบคำถามของพิธีกรด้วยด้วยความเปิ่น จนจิดาภาเอาไปค่อนแคะกับศุภราถึงความเซ่อซ่าของพิมทองจนเดินเกือบตกเวที และยิ่งโฆษกประกาศให้กรมอบรางวัลโดยการกลัดเข็มกลัดเพชรบนอกเสื้อของผู้โชคดี ยิ่งทำให้พิมทองรู้สึกวาบหวิวคล้ายจะเป็นลมเพราะได้ใกล้ชิดกร จนได้กลิ่นน้ำหอมโชยมาจากร่างเขาและสัมผัสถึงลมหายใจที่หอมสดชื่น พิมทองรู้สึกเหมือนฝันไป จนเมื่อถึงบ้านแล้วทั้งภาพและกลิ่นก็ยังตามมารบกวนหัวใจสาวของพิมทองให้หวั่นไหวตลอดทั้งคืน

                   เช้าวันรุ่งขึ้นหมอพงษ์และบรรเจิดรู้ข่าวความโชคดีของพิมทอง ก็บังคับให้หญิงสาวเลี้ยงฉลอง และด้วยความตระหนีถี่เหนียว พิมทองตกลงเลี้ยงแค่ข้าวมันไก่หน้าคลีนิค หมอพงษ์กับบรรเจิดเซ็งในความขี้เหนียวของหญิงสาวแต่ก็รับเลี้ยงโดยแกล้งสั่งไก่สับเปล่าๆ มากินเล่นถึงสองจาน  พิมทองต้องจ่ายเงินถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าบาทห้าสิบสตางค์ด้วยความเสียดาย

                   หนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ และรายปักษ์ ต่างลงรูปกร ที่กำลังติดเข็มกลัดให้แก่ พิมทองในฐานะที่เขากำลังโด่งดังอยู่ในแวดวงธุรกิจ แม้หนังสือแต่ละฉบับจะไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของพิมทองเลยด้วยไม่เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่หญิงสาวก็อดปลาบปลื้มไม่ได้เพราะความรู้สึกพิเศษที่มีต่อกร  พิมทองแอบตัดรูปพร้อมข่าวเก็บไว้จึงถูกหมอพงษ์และบรรเจิดแซวว่าเก็บรูปตัวเอง หรือรูปหนุ่มหล่อ หญิงสาวหน้าแดงเพราะโดนใจ

                   กร จิรภาส และ รำไพ สามผู้ถือหุ้นใหญ่ของเดอะวินเน่อร์ ประชุมเรื่องงานโฆษณารายใหม่ ซึ่งทางผู้ว่าจ้างไว้ใจให้เดอะวินเน่อร์ เป็นผู้คัดตัวพรีเซ็นเตอร์ กรเสนอศุภรา แต่จิรภาสไม่เห็นด้วย เสนอ เกษมณี สาววัยรุ่นดารานักแสดงซึ่งกำลังโด่งดัง ต่างคนต่างมีเหตุผลตกลงกันไม่ได้จนต้องให้รำไพเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด รำไพขอเวลาพิจารณาสักสองสามวัน เธอรู้สึกหนักใจและปวดศีรษะทุกครั้ง เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มทั้งสองมีความเห็นในเรื่องงานขัดแย้งกันเสมอ และมักให้เธอเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด เพราะเธอเป็นเสียงสุดท้าย และความเห็นของเธอก็มักจะตรงกับความเห็นของกรเสียเป็นส่วนใหญ่ รำไพแน่ใจว่าการตัดสินใจของเธอไม่ได้เกิดจากความลำเอียงเพราะเธอแอบมีความรู้สึกพิเศษต่อกร  แต่เธอมองเห็นว่าการขัดแย้งกันของชายหนุ่มทั้งสอง เกิดจากการที่จะเอาชนะกันในเรื่องงานนั่นเอง และเมื่อเธอนำเหตุผลของทั้งคู่มาชั่งน้ำหนักได้เสียแล้ว ผลสรุปของเธอตกอยู่ข้างฝ่ายใด อีกฝ่ายหนึ่งก็จะยอมตามเงื่อนไขเหมือนผู้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา โดยที่รำไพและกรไม่มีทางรู้เลยว่า จิรภาสแอบเก็บความน้อยใจ โกรธแค้นไว้เป็นเวลานานแล้ว และมันกำลังรอวัน…….ระเบิด

                   รำไพเกิดอาการเครียดจนปวดศีรษะ จึงแวะเข้าไปที่คลีนิคหมอพงษ์ระหว่างกลับจากทำงาน จึงได้พบหมอซึ่งเรียนอยู่ห้องเดียวกันสมัยมัธยม และพบกับพิมทองซึ่งเธอจำได้จากเทปซึ่งถ่ายไว้ในงานเดินแบบเสื้อการกุศลว่าพิมทองคือผู้โชคดีได้รับเข็มกลัดเพชร  หมอพงษ์แนะนำให้รำไพเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือตรวจโดยเฉพาะ รำไพปฏิเสธหมอจึงได้แต่จ่ายยามาให้กินแก้ปวด

                   กร นำเรื่องเสนอศุภรามาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาครีมทาผิว มาแจ้งแก่พีรวัสผู้เป็นน้องชาย เพื่อให้ช่วยเป็นสื่อกลางในการเจรจากกับศุภรา  พีรวัสดีใจที่เด็กในสังกัดจะได้งานชิ้นใหญ่ เพราะเขาตั้งใจที่จะสนับสนุนศุภราให้เป็นดารานักแสดงในอนาคต เนื่องจากเห็นแวว ความตั้งใจ และความอดทนที่ศุภรามีอยู่ จึงนำข่าวดีมาบอกแก่หญิงสาวในขณะที่กำลังถ่ายแบบอยู่ในสตูดิโอ จิดาภาแอบได้ยินการสนทนาด้วยหัวใจที่จวนเจียนระเบิดด้วยความริษยาในความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของคู่แข่ง และความเอาใจใส่ต่อศุภราอย่างเป็นพิเศษของพีรวัส จิดาภาระเบิดอารมณ์ใส่พีรวัสว่า นางแบบโฆษณาชุดนี้จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ศุภรา

                   จิดาภาไปขอร้องจิรภาสให้ช่วยเสนอชื่อเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาแทนศุภรา จิรภาสปฏิเสธเพราะผิดมารยาทและว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จิดาภาจะต้องทำตัวแข่งกับศุภรา เนื่องจากจิดาภาเองก็อยู่ในตระกูลดี มีฐานะอยู่แล้ว แต่จิดาภาต้องการชื่อเสียง ต้องการเอาชนะศุภรา โดยไม่สนใจว่าจะได้มาอย่างไร  มิหนำซ้ำยังพูดจาพาดพิงไปถึงรำไพกับกรในทางที่ไม่ดี จิรภาสไม่พอใจที่รู้ว่าจิดาภาหลงรักพีรวัสน้องชายของกร ซึ่งเขาถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

                   ก่อนที่จะประชุมสรุปตัวพรีเซ็นเตอร์ จิรภาสได้พูดดักคอรำไพไว้ก่อน เพราะรำไพมักจะเห็นด้วยกับกรเป็นส่วนมาก รำไพเริ่มเครียดและมีอาการปวดศีรษะ กรเข้ามาชวนไปทานอาหารกลางวัน แต่หญิงสาวปฏิเสธเพราะเกรงจิรภาสจะเข้าใจผิด เธอรู้สึกกดดันจึงเดินออกมาหาอาหารทานตามลำพัง จนเกือบถูกรถชนขณะกำลังจะข้ามถนน ดีแต่พิมทองมาพบเข้า จึงฉุดแขนรำไพให้หลบรถคันนั้นได้พอดี 

พิมทองพารำไพเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ในร้านเบเกอรี่ ความตกใจและเก็บกดในหลายๆ เรื่อง ทำให้รำไพระบายความอัดอั้นในเรื่องงานกับพิมทอง อย่างที่ไม่เคยพูดให้ใครฟังมาก่อนแม้แต่ เกษร ผู้เป็นน้องสาว พิมทองใจระทึกเมื่อได้ยินรำไพเอ่ยถึงกร ผู้ชายที่หล่อนสนใจหล่อนอยากฟังทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเขา รำไพขอบคุณที่พิมทองช่วยชีวิตเธอไว้ หญิงสาวหัวเราะและบอกว่าศุภราต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าเธอได้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพราะตามปกติเธอเองต่างหากที่มักจะป้ำเป๋อจนศุภราต้องคอยช่วยเหลือแนะนำเธอตลอดเวลา รำไพจึงรู้ว่าพิมทองเป็นเพื่อนรักของศุภรา เพราะหญิงสาวพูดถึงศุภราว่าเป็นคนดีมีความอดทนจนไต่เต้ามาจนถึงจุดนี้ และพิมทองก็มั่นใจว่าศุภราจะต้องได้งานโฆษณาชิ้นนี้แน่นอน

                   บทบาทของพิมทองเป็นแรงกระตุ้นให้รำไพตัดสินใจได้ดี  หล่อนเห็นความเป็นตัวของตัวเองของพิมทอง ความจริงใจ ความซื่อและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนของพิมทอง ทำให้รำไพลงความเห็นเช่นเดียวกับกรในการประชุมครั้งสุดท้าย จิรภาสไม่พอใจแต่ก็ไม่โต้แย้ง เป็นอีกครั้งที่เขาแพ้ชายหนุ่มที่เขาคิดว่าคือศัตรู รำไพถือโอกาสขออนุญาติฝากเกษรซึ่งกำลังจะเรียนจบทางด้านโฆษณาเข้าฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ ทั้งกรและจิรภาสตอบตกลง

                   รำไพนำกระเช้าผลไม้ ไปพบพิมทองที่คลินิคหมอพงษ์เพื่อเป็นการขอบคุณที่หญิงสาวได้ช่วยชีวิตเธอไว้ จึงได้เห็นบรรยากาศอันสนุกสนาน  และความเป็นกันเองระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ผิดกับบรรยากาศอันเคร่งเครียดและชิงดีชิงเด่นในเดอะวินเน่อร์ พิมทองนำผลไม้กลับไปฝากศุภราที่คอนโด ศุภราแจ้งข่าวดีให้พิมทองรู้ว่าทางบริษัทเดอะวินเน่อร์ตกลงใจให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาครีมทาผิวขาวแล้ว โดยนัดเซ็นสัญญากันในวันพรุ่งนี้ พิมทองดีอกดีใจมากมาย เพราะงานนี้หมายถึงเงินล้านจะเข้ามอยู่ในบัญชีธนาคารของเพื่อนรัก หญิงสาวดักคอศุภราเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมใบละสามแสนกว่าที่ศุภราหมายตาไว้ว่าเป็นของฟุ่มเฟือยและแพงเกินไปที่จะซื้อมาใช้ แต่ศุภราไม่สนใจ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเอาชนะ

จิดาภาให้ได้ เนื่องจากจิดาภามักขุดเอาปมด้อยในความยากจนของศุภรามาเยาะเย้ยเสียดสีทุกครั้งที่ปะทะคารมกัน  พิมทองขอติดตามเพื่อนรักไปด้วยในวันเซ็นสัญญา เพราะกลัวศุภราจะนำเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่เจ้าตัวพยายามปกปิดอย่างมิดชิดก็คือการที่จะได้พบกรอีกครั้ง

                   พีรวัสมารับศุภราและพิมทองที่คอนโด พิมทองวุ่นวายใจในการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวเพราะเท่าที่เธอมีอยู่ไม่กี่ชุดก็ล้วนแต่เก่าและเชยสุดๆ เธอไม่อยากทำให้ศุภราขายหน้าว่ามีเพื่อนไร้รสนิยมจึงยินยอมสวมเสื้อของศุภราซึ่งค่อนข้างโป๊ แต่เธอก็แก้ไขโดยการสวมสูททับ เมื่อมาาถึงเดอะวินเน่อร์บรรยากาศและการแต่งกายที่ทันสมัย โก๋เก๋ ของพนักงานหนุ่มสาวก็ทำให้พิมทองรู้สึกว่าตัวเองเฟอะฟะเป็นบ้านนอกเข้ากรุง รำไพออกมาให้การต้อนรับและพาทั้งหมดเข้าไปในห้องประชุมซึ่งทุกคนรออยู่แล้ว ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกำลังคุยกันถึงรายละเอียดในการเซ็นสัญญา พิมทองก็ลอบมองอากัปกิริยาของกรอย่างเงียบๆ ด้วยความประทับใจ หลังจากเซ็นสัญญา และลูกค้าขอตัวกลับไปแล้ว พีรวัสได้ถามรำไพว่ารู้จักกับพิมทองได้อย่างไร ศุภราจึงเล่าให้ทุกคนฟังเรื่องที่พิมทองได้ช่วยชีวิตรำไพไว้จากการถูกรถชน จนรำไพนำกระเช้าผลไม้มาแสดงความขอบคุณ และด้วยความซื่อพิมทองได้ขอบคุณรำไพที่ให้การสนับสนุนศุภราจนได้งานชิ้นนี้ คำพูดของหญิงสาวทำให้ทุกคนนิ่งอึ้งตะลึงตะไล โดยเฉพาะรำไพ พีรวัสเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงชวนสองสาวกลับ ในระหว่างที่อยู่ในรถพิมทองไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด ทุกคนในห้องประชุมจีงเงียบงันไป พีรวัสจึงอธิบายสถานการณ์และความขัดแย้งระหว่างกรกับจิรภาส โดยมีรำไพอยู่ตรงกลางและถูกเพ่งเล็งว่ามักจะเข้าข้างกรเสมอ คำพูดของพิมทองเมื่อสักครู่นี้จะทำให้รำไพเสียหาย เพราะจิรภาสอาจเข้าใจว่ารำไพโอนเอียงเข้าข้างกรซึ่งเลือกศุภรา ด้วยความรู้สึกส่วนตัว

                   พิมทองรู้สึกผิด และโทษตัวเองว่าไม่น่าไปเดอะวินเน่อร์เลย หล่อนผิดหวังในท่าทีของกรด้วยเพราะถึงแม้เขาจะจำได้ว่าหล่อนคือผู้โชคดีได้รับรางวัลเข็มกลัดเพชรในวันงาน แต่เขาก็ไม่พูดกับหล่อนสักคำ

                   กรตำหนิพิมทองว่าพูดจาไม่รู้จักกาละเทศะ รำไพแย้งว่าพิมทองเป็นคนซื่อ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นไม่มีเจตนาจะให้ใครเสียหาย รำไพเข้าพบจิรภาสเพื่อจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จิรภาสแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะได้เซ็นสัญญากันไปเรียบร้อยแล้ว  ความใจกว้างของจิรภาสทำให้รำไพระแวงว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่อีกนอกเหนือจากนี้  พิมทองกลับไปทำงานที่คลีนิคพร้อมกับความว้าวุ่นใจที่เป็นต้นเหตุให้รำไพต้องเดือดร้อน หมอพงษ์และบรรเจิดเข้ามาปลอบใจ ว่ารำไพคงรู้ว่าพิมทองพูดไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ไม่ทำให้หญิงสาวคลายกังวล

                   ศุภราพบกับจิดาภาในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมใบที่ติดตาต้องใจ จิดาภาชิงตัดหน้าซื้อกระเป๋าใบนั้นก่อนด้วยต้องการเอาชนะศุภรา  ทำให้หญิงสาวแค้นใจมากเพราะกระเป๋ามีใบเดียว แต่แล้วเกมก็พลิกเมื่อพนักงานขายบอกว่ามีกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุด แบบคล้ายคลึงกับใบนี้ แต่ราคาแพงกว่านิดหน่อยเพิ่งมาถึงหากศุภราสนใจ หญิงสาวตกลงซื้อทันทีด้วยเงินสด ศุภราถือกระเป๋าใหม่เดินกรายผ่านหน้าจิดาภาไปด้วยความสะใจ แต่จิดาภายังเดินตามมาตอแยเสียดสี ศุภราขอให้ต่างคนต่างอยู่อย่ามาวุ่นวายกัน เพราะถึงจิดาภาจะร่ำรวยสักเพียงใดก็ตามก็ไม่สามารถซื้อความดังหรือความสำเร็จในชีวิตได้ แถมยังทำให้จิดาภาลองใช้เงินซื้อความสำเร็จดูอีกด้วย จิดาภาแทบกรีดร้องเพราะความโกรธแค้นในวาจาย้อนยอกของศุภรา

                   พิมทองแทบลมจับเมื่อเห็นใบเสร็จค่ากระเป๋าที่ศุภราซื้อมา  เธอเสียดายเงินตั้งสามแสนกว่าบาท เพราะมันมากพอที่จะซื้อทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ แถบชานเมืองได้หนึ่งหลัง พิมทองเตือนเพื่อนรักให้นึกถึงอดีตอันลำเค็ญกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ศุภราเถียงว่าอาชีพการงานของเธอจำเป็นต้องมีเครื่องสนับสนุนให้เธอดูดีอยู่ตลอดเวลาในสายตาของคนภายนอก โดยเฉพาะจิดาภาที่เยาะเย้ยว่าเธอได้งานนี้เพราะพิมทองช่วยพูดกับรำไพ พิมทองนิ่งอึ้งที่ตนเป็นสาเหตุให้เพื่อนถูกจิดาภาหัวเราะเยาะ หญิงสาวขอโทษศุภราแล้วเข้าห้องปิดประตูร้องไห้ในขณะที่ศุภราก็โกรธตัวเองที่ทำให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวเจ็บช้ำน้ำใจ

                   พิมทองนอนไม่หลับทั้งคืน ทบทวนความผิดพลาดที่ตนเองก่อขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวไม่โกรธศุภราที่มาระบายอารมณ์ใส่ พิมทองเข้าใจดีว่าศุภราต้องฟาดฟันเพื่อเอาชนะกับใครต่อใครมากมายเพื่อที่จะมายืนตรงจุดนี้ให้ได้ และเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องพยายามทำทุกอย่างที่จะยืนตรงนี้ให้ได้นานที่สุด ในขณะที่วงจรชีวิตของเธออยู่ในวงแคบๆ พบแต่คนดีๆ เช่น หมอพงษ์และบรรเจิด เธอจึงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมีความสุขแค่เพียงข้าวราดแกงอร่อยๆ จานละสิบห้าบาทกับโอเลี้ยงแก้วละห้าบาท

                   ศุภราตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะขอโทษพิมทองเรื่องเมื่อคืน แต่หญิงสาวออกไปทำงานก่อนและได้ทำอาหารเช้าอย่างที่ศุภราชอบทิ้งไว้ให้พร้อมกับโน๊ตสั้นๆ ที่ไม่มีความขุ่นเคืองในข้อความเหล่านั้นเลย ศุภราซาบซึ้งในความรักอย่างจริงใจที่พิมทองมีต่อเธอ

                   รำไพมาหาหมอพงษ์เพื่อขอยาระงับปวดโดยไม่ได้พูดจาทักทายพิมทอง หญิงสาวคิดว่ารำไพคงยังโกรธอยู่หมอพงษ์จึงจัดการให้ทั้งสองคนได้เคลียร์กัน รำไพชื่นชมที่หญิงสาวมีความรักและจริงใจต่อเพื่อน และว่าปัญหาภายในเดอะวินเน่อร์ทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่พิมทองจะพูด และเธอได้จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พิมทองเหมือนยกภูเขาออกจากอก รำไพบอกกับหญิงสาวว่ารู้สึกอิจฉาที่พิมทองทำงานสบายๆ ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกับใครๆ หมอพงษ์เสริมว่าทุกคนต่างก็ถนัดในงานที่ตัวเองทำ ทั้งตัวหมอเอง รำไพ หรือพิมทองไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อไปทำอย่างอื่นได้ คำพูดของหมอพงษ์ได้จุดประกายความคิดบางอย่างให้เกิดกับพิมทอง หญิงสาวอยากจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักธุรกิจด้านการโฆษณา

                   พิมทองแวะซื้ออาหารสดกลับคอนโด  เพราะตั้งใจจะทำอาหารเย็นเพื่อเอาใจศุภรา แต่ปรากฏว่าบนโต๊ะอาหารมีสเต็กหมูฝีมือศุภราวางรอท่าอยู่แล้ว พร้อมคำขอโทษจากศุภรา เพื่อนรักทั้งสองโผเข้ากอดกันร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งในความรักและความหวังดีที่มีต่อกัน ศุภราสัญญาว่าจะไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยอีกเพื่ออนาคต และหัวเราะให้กันด้วยความสุข

                   เมื่อตั้งใจว่าจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักธุรกิจ พิมทองจึงไปที่ร้านหนังสือเพื่อหาซื้อหนังที่เกี่ยวกับการโฆษณา หญิงสาวใจเต้นแรงเมื่อได้พบกรโดยบังเอิญ  ด้วยความที่กลัวชายหนุ่มจะจับพิรุธถึงความในใจของตนเองจึงพยายามหลบไม่ให้พบกับกร  แต่อารามที่รีบร้อนและหอบหนังสือเล่มหนาๆ ไว้หลายเล่ม บวกกับความตื่นเต้นที่ได้พบชายในฝันโดยไม่คาดฝัน ทำให้พิมทองสะดุดขาตัวเองล้มจนหนังสือตกกระจายกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนภายในร้าน รวมทั้งกรซึ่งอยู่ใกล้พิมทองมากที่สุด จึงรีบเข้าไปประคอง หญิงสาวพยายามก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือพร้อมกับภาวนาให้กรผ่านเลยไป หล่อนไม่พร้อมจะพบเขาในสภาพที่เฉิ่มเชยแบบนี้ แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสต้นแขน ก็ทำให้พิมทองรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มือเท้าอ่อนไปหมดจนไม่สามารถทรงตัวลุกขึ้นยืนได้จนชายหนุ่มแปลกใจคิดว่าข้อเท้าหล่อนมีปัญหา พิมทองตัดสินใจลุกขึ้นยืนพร้อมขยับแว่นตาให้เข้าที่ กรจำหล่อนได้ในทันที และประหลาดใจที่เห็นพิมทองหาหนังสือที่เกี่ยวกับการโฆษณา ทั้งๆ ที่มีอาชีพเป็นพยาบาลพิมทองฉวยโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดชายหนุ่มให้นานที่สุด จึงขอให้กรช่วยเลือกหนังสือให้เพราะเขาทำงานด้านการโฆษณาคงจะรู้ว่าควรจะอ่านหนังสือเล่มไหนเพื่อเป็นบรรทัดฐาน กรเลือกหนังสือได้สองเล่มแล้วเขาก็ขอตัวผละจากไปทันที ทิ้งให้พิมทองกอดหนังสือยืนมองตามด้วยสายตาละห้อย

                   ศุภราเริ่มงานถ่ายแบบโฆษณาโดยมีพีรวัส คอยขับรถรับ-ส่ง อำนวยความสะดวกให้ทุกคน จนใครๆ แม้แต่กรผู้เป็นพี่ชาย เข้าใจว่า พีรวัสกับศุภรามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเกินกว่าเจ้านายและลูกน้องในสังกัดจะพึงมีให้กัน เมื่อเสร็จงานวันสุดท้าย ศุภราจึงเชิญพีรวัสและกรทานอาหารเย็นที่โรงแรมชั้นหนึ่งเพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้การสนับสนุนเธอตลอดมา ศุภรากลับมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่คอนโด และชวนพิมทองไปด้วยจะได้ครบคู่ พิมทองปฏิเสธทั้งที่ใจจริงอยากไปจนใจสั่น แต่กลัวว่าตัวเองจะไปทำอะไรเปิ่นๆ เชยๆ ให้ชายหนุ่มได้สมเพชเวทนาอีก

                   ในห้องอาหารของโรงแรมชั้นหนึ่ง ศุภราคะยั้นคะยอให้พิมทองลองรับประทานเนื้อแกะอบซอส แต่รสชาติของอาหารที่จืดๆ เลื่ยนๆ ทำให้พิมทองขอพริกขี้หนูจากบริกร พีรวัสขอลองพริกขี้หนูดูบ้างทำให้ลิ้นแทบพองเพราะความเผ็ดร้อน พิมทองรีบร้อนหยิบน้ำเปล่าจะส่งให้พีรวัสจนมือไปโดนแก้วน้ำล้มลง น้ำกระฉอกไปโดนเสื้อของพีรวัสและศุภราที่นั่งใกล้กัน ทั้งสองขอตัวไปห้องน้ำทิ้งให้พิมทองอยู่กับกรตามลำพังด้วยความประหม่าเก้อเขินจนมือสั่น

                   จิดาภาเห็นเหตุการณ์ที่โต๊ะของพีรวัสตั้งแต่แรก ตามศุภราเข้ามาในห้องน้ำเกิดการปะทะคารมกันเล็กน้อย ศุภราออกมาจากห้องน้ำหน้าตาบูดบึ้ง พิมทองเตือนเพื่อนอย่าลดตัวลงไปมีเรื่องกับ

จิดาภา เพราะศุภราเป็นนางแบบที่โด่งดังมีชื่อเสียงแล้ว จิดาภาตามมาทักทายพีรวัสถึงโต๊ะอาหาร และพูดจาถากถางศุภราโดยไม่เกรงใจกร ศุภราจะโต้ตอบแต่ถูกพิมทองรั้งเอาไว้ พร้อมกับพูดจาเตือนสติ และเป็นฝ่ายตอบโต้จิดาภาอย่างสุภาพเยือกเย็น โดยไม่รู้ตัวว่าวาจาที่ยอกย้อนออกไปโดยซื่อนั้น สร้างความโกรธแค้นให้แก่จิดาภาจนต้องยอมถอยทัพหนีไป และยังสร้างความประทับใจให้เกิดแก่พีรวัสที่มองเธออย่างชื่นชม

                   ระหว่างทางขับรถกลับบ้านพีรวัสเอ่ยชมเชยความกล้าหาญ และใจเย็นของพิมทองไม่ขาดปาก จนพี่ชายเกิดความหมั่นไส้จนต้องถามน้องชายว่า สนใจใครแน่ระหว่างพิมทองกับศุภรา พีรวัสให้เหตุผลว่าเขากับศุภราต่างมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตอนนี้ยังไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันจนถึงระดับที่เรียกว่าพิเศษ แต่อนาคตก็ไม่แน่ ส่วนพิมทองถึงแม้จะเปิ่นเทิ่น เฉิ่มเชยและซุ่มซ่าม แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง เพราะเป็นคนซื่อ คิดอย่างไรก็พูออย่างนั้น ไม่มีลับลมคมใน และยังย้อนถามพี่ชายถึงรสนิยมของกรว่าเป็นอย่างไร เพราะพี่น้องกันรสนิยมมักคล้ายคลึงกัน กรปฏิเสธว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ซุ่มซ่ามเซ่อซ่า พีรวัสสัพยอกพี่ชายว่า รำไพคือผู้หญิงในรสนิยมของกรใช่หรือไม่

                   พิมทองนำหนังสือที่กรเลือกให้มาอ่านฆ่าเวลาที่คลีนิค หมอพงษ์มาเห็นเข้าจึงแนะนำให้ปรึกษารำไพ หญิงสาวจึงสารภาพกับหมอว่าอยากทำงานด้านโฆษณา เพราะเธอมีเวลาว่างครึ่งวันเช้า เนื่องจากคลีนิคหมอพงษ์เปิดทำการเวลาเที่ยงเป็นต้นไป เธอจึงอยากใช้เวลาช่วงเช้าฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ โดยขอร้องให้หมอช่วยพูดจาฝากฝังกับรำไพให้ด้วย โดยให้สัญญากับหมอว่าหากทำให้งานที่คลีนิคเสียหายจะยอมให้หมอไล่ออก หมอพงษ์เตือนหญิงสาวด้วยความหวังดีว่าพิมทองเป็นคนซื่อ ไม่มีทางแก่งแย่งชิงดีกับคนอื่น ในบริษัทใหญ่โตเช่นนั้นได้หรอก แต่พิมทองไม่กลัวเพราะหล่อนไม่ได้ต้องการแข่งขันกับผู้ใดทั้งสิ้น หล่อนเพียงต้องการให้ได้อยู่ใกล้เขา ได้ใกล้ชิดเห็นหน้าเขาทุกวันเท่านั้น หล่อนรู้สึกเป็นสุขยิ่งแล้ว ศุภราคิดว่าพิมทองเป็นบ้า เมื่อรู้ว่าเพื่อนจะขอไปฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ แต่พิมทองไม่สนใจ เพราะใบหน้าของกรลอยวนอยู่ในความคิดคำนึงทุกครั้งที่เธอหลับตา

                   หลังจากที่หมอพงษ์ได้พูดจาฝากฝังพิมทองกับรำไพแล้ว รำไพได้มาพบหญิงสาวที่คลีนิคเพื่อรับทราบเหตุผลในการขอเข้าฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ พิมทองจะบอกเธอได้อย่างไรว่าเหตุผลสำคัญคือกร ชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักตั้งแต่แรกเห็น หลงรัก หลงรูป หลงทุกอย่างที่แวดล้อมเขา รวมทั้งหลงงานของเขาด้วย รำไพบอกให้พิมทองล้มเลิกความคิดนี้เสีย เพราะเธอเหมาะสมกับงานพยาบาลยิ่งกว่า หญิงสาวรู้สึกผิดหวังจนเก็บความรู้สึกไม่อยู่ มันแสดงออกอย่างแจ่มชัด รำไพรู้สึกใจอ่อน จนต้องนำเรื่องมาปรึกษากรและจิรภาส เพื่อขออนุญาติให้พิมทองได้เข้ามาฝึกงานพร้อมกับเกษร น้องสาวของหล่อน กรประหลาดใจที่หญิงสาวเชยๆ อย่างพิมทองสามารถทำให้ทั้งพีรวัสและรำไพเกิดความชื่นชมอย่างจริงใจได้ แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะรับพิมทองเข้ามาฝึกงานเพราะต่างรู้แน่นอนว่าสุดท้ายก็คือการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากพิมทองขาดทั้งความรู้และประสบการณ์ แต่ถ้ารำไพอยากให้โอกาสพิมทองทดลองก็ไม่ขัด รำไพให้สัญญาว่าหากการฝึกงานเป็นเวลา 3 เดือน พิมทองไม่ผ่านการพิจารณา เธอก็จะให้พิมทองลาออก

                   จิดาภาได้เห็นภาพยนตร์โฆษณาของศุภราตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศ หล่อนอาละวาดกับจิรภาสพี่ชาย กระแนะกระแหนว่าเหมือนขายหนังโป๊ เพราะนางแบบเปิดเผยส่วนสัดมากเกินความจำเป็น หล่อนยอมรับว่าริษยาศุภรามากมายจนอกแทบระเบิด จิรภาสไม่สนใจเพราะไม่พอใจในการทำงานตั้งแต่แรกเริ่มและเตือนจิดาภาว่าศุภรามีคนหนุนหลังอยู่มากมาย หากเข้าไปขวางก็คงไม่สำเร็จ จิดาภาประกาศก้องว่าจะทำทุกอย่างเพื่อสกัดกั้นความเจริญรุ่งเรืองของศุภราให้ได้แม้จะต้องวางชีวิตเป็นเดิมพัน

                   รำไพมาส่งข่าวให้พิมทองรู้เรื่องที่เดอะวินเน่อร์ตกลงรับเธอเข้าเป็นเด็กฝึกงาน หญิงสาวดีใจมาก จนถึงกับลงทุนควักเงินเกือบสองร้อยบาทซื้อลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง มาเลี้ยงศุภราที่คอนโด ศุภราประหลาดที่เห็นพิมทองตื่นเต้นจนเกินเหตุกับตำแหน่งเด็กฝึกงานต๊อกต๋อย และปรามาสไว้ว่าพิมทองจะทำงานที่เดอะวินเน่อร์ไม่ถึงเดือน ก็ต้องโบกมืออำลาอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเธอขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงกลับเอง พิมทองให้สัญญากับตัวเองว่าหล่อนจะต้องไม่ท้อแท้ หล่อนจะต้องแสดงฝีมือให้เขาได้เห็นและเกิดความชื่นชมในตัวหล่อนให้ได้ หาก…….หากได้กำลังใจจากเขา…..กร

                   ศุภราพบกับจิดาภาอีกครั้งในงานถ่ายแบบที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่ศุภราเช็คชื่อนางแบบที่จะมาร่วมงานวันนี้จนแน่ใจว่าไม่มีชื่อจิดาภาแน่นอนแล้วจีงได้รับงาน แต่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนตัวนางแบบกระทันหันเพราะจิดาภารู้จักกับนายทุนเจ้าของหนังสือเป็นการส่วนตัว ศุภราตัดสินใจจะไม่ถ่ายแบบแต่พีรวัสขอร้องว่าหากทำเช่นนี้ผลเสียจะตกอยู่กับเธอเพียงผู้เดียว และเมื่ออยู่วงการเดียวกัน โอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไม่พบเจอกันคงเป็นไปได้ยาก ศุภราชั่งใจถึงผลได้ผลเสียแล้วก็ตกลงยอมถ่ายแบบโดยดี การทำงานผ่านไปอย่างราบรื่นแม้ทั้งสองสาวจะมีอาการจิกกัดกันเล็กน้อยทั้งกิริยาและวาจา ยามที่ช่างภาพจับมายืนโพสต์ท่าใกล้กันเหมือนจงใจแกล้ง แต่จิดาภาเป็นฝ่ายระงับอารมณ์ไม่อยู่เมื่อเห็นพีรวัส เอาอกเอาใจศุภราด้วยการนำน้ำเย็นมาให้ดื่ม จึงเข้ามาพูดจาเสียดสีจนเกือบมีเรื่องใหญ่โต ดีแต่ว่าพีรวัสมาดึงศุภราออกไปเสียก่อน

                   จิดาภาเสร็จการถ่ายแบบก่อนศุภรา  ระหว่างที่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเพื่อจะกลับบ้าน 

จิดาภาเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบเก่งของศุภราวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนเคาน์เตอร์แต่งตัว หลังจากมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนั้นนอกจากหล่อนแล้ว หญิงสาวจึงหยิบคัตเตอร์คมกริบออกมากรีดกระเป๋าของศุภราเป็นทางยาวราวห้านิ้วแล้วก็ออกมาทำทีเป็นยืนคุยกับพีรวัสเพื่อกลบเกลื่อนหาพยานที่อยู่ เมื่อศุภราถ่ายแบบเสร็จเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พบกระเป๋าสุดรักยับเยินด้วยฝีมือบุคคลนิรนาม หล่อนกรีดร้องโหยหวนราวหัวใจแตกสลาย พีรวัสกระโจนเข้าไปหาหญิงสาวในทันที ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทีมงานว่าศุภราโดนแกล้ง หญิงสาวกระโดดเข้าหาจิดาภาทันที ที่เห็น ทั้งตบ จิก และข่วน แต่

จิดาภาก็สู้ไม่ยั้ง ทั้งสองสาวกอดรัดฟัดเหวี่ยงล้มกลิ้งไปด้วยกันบนพื้น ท่ามกลางเสียงเชียร์ในใจของพรรคพวกแต่ละฝ่าย และแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของช่างภาพที่ฉวยโอกาสขณะชุลมุนโดยที่พีรวัสไม่มีทางยับยั้ง กว่าจะจับสองสาวแยกออกจากกันได้ ทั้งศุภราและจิดาภาก็ได้บาดแผลฟกช้ำดำเขียว ผมเผ้าเสื้อผ้ายับเยินด้วยกันทั้งคู่ จิดาภาปฏิเสธข้อกล่าวหาของศุภราโดยอ้างพีรวัสเป็นพยานว่าเธอยืนอยู่กับเขาตลอดเวลา และว่าศุภราจงใจใส่ร้ายหล่อน จิดาภาทำให้หญิงสาวไปแจ้งความ เพราะมั่นใจในนามสกุลของตนว่า ตำรวจจะต้องเชื่อเธอ เนื่องจากศุภราไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่าเธอเป็นผู้ลงมือกระทำ ศุภราแค้นแทบกระอักเมื่อรู้ว่าทำอะไรจิดาภาไม่ได้ ทั้งๆ ที่แน่ใจ คราวนี้จิดาภาเป็นผู้ชนะ

                   พิมทองตกใจเมื่อเห็นสารรูปของเพื่อนรักที่พีรวัสพามาส่ง หญิงสาวพูดไม่ออก เมื่อศุภราส่งกระเป๋าสุดรักใบนั้นให้เธอดูร่องรอยที่ถูกกรีด เงินสามแสนหายวับไปกับตากลายเป็นขยะ ศุภราซึ่งเก็บกดความแค้นไว้ข้างในถึงกับปล่อยโฮด้วยความเจ็บใจ

                   แม้จะเจ็บตัวแต่จิดาภาก็สะใจถึงกับนำไปเล่าให้จิรภาสฟังถึงการกระทำของตน จิรภาสเห็นว่าเป็นการกระทำของคนโง่ เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าศุภรากับจิดาภาเป็นศัตรูกัน ถึงแม้จิดาภาจะไม่ได้ทำแต่ทุกคนที่รู้เรื่องก็ต้องลงความเห็นว่าเป็นฝีมือของจิดาภาแน่นอน  หญิงสาวยักไหล่ไม่แคร์

                   กรเห็นภาพการทะเลาะวิวาทของสองสาวทางหนังสือพิมพ์ที่จิรภาสส่งให้ดูพร้อมคำพูดที่จงใจเน้นให้กรรู้สึกผิดที่เลือกศุภรามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ภาพยนตร์โฆษณา รำไพเกรงว่าเจ้าของสินค้าไม่พอใจเพราะอาจกระทบถึงตัวสินค้า กรบอกพร้อมจะรับผิดชอบหากลูกค้าไม่พอใจ เพราะเรื่องแบบนี้มันนอกเหนืออำนาจที่เดอะวินเน่อร์จะควบคุมได้ จิรภาสหัวเราะกรมองไม่ออกว่าชายหนุ่มหัวเราะเยาะเขาหรือไม่จึงถามออกไปเป็นการหยั่งเชิงว่าเขาเลือกนางแบบผิดหรือเปล่า ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากจิรภาสกลับผิดคาด และกรก็เกรงว่าเรื่องจะไม่จบเพียงแค่นี้ จิรภาสโกหกว่าจิดาภาไม่ได้เป็นคนกรีดกระเป๋าของศุภรา เขาจะปล่อยให้จิดาภามีความผิดไม่ได้ เช่นเดียวกับเขา……..ต้องถูกเสมอ

                   พิมทองอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ด้วยความรุ่มร้อน เกรงเพื่อนจะเสียชื่อเสียงและพลอยทำให้เสียงานไปด้วย แต่ศุภรากลับหัวเราะไม่แคร์และไม่กลัว พิมทองชื่นชมในความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรัก ตรงข้ามกับจิดาภาหลังจากมีข่าวลงหนังสือพิมพ์เธอกลับถูกยกเลิกงานเดินแบบโดยอ้างว่ากลัวจะเห็นบาดแผลฟกช้ำ แต่ที่สร้างความคั่งแค้นแก่จิดาภาหนักหนาคือ ศุภราไม่ได้ถูกยกเลิกด้วย จิรภาสเตือนจิดาภาให้ใจเย็น เพราะศุภราดังกว่า หล่อนโกรธพีรวัสที่เอาใจใส่สนับสนุนศุภรามากกว่าหล่อน อาจเป็นเพราะชายหนุ่มรักศุภรา จิดาภาทนไม่ได้เพราะหล่อนเองก็รักพีรวัส พี่ชายเตือนให้หล่อนได้สติศุภราจะเด่นดังขึ้นมาไม่ได้หากไม่มีคนสนับสนุนให้โอกาส เพราะฉะนั้นหากจะตัดกำลังของฝ่ายตรงข้าม ต้องตัดที่คนกลาง ……..พีรวัส

                   จิดาภามาหาพีรวัสถึงบ้านเพื่อถามถึงเหตุผลที่บริษัทบอกยกเลิกงานเดินแบบของเธอ พีรวัสอ้างว่าทางบริษัทลูกค้าเป็นผู้กำหนด จิดาภาพุ่งคำถามเข้าเป้าทันทีว่าเขารักศุภราหรือไม่ พีรวัสปฏิเสธว่าเพียงแต่ชื่นชมในความสามารถ การมีพรสวรรค์ และความอดทนของศุภราที่โดดเด่นออกมาด้วยตัวเอง และหากเขารักศุภราเขาจะหยุดผลักดันเธอทันทีด้วยไม่ต้องการให้หญิงที่เขารักต้องตากหน้าทำงานแน่นอน จิดาภาพยายามใช้จริตมารยาเข้ายั่วยวนพีรวัส ชายหนุ่มโอนอ่อนผ่อนตามเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจหญิงสาวซึ่งเขาเองก็รู้แก่ใจว่าหล่อนมีความรักให้แก่เขาอย่างมากมาย แต่จิดาภากลับเข้าใจว่าพีรวัสก็คงมีใจกับหล่อนอยู่บ้างไม่เช่นนั้นคงไม่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่หล่อนเชิญชวน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งชายหนุ่มก็หยุดด้วยเหตุผลที่ให้กับหล่อนว่าเขาต้องการรักษาชื่อเสียงของจิดาภา หญิงสาวจึงกลับไปด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ

                   วันแรกของการฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ พิมทองแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สุดเชยของหล่อนโดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากศุภรา พิมทองมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะไม่อยากเดินเข้ามาเป็นจุดเด่นให้พนักงานอื่นๆ จ้องมอง หล่อนตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นลิฟต์ตัวหนึ่งกำลังจะปิด และวิ่งทะเร่อทะร่าเข้าไปในลิฟต์ แล้วก็แทบผงะหงายหลังเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในลิฟต์คือกร

                   พนักงานเริ่มทยอยเข้ามาทำงาน พิมทองกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นที่มองเห็นพนักงานแต่ละคนแต่งตัวทันสมัยสวยเก๋ราวกับเดินออกมาจากหนังสือแฟชั่น หล่อนจึงเลี่ยงลงไปตั้งหลักที่ชั้นล่างมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยความเพลิดเพลิน จนเห็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อนถูกชนจนแฟ้มที่หอบมาเป็นตั้งหล่นกระจาย พิมทองปราดเข้าไปช่วยเก็บแฟ้มเหล่านั้น และหอบแฟ้มไปส่งหญิงสาวที่ชั้นที่หล่อนทำงาน เมื่อลิฟต์เปิดออกก็พบรำไพยืนคอยอยู่ พิมทองจึงทราบว่าหญิงสาวคนนั้นคือเกษร น้องสาวของรำไพ ผู้ที่เข้ามาฝึกงานพร้อมกับหล่อนนั่นเอง รำไพพาทั้งสองสาวมาแนะนำตัวให้พนักงานทั้งหมดรู้จัก พิมทองรู้สึกว่าพนักงานส่วนใหญ่ชื่นชมเกษรมากกว่าหล่อน อาจเพราะเกษรเป็นน้องสาวของรำไพ หุ้นส่วนคนหนึ่งของเดอะวินเน่อร์ก็ได้ แต่พิมทองก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร รำไพเมตตาหล่อน เกษรเองก็มีท่าทางเป็นมิตร ต่อจากนั้นรำไพก็พาเข้าไปแนะนำตัวกับกรและจิรภาส หญิงสาวขอร้องให้ชายหนุ่มทั้งสองเป็นพี่เลี้ยงดูแลการฝึกงานคนละ 1 เดือน ส่วนเดือนที่สามจะฝึกอยู่กับแผนกที่รำไพรับผิดชอบ กรปฏิเสธไม่ออกเพราะรู้ว่ารำไพทุ่มเทเต็มที่กับสองสาว ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษแตกต่างจากเด็กฝึกงานคนอื่น ที่จะมีเพียงหัวหน้าแผนกเป็นพี่เลี้ยงในการฝึกงาน กรรับผิดชอบดูแลในเดือนแรก จิรภาสรับผิดชอบในเดือนที่สอง ชายหนุ่มกำมือแน่นด้วยความริษยา….ที่สองอีกแล้วทำไมนะรำไพจะต้องนึกถึงกรก่อนเขาเสมอ ราวกับว่ากรเก่งกว่าเขา และด้วยความสามารถจิรภาสคิดว่าเขาไม่เป็นที่สองรองใคร

                   รำไพจัดให้ทั้งสองนั่งโต๊ะทำงานที่หน้าห้องของกร พิมทองเริ่มจัดโต๊ะทำงานเหมือนเด็กนักเรียนเห่อห้องเรียนใหม่ เมื่อกรเดินออกจากห้องทำงานพิมทองรีบลุกขึ้นยืนเรียกอาจารย์ ด้วยคิดตามคำพูดของรำไพว่ากรและจิรภาสเปรียบเสมือนอาจารย์สอนงานให้เธอ เรียกรอยยิ้มอย่างขบขันจากพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ จนชายหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย พิมทองไม่รู้ตัวเธอเรียกกรว่าอาจารย์ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ พิมทองมารู้ว่าปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเมื่อกรบอกกับเธอว่าเขาเป็นเพียงผู้แนะนำไม่ใช่อาจารย์ รำไพแค่พูดเปรียบเทียบ กรมอบให้ มยุรี ผู้เป็นเลขาดูแลเกษรและ

พิมทอง มยุรีมอบแฟ้มงานเล่มโตให้ทั้งสองเอาไปศึกษาในสองสามวันแรกนี้ โดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากอ่าน….อ่าน….และอ่าน พิมทองเริ่มอ่านไปได้สักพักก็รู้ว่ายากกว่าที่คิด แต่เกษรก็ปลอบใจ ทั้งสองสาวต่างจับมือให้สัญญาต่อกันว่าจะต้องผ่านการทดลองงานไปพร้อมๆ กัน พิมทองพบ เสาวลักษณ์ เลขาของ

จิรภาสขณะเดินไปเข้าห้องน้ำ เสาวลักษณ์มองพิมทองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสมเพชจึงแกล้งใช้หญิงสาวไปชงกาแฟ และถ่ายเอกสารเป็นจำนวนมาก  ซึ่งพิมทองก็ยิ้มแย้มรับทำให้ด้วยความเต็มใจ เพราะอยากผูกมิตรด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาจิรภาส พิมทองเสร็จงานถ่ายเอกสารเกือบเที่ยง หญิงสาวตาเหลือกเพราะจะต้องกลับไปทำงานที่คลีนิคให้ทัน แถมยังถูกมยุรีตำหนิที่อ่านแฟ้มงานไปได้นิดเดียว

                   ถึงแม้จะถูกยกเลิกงานเดินแบบ แต่จิดาภาก็มาร่วมงานในฐานะแขกเหรื่อ หล่อนกอดกี่ยวแขนพีรวัสอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่ส่งไปให้ศุภราซึ่งอยู่บนแคทวอลค์จนเดินเกือบสะดุด เมื่อการเดินแบบเสร็จสิ้นลง จิดาภายังตามเข้าไปเยาะเย้ยศุภราเรื่องพีรวัสถึงในห้องแต่งตัว ถึงแม้ศุภราจะยังไม่ได้ชอบพีรวัสจนถึงขั้นที่เรียกว่ารักก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่อยากให้จิดาภาเป็นผู้ชนะไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ศุภราเร่าร้อนยิ่งนักเมื่อคิดว่าหากบริษัทจำเป็นต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งระหว่างหล่อนกับจิดาภา หล่อนจะต้องแพ้อย่างราบคาบเพราะศัตรูของหล่อนมีทั้งเงินและอิทธิพล

                   วันที่สองในการทำงานที่เดอะวินเน่อร์ พิมทองพบว่า จิรภาสก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มาทำงานแต่เช้า หญิงสาวไม่กล้าใช้แม่บ้านจึงเดินไปชงกาแฟเองและชงไปให้จิรภาสด้วย ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณและถามหายาแก้ปวดศีรษะกับแม่บ้าน แต่ได้รับคำตอบว่ายาหมด ต้องรอให้ร้านขายยาข้างบริษัทเปิดเสียก่อนจึงจะไปซื้อให้ พิมทองจึงหยิบยาแก้ปวดที่พกอยู่เป็นประจำในกระเป๋าไปส่งให้พร้อมกับแก้วน้ำ พร้อมกับที่จิรภาสเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ ในความมีน้ำใจของพิมทอง มุยรีส่งงานให้เกษรและพิมทองคนละชิ้น เพื่ออ่านและวิจารณ์งานนั้น ในเวลาหนึ่งชั่วโมงต้องเขียนให้ได้สองหน้ากระดาษ เกษรทำงานเสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมงจึงมาช่วยดูงานของพิมทอง แต่กลับถูกมยุรีดุเพราะต้องการทราบทัศนคติและความเข้าใจในเนื้องานของแต่ละคน รำไพเข้ามาหากรขณะที่เขากำลังอ่านงานวิจารณ์ของสองสาว กรบอกตามตรงว่างานของเกษรใช้ได้ แต่งานของพิมทองถ้าเป็นข้อสอบเขาให้ตก จิรภาสเดินเข้ามาพอดี จึงขออ่านบ้างและบอกว่าพิมทองเพิ่งเริ่มงานได้แค่สองวัน เวลาแค่นั้นไม่อาจตัดสินได้ว่าพิมทองสอบตก และบทวิจารณ์ของพิมทองก็ดูตรงๆ ซื่อๆ และแปลก มีมุมมองที่น่าสนใจ  รำไพมองจิรภาสอย่างขอบคุณ กรก็ยอมแพ้มติ พิมทองปราดเข้ามาหารำไพทันทีที่ออกมาจากห้องกร รำไพโกหกว่ากรชมว่าเก่งใช้ได้ทั้งสองคน ทำให้พิมทองยิ้มหน้าบานไปทั้งวัน

                   พีรวัสบอกกับกรว่าจะผลักดันให้ศุภราได้เป็นดารา กรดักคอน้องชายว่าไม่กลัวศุภราจะหักอกเอาหรือ พีรวัสหัวเราะว่าจะอกหักได้อย่างไรเพราะเขายังไม่ได้รักศุภรา แถมจะภูมิใจด้วยซ้ำไปที่สามารถสนับสนุนให้เด็กสาวจนๆ คนหนึ่งก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างสง่างามโดยปราศจากความด่างพร้อยทั้งปวง เพราะเขารู้จักหยุดหัวใจโดยเน้น”งาน” มาก่อน การ”ปั้น” ของเขาไม่ควรมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง กรรู้สึกทึ่งในความคิดของน้องชาย

                   ค่ำแล้วและฝนเริ่มตกพรำๆ ขณะที่พิมทองเลิกจากงานคลีนิคออกมายืนรอรถเมล์ที่ป้ายได้ร่วมชั่วโมง หญิงสาวตัดสินใจไม่ได้ว่าจะนั่งแท๊กซี่ดีหรือไม่ เพราะความเสียดายเงิน พีรวัสกลับออกจากงานที่โรงแรมใกล้ๆ คลีนิคขับรถมาพบพิมทองเข้าโดยบังเอิญ จึงรับหญิงสาวขึ้นรถมาด้วยกัน ขณะที่ขับรถผ่านสี่แยกแห่งหนึ่งทั้งคู่ได้เห็นเหตุการณ์ขณะที่รถคันหนึ่งชนเด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ จนสลบแน่นิ่ง แล้วรถคันนั้นก็เร่งเครื่องหนีไปท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เห็นเหตุการณ์ ความเป็นพยาบาลของพิมทองทำให้เธอเผ่นออกจากรถวิ่งไปที่ร่างไร้สติของเด็กหญิงเป็นคนแรก พร้อมปฐมพยาบาลเบื้องต้นในขณะที่ผู้คนเริ่มทยอยกันมามุงดูแต่ไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือ พิมทองร้องขอพีรวัสให้รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย เกรงจะเกิดปัญหายุ่งยากขึ้นในภายหลัง แต่ทนไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าวิตกทุกข์ร้อนของพิมทอง และความกระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิต เด็กหญิงทั้งที่ไม่รู้จักกัน

                   เมื่อส่งเด็กเข้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว พิมทองตัดสินใจอ้างชื่อพีรวัสเป็นเจ้าของไขรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตำรวจตามมาสอบปากคำทั้งสองที่โรงพยาบาล เพราะมีพยานยืนยันว่าพีรวัสเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ มิใช่ผู้ก่อเหตุ พีรวัสได้รับคำชมเชยจากนายตำรวจว่าเป็นพลเมืองดี ชายหนุ่มรู้สึกเก้อเขิน เพราะพิมทองต่างหากที่ทำให้เขาดูมีค่าขึ้นในสายตาของคนอื่น ชายหนุ่มรับปากอย่างเต็มใจเมื่อพิมทองขอร้องให้เขาช่วยเป็นธุระเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเด็กหญิง พีรวัสไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่ได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งให้รอดพ้นจากความตายจะก่อให้เกิดความปลื้มปิติขึ้นในใจได้มากมายขนาดนี้ และยังมองเห็นไปถึงจิตใจอันบริสุทธิ์งดงาม ใสสะอาด ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปร่างหน้าตาที่แสนจะจืดชืดธรรมดาของพิมทอง เพราะตลอดชีวิตของพีรวัสที่เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย เขาได้พบปะแต่ผู้หญิงที่มากไปด้วยรูปโฉม ประกอบด้วยอาชีพการงานก็พัวพันอยู่กับผู้หญิงที่เห่อเหิม ทะเยอะทะยาน แย่งกันเด่นแย่งกันสวย แต่พิมทองได้แสดงให้เขาเห็นว่ายังมีผู้หญิงอีกประเภทหนึ่งซึ่งสามารถทำให้คนที่ได้ใกล้ชิด เกิดความรู้สึกสบายใจได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้จริตมารยา  หรือความสวย ความงาม เป็นเครื่องทุ่นแรงเลย การกระทำของพิมทองในวันนี้กระทบใจ

พีรวัสอย่างรุนแรง จนตัดสินใจว่าเธอคนนี้แหละคือหญิงที่เขาจะรักและร่วมชีวิตด้วย เขาเริ่มมองพิมทองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แต่หญิงสาวก็ไม่รู้ตัว พีรวัสออกไปซื้อข้าวผัดและน้ำดื่มขณะที่พิมทองเข้าไปดูอาการของเด็กหญิงในห้องฉุกเฉินที่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายและปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ได้สติ ทั้งสองนั่งทานข้าวกล่องด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยที่หน้าห้องฉุกเฉิน พีรวัสรู้สึกเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

                   ด้วยความประทับใจที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันก่อให้เกิดความสงสารที่เห็นพิมทองเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานถึงสองที่ และเป็นการเสียเวลาเปล่าถ้าไม่ผ่านการทดลองงาน แต่พิมทองแย้งว่าถึงเธอจะไม่ถนัดในงานด้านโฆษณา แต่กรก็ออกปากชมบทวิจารณ์ของเธอผ่านรำไพ พีรวัสประหลาดใจเพราะเท่าที่กรเคยมาคุยให้ฟังมิได้เป็นเช่นนั้น แสดงว่ารำไพต้องการรักษาน้ำใจพิมทองจึงยอมพูดเท็จ ทำให้ชายหนุ่มปิดปากเงียบไม่กล้าพูดความจริง พิมทองกลับมาคอนโดเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศุภราฟัง ศุภราเป็นกังวลว่าพีรวัสจะเดือดร้อนจากความเจ้ากี้เจ้าการของเพื่อน พิมทองมองศุภราด้วยความหมั่นไส้ที่ปากบอกไม่รัก แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม

                   พิมทองตื่นตั้งแต่ตีห้าแวะไปดูเด็กหญิงที่โรงพยาบาลก่อนแต่ไม่ได้คุยกันเพราะเด็กยังไม่ตื่น หญิงสาวจึงเลยไปที่เดอะวินเน่อร์พบกรนั่งทำงานอยู่ในห้องแล้วเพียงคนเดียว หญิงสาวใจเต้นแรงด้วยรู้ว่าทั้งบริษัทยามนี้มีเพียงเขาและเธอสองคน หล่อนรู้สึกละอายใจที่แอบมองผู้ชายแต่ก็อดมองไม่ได้ อยากจะชงกาแฟเข้าไปให้แต่ก็กลัวเขาจะเห็นพิรุธที่ซ่อนอยู่ในใจของหล่อนได้ เงอะๆ งๆ รีๆ รอๆ อยู่นานกว่าจะตัดสินใจชงกาแฟเดินขาสั่น ใจสั่น มือก็สั่น เอาเข้าไปให้เขาในห้องทำงาน กรมองการกระทำอย่างประหลาดใจเพราะไม่ได้ร้องขอ แต่พิมทองแก้ตัวว่าเป็นการขอบคุณเขาที่กรุณาสั่งสอน และชมเชยงานวิจารณ์ของเธอวันก่อน กรปฏิเสธว่าเขาไม่ได้พูดเช่นนั้น สิ่งที่เขาพูดคืองานวิจารณ์ชองเธอใช้ไม่ได้ต่างหาก ความจริงอันเจ็บปวดรวดร้าวทำให้น้ำตาทะลักทะลายจนชายหนุ่มตกใจต้องรีบควักผ้าเช็ดหน้าให้หล่อนซับน้ำตา แม่บ้านที่เพิ่งมาถึงแอบเห็นเข้าพอดีจึงเข้าใจผิดว่ากรกับพิมทองมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็นพิเศษ กรบอกกับหญิงสาวว่าคนที่ออกปากชมคือจิรภาสต่างหาก พิมทองขอตัวกลับมาที่โต๊ะโดยลืมว่าถือผ้าเช็ดหน้าของกรติดมือมาด้วย กลิ่นน้ำหอมในผ้าเช็ดหน้าทำให้น้ำตาไหลรินออกมาอีก ใครชมก็ไม่ชื่นใจเท่ากรชม ใครติก็ไม่เสียใจเท่ากรติ  พิมทองคิดด้วยความขมขื่นเจ็บปวดหัวใจ ไม่มีสมาธิในการทำงานจนเกษรสังเกตุเห็น

พิมทองจึงเล่าให้ฟังเฉพาะส่วนที่กรวิจารณ์งานของตน รำไพเรียกหญิงสาวเข้าไปพบในห้องทำงานพยายามพูดให้หญิงสาวเกิดกำลังฮึดสู้ และพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็น จิรภาสตามเข้ามาให้กำลังใจอีกคน พิมทองรับปากว่าจะสู้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในอีกสามเดือนข้างหน้า ไม่มีใครรู้ความจริงว่าที่หล่อนกระเสือกกระสนดิ้นรนเข้ามาทำงานที่เดอะวินเน่อร์ครั้งนี้ เพราะกรแต่เพียงผู้เดียว

                   ก่อนงานเลิกพีรวัสโทร. มาหาพี่ชายให้ช่วยขับรถไปรับพิมทองที่ป้ายรถเมล์หน้าคลีนิค เพราะนัดกับหญิงสาวไว้ว่าจะแวะไปรับเพื่อเยี่ยมเด็กหญิงที่โรงพยาบาล แต่งานของเขายังไม่เสร็จจึงโทร.มาขอร้องให้กรช่วยทำหน้าที่แทนทั้งไปรับและไปส่งให้ถึงคอนโด ชายหนุ่มมาถึงที่นัดหมายก็เห็นพิมทองยืนรออยู่แล้ว แต่หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกระทันหันจึงไม่ได้สนใจรถคันหนึ่งซึ่งมาจอดบีบแตรเรียก เพราะหล่อนมัวแต่มองหารถของพีรวัส จนกรทนความซื่อบื้อของหล่อนไม่ไหวขับรถมาจอดเทียบป้ายรถเมล์ตรงหน้าหล่อน

                   พิมทองใจหายวูบเมื่อเห็นว่าคือกรเป็นผู้มารับเธอแทนพีรวัส ครั้งแรกหญิงสาวปฏิเสธจะขอนั่งรถเมล์ไปเอง แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มมีอารมณ์เพราะรถเมล์มาจอดต่อท้ายและบีบแตรไล่ พิมทองจึงลนลานรีบขึ้นไปนั่งตัวแข็งอยู่บนรถ เมื่อถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มตามไปดูเด็กกับพิมทองด้วย เพราะไม่อยากกลายเป็นคนขับรถด้วยการนั่งรอหญิงสาวอยู่ในรถ

                   เด็กหญิง มาลี ปลอดภัยและสามารถพูดจาได้เป็นปกติ มาลีเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับ ยายกล้วย ซึ่งมีอาชีพรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า อยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง พิมทองขอที่อยู่ยายกล้วยจากเด็กหญิงเพื่อจะไปแจ้งให้ยายกล้วยทราบเรื่องหลานสาวประสบอุบัติเหตุ มาลีต้องอธิบายอยู่นานถึงทางที่จะไปบ้าน เพราะพิมทองไม่รู้จักถนนหนทางในกรุงเทพฯ เลย นอกจากทางไปคอนโดกับทางไปที่ทำงานเท่านั้นเอง กรฟังอยู่นานจนเกิดความรำคาญ จึงออกปากจะเป็นคนพาหญิงสาวไปเองเพราะเขารู้จักที่ทางย่านนั้นดี พิมทองตาโตแทบไม่เชื่อหู จนต้องแอบหยิกตัวเองแรงๆ เพื่อไม่ให้ตื่นเต้น

                   กรจับตามองอากัปกิริยาที่พิมทองปฏิบัติต่อเด็กหญิงด้วยความเมตตาปราณีอ่อนโยน เขารู้โดยสัญชาติญาณว่าหล่อนมิได้เสแสร้งแกล้งทำเพื่อเอาคะแนนจากเขา ทุกอย่างเป็นไปเพราะธรรมชาติในตัวหล่อนเป็นเช่นนั้น เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพีรวัสจึงชื่นชมยกย่องและประทับใจในตัวหล่อนอย่างมากมายจนเขาหมั่นไส้ทั้งหล่อนและน้องชาย แต่อคติที่มีอยู่ในใจตั้งแต่แรกพบทำให้ชายหนุ่มละเลยที่จะมองให้ลึกซึ้งถึงตัวตนจริงๆ ของพิมทอง

                   เมื่อทั้งสองไปถึงย่านชุมชนแออัดก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แถมยังปวดหัวกับเลขที่บ้านซึ่งไม่ได้เรียงตามลำดับ พิมทองพาชายหนุ่มลัดเลาะเข้าซอยโน้นออกซอยนี้แต่ก็หาบ้านยายกล้วยไม่เจอ จนกรยอมแพ้เพราะหิวจนตาลาย พิมทองขอเวลาอีกสิบห้านาทีถ้ายังหาไม่เจอให้ชายหนุ่มกลับไปก่อน ส่วนเธอจะเดินหาตามลำพัง แต่กรก็ไม่สามารถปล่อยให้หล่อนทำตามความตั้งใจได้ เพราะสถานที่นั้นไม่เหมาะที่หญิงสาวแปลกหน้าจะมาเดินท่อมๆ อยู่คนเดียวในเวลากลางคืน ทั้งๆ ที่มีเขาเดินอยู่ด้วย บางครั้งก็ยังได้ยินเสียงแซวสองแง่สองง่ามลอยตามลมมาให้ระคายหูเป็นระยะๆ เลย พิมทองแวะถามเรื่อยไปจนรู้ที่ตั้งบ้านของยายกล้วย ความดีใจทำให้เผลอตัวคว้าข้อมือชายหนุ่มเดินไปได้สองสามก้าว จึงรู้ตัวและรีบปล่อยมือกรโดยทันที แม้อยู่ในความมืดสลัวกรก็เห็นว่าหน้าของพิมทองแดงก่ำจนถึงใบหู ด้วยความเขินสุดชีวิต พิมทองก้าวพลาดจนเกือบล้มคะมำ กรผวาเข้ารับได้ทันท่วงที จึงกลายเป็นว่ากรกำลังโอบประคองหญิงสาวไว้ในวงแขน ท่ามกลางหัวใจที่เต้นรัวแรงของพิมทองจนแทบเป็นลม กรกลับเป็นคนคว้ามือหล่อนจูงไปตามทางเดินแคบๆ ที่มีน้ำเน่าอยู่ด้านล่าง ความเย็นจนจับขั้วหัวใจหญิงสาว แล่นลงสู่มือของหล่อนที่อยู่ในอุ้งมือของกรจนเขารู้สึก พิมทองพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เสียงสั่นขณะที่ตอบคำถามเขาว่าทำไมมือหล่อนถึงเย็นเฉียบ หล่อนจะตอบได้อย่างไรว่าเพราะเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้หล่อนหวั่นไหว แม้กระทั่งขากลับออกมาจากบ้านยายกล้วย กรก็ยังจูงมือหล่อนอีกด้วยความปรารถนาดีต่อคนสายตาสั้นเช่นหล่อน ครั้งนี้พิมทองไม่ตื่นเต้นตกประหม่าอีกแล้ว แต่หล่อนกลับภาวนาให้หนทางในดงสลัมที่เขากำลังจับจูงหล่อนเดินอย่างเร่งรีบนั้น ทอดยาวออกไปอีกอย่างไม่มีจุดจบ แต่คำอธิษฐานนั้นก็ไม่สัมฤทธิ์ผลสมความปรารถนา

                   กรตกลงใจจะไปทานข้าวที่คอนโดของพิมทองตามคำชวนแทนที่จะไปนั่งกินตามร้านอาหาร  หญิงสาวตั้งใจจะทำอาหารง่ายๆ  เป็นการเลี้ยงขอบคุณในความช่วยเหลือครั้งนี้  แต่ก็นั่นแหละ

พิมทองไม่โกหกตัวเองหรอก ว่าเหตุผลที่แท้จริงในการเชิญครั้งนี้ก็คือหล่อนต้องการอยู่ใกล้ชิดกรให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่างหาก

                        พิมทองทำสปาเก็ตตี้ซอสไก่ซึ่งเป็นอาหารจานด่วนที่ง่ายและรวดเร็ว ที่สำคัญศุภราบอกว่าหล่อนทำอาหารจานนี้ได้ยอดเยี่ยมที่สุด และก็สมดังตั้งใจเพราะชายหนุ่มชมว่าอร่อย บรรยากาศเริ่มอึดอัดเมื่อกรทานอาหารเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ชายหนุ่มชวนคุยถึงเรื่องศุภรา พิมทองปารภว่าศุภราและพีรวัสเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก หากศุภราแต่งงานกับพีรวัสเธอคงต้องตามไปเป็นพี่เลี้ยงให้ลุกของเขาทั้งสอง เพราะหญิงสาวแน่ใจว่าชาตินี้คงไม่มีผู้ชายคนใดมาให้ความสนใจผู้หญิงเชยๆ อย่างหล่อนแน่นอน กรประหลาดใจที่พิมทองไม่รู้ตัวว่าพีรวัสหลงรักหล่อน

                        พีรวัสมาส่งศุภราที่คอนโด เห็นรถของกรจอดอยู่ จึงตามขึ้นมาพบกรนั่งคุยกับพิมทองตามลำพัง ก็เกิดความหึงหวงแต่ไม่กล้าแสดงออก กรจึงกลับไปพร้อมน้องชาย ศุภราแปลกใจที่พิมทองเชิญผู้ชายเข้ามาถึงห้องในคอนโดซึ่งผิดปกติวิสัยเป็นอย่างยิ่ง จึงแอบเข้าไปในห้องนอนของพิมทอง พบภาพของกรที่ตัดจากหนังสือในอิริยาบทต่างๆ ใส่กรอบอย่างดีวางที่โต๊ะหัวเตียง ศุภราจึงถึงบางอ้อว่าเพื่อนสาวกำลังคลั่งไคล้กรอย่างเอาเป็นเอาตาย พิมทองจึงยอมสารภาพความในใจทั้งหมดต่อศุภรา หญิงสาวยุเพื่อนให้ปฏิวัติตัวเองเพื่อที่กรจะได้หันมาสนใจบ้าง พิมทองปฏิเสธเพราะไม่ได้หวังไกลถึงเพียงนั้น ศุภราสงสารเพื่อน

                        เกษรได้ยินแม่บ้านซุบซิบกันเรื่องกรกับพิมทอง รำไพเรียกแม่บ้านมาสอบถาม แม่บ้านก็ยืนยันตามที่เห็นแต่ไม่ได้ยิน รำไพรู้สึกหนักใจเพราะเกษรเดือดเนื้อร้อนใจกับข่าวลือนี้มาก รวมทั้งตัวเธอเองก็แอบมีใจให้กับชายหนุ่มอยู่นานแล้ว รำไพเตือนเกษรว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ทั้งๆ ที่หัวใจตัวเองร้อนรุ่ม

                        พิมทองทำน้ำหกใส่โต๊ะทำงานของกร ขณะที่นำน้ำเข้าไปให้เขาโดยเจตนาดีที่เขาอุตส่าห์ไปเป็นเพื่อนตามหาบ้านยายกล้วย กรโกรธมากเพราะเอกสารสำคัญบนโต๊ะเปียกน้ำหมดจนใช้การไม่ได้ เพราะกรเขียนด้วยปากกาหมึกซึม ชายหนุ่มโยนเอกสารทั้งหมดลงตะกร้าผงและไล่พิมทองออกไปจากห้อง หญิงสาวหลบเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำ เกษรตามเข้าไปปลอบใจ พิมทองตำหนิตัวเองที่ซุ่มซ่ามและขอตัวไปทำงาานที่คลีนิคต่อ เกษรคิดว่าข่าวลือที่แม่บ้านพูดคงจะเป็นจริง มิเช่นนั้นกรคงไม่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดกับพิมทองถึงขั้นนี้

                        ศุภราเซ็นสัญญารับเล่นละครโดยมีพีรวัสทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการส่วนตัว หญิงสาวเข้าใจไปเองว่าการที่พีรวัสดูแลเอาใจใส่และสนับสนุนเธอมากกว่าจิดาภาเป็นพิเศษนั้น ก็เพราะชายหนุ่มมีใจให้เธอเพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะการเปิดเผยว่ามีคนรักแล้วมักจะเป็นปฏิปักษ์ต่ออาชีพการงานของเธอ การปฏิบัติตัวอย่างเสมอต้นเสมอปลายทำให้ศุภราเริ่มมีใจรักพีรวัส หล่อนยอมรับว่าอยู่ใกล้ชิดเขาแล้วมีความสุข ที่แน่ๆ หล่อนไม่ยอมให้จิดาภาแย่งพีรวัสไปอย่างเด็ดขาด ชายหนุ่มโทรไปหาพิมทองที่คลีนิคชวนไปเยี่ยมเด็กหญิงมาลีที่โรงพยาบาล  แต่พิมทองปฏิเสธ เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยใจจากเหตุการณ์เมื่อเช้า พีรวัสตกลงใจไม่ไปโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ศุภราออกปากจะไปเป็นเพื่อน

                        ค่ำวันนั้นพิมทองย้อนกลับไปที่เดอะวินเน่อร์อีกครั้ง เพื่อจะแก้ไขความผิดพลาดจนทำให้กรโกรธ หญิงสาวต้องค้นหาเอกสารชุดนั้นในถังขยะใบใหญ่ ที่แม่บ้านเก็บรวบรวมมาจากถังเล็กถังน้อยในออฟฟิศ เพื่อนำไปทิ้งในวันรุ่งขึ้น หล่อนลงมือคัดลอกเอกสารทั้งชุดจนเวลาผ่านไปถึงสี่ทุ่ม กรก็เข้ามาในบริษัท เพราะขับรถผ่านมาเห็นแสงไฟในชั้นที่เป็นออฟฟิศเดอะวินเน่อร์ยังเปิดสว่างอยู่ เมื่อคัดลอกเอกสารแผ่นสุดท้ายเสร็จ พิมทองดีใจจนกระโดดตัวลอย ร้องไชโย แต่แล้วหญิงสาวก็ตัวชาวาบเมื่อเห็นกรกอดอกยืนมองอยู่เงียบๆ ชายหนุ่มตำหนิหล่อนว่าใช้ไฟของบริษัทนอกเวลางาน แต่เมื่อเขาหยิบงานที่หล่อนทำก็ถึงกับอึ้ง มึนงงและคาดไม่ถึง หล่อนรับผิดชอบหรือโง่กันแน่ แต่อย่างน้อยเขาก็มองเห็นในความตั้งใจขยันและอดทนของหล่อน จึงพาพิมทองไปกินข้าวที่คฤหาสน์ของเขาบ้างเป็นการตอบแทน และชดเชยกับความรู้สึกผิดที่ใช้อารมณ์กับหล่อนในตอนเช้า ที่สำคัญเขาอยากทำความรู้จักกับหล่อนให้มากกว่านี้ ในฐานะว่าที่น้องสะใภ้

                        พิมทองใจเต้นโครมครามเมื่อได้เห็นฐานะความเป็นอยู่ของกรซึ่งแตกต่างกับตนอย่างลิบลับ กรหยั่งเสียงหญิงสาวว่ามีความรู้สึกต่อพีรวัสอย่างไร พิมทองชมว่าพีรวัสเก่งและเหมาะสมกับศุภราอย่างที่สุด ใครๆ ก็รู้กันทั้งเมือง แต่กรว่าทุกคนเข้าใจผิด ดูภายนอกใครๆ อาจคิดว่าพีรวัสรักศุภรา แต่จริงแล้วผู้หญิงที่พีรวัสรักก็คือพิมทอง หญิงสาวรับรู้ด้วยความตื่นตระหนก หน้าแดงแล้วซีด ซีดแล้วแดงสลับกันไปมา ช็อกไปชั่วขณะแล้วก็หัวเราะแหะแหะ  เพราะไม่เชื่อ แต่กรยืนยันว่าได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง พิมทองอิ่มอาหารโดยกระทันหันรีบร้อนลุกขึ้นจะกลับบ้านเพราะกลัวเจอพีรวัสจนเก้าอี้ล้มโครม อารามตกใจมือก็ปัดแก้วน้ำจนหกเลอะเทอะ เท้าก็สะดุดพรมจนเกือบล้มดีว่ากรคว้าไว้ทัน หล่อนจึงแค่เซเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่ม จนกรได้กลิ่นหอมของเนื้อสาว

                        ขณะที่กรขับรถมาส่งที่คอนโด  พิมทองเฝ้าแต่ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้พีรวัสรักศุภรา และศุภราก็รักเขา  หล่อนจะไม่ทำให้ศุภราเสียใจเป็นอันขาด  เพราะศุภราเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวในโลก

พิมทองกลับเข้าคอนโดพบศุภรานอนอ่านบทละครรอหล่อนอยู่ เพราะพิมทองกลับผิดเวลาโดยไม่ได้โทรมาบอก  ศุภราตื่นเต้นดีใจที่รู้ว่าพิมทองไปเที่ยวกับกร แต่พิมทองอยากจะร้องไห้เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่ศุภราคิด ศุภราเล่าถึงแผนการณ์ในอนาคตหลังจากที่ประสบความสำเร็จด้านการแสดงแล้ว จะเปิดเผยให้สังคมได้รู้ว่าคู่รักของเธอคือ พีรวัส พิมทองภาวนาขออย่าให้คนที่เพียบพร้อมอย่างศุภราต้องพบกับความผิดหวังเลย หล่อนขอเป็นทุกข์เพราะความรักเพียงคนเดียวก็พอ

                        จิรภาสรู้ข่าวกุ๊กกิ๊กระหว่างกรกับพิมทอง จากเสาวลักษณ์ผู้เป็นเลขา แต่จิรภาสไม่เชื่อเพราะกรไม่มีทีท่าจะเป็นสมภารกินไก่วัด รำไพหยั่งเชิงกรเมื่อหมดเวลารับผิดชอบเด็กฝึกงานตามเวลาที่กำหนดหนึ่งเดือน กรไม่มีอะไรผิดปกติยังคงมีความเห็นในเรื่องพิมทองตรงกันข้ามกับรำไพเหมือนเดิม

                        พีรวัสโทร.ไปหาพิมทองชวนไปเยี่ยมเด็กหญิงมาลีอีก พิมทองอ้างว่าไม่ว่างมีธุระส่วนตัว พีรวัสจึงวางสายไปเมื่องานเลิกพิมทองไปเยี่ยมมาลีพบยายกล้วยคอยดูแลอยู่ ยายกล้วยบอกว่าทางแผนกการเงินของโรงพยาบาลส่งบิลมาเก็บค่าใช้จ่าย หญิงสาวเริ่มอึดอัดเพราะไม่อยากพบพีรวัส แต่ปรากฏว่าชายหนุ่มได้มาที่โรงพยาบาลและเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พิมทองหน้าแดงเพราะเพิ่งโกหกเขาไปหยกๆ ว่าวันนี้ไม่มาโรงพยาบาล พีรวัสตัดพ้อว่าทำไมหล่อนจึงทำเหมือนหลบหน้าหลบตาเขา พิมทองไม่ตอบได้แต่เดินหนีไปด้วยใจประหวั่นพรั่นพรึง

                        เดือนที่สองเกษรและพิมทองเปลี่ยนมาฝึกงานกับจิรภาส ซึ่งมอบหมายให้เสาวลักษณ์เป็นผู้ดูแล แต่เสาวลักษณ์ก็ไม่ได้สอนงานอะไรให้พิมทองนอกจากใช้ให้ถ่ายเอกสาร พิมพ์รายงานการประชุมหรือออกไปซื้อขนมขบเคี้ยวมาให้หล่อนผิดกับเกษรที่เสาวลักษณ์จะมอบหมายงานที่เป็นชิ้นเป็นอันให้ทำเพราะเกษรเป็นน้องสาวของรำไพ เกษรทนไม่ได้จะนำเรื่องไปฟ้องจิรภาส พิมทองห้ามไว้เพราะไม่อยากสร้างศัตรู และถึงพ้นสามเดือนแล้วหล่อนไม่ผ่านงานก็ไม่เป็นไรขอเพียงแค่ใกล้ชิดกรก็พอ แต่การกระทำของเสาวลักษณ์ก็ไม่พ้นจากการสังเกตของจิรภาสไปได้ จึงเรียกเลขาสาวมาตำหนิในการเลือกที่รักมักที่ชัง แล้วเสาวลักษณ์ก็ไม่มีหน้าที่ที่จะตัดสินว่าพิมทองจะผ่านหรือไม่ผ่าน พิมทองรู้สึกซาบซึ้งในความยุติธรรมของจิรภาส

                        ศุภราเริ่มงานละครโดยมีพีรวัสทำหน้าที่รับ-ส่งและคอยอำนวยความสะดวกในกองถ่ายเหมือนอย่างเคย เขาพยายามโทร.หาพิมทองทั้งอาทิตย์ แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง ชายหนุ่มหงุดหงิดจนศุภราสังเกตเห็น แต่หล่อนก็เข้าใจไปว่าเป็นเพราะเขาเบื่อจะต้องมานั่งรอนอนรออยู่ในกองถ่ายละครโดยไม่มีอะไรทำ  ในขณะที่หล่อนสนุกสนานกับงานใหม่  พีรวัสปรารภว่าพิมทองพยายามหลบหน้าเขา แต่ศุภราว่าพิมทองเป็นคนขี้เกรงใจ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบหน้าเขา เพราะพิมทองเคยพูดว่าจะอยู่เป็นสาวแก่คอยเลี้ยงลูกของเขากับศุภรา พีรวัสนิ่งอึ้งไปเพราะศุภรากำลังเข้าใจผิด ได้แต่พูดเลี่ยงไปเพราะไม่อยากทำลายน้ำใจของหญิงสาวที่เขาเพียรสนับสนุนช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นอกจากความภาคภูมิใจแต่ศุภรากลับมองว่า พีรวัสเสียสละเพื่อหล่อน เขาไม่กล้าใช้คำว่า”รัก” ผูกพันตัวหล่อน

                        ข่าวคราวงานแสดงของศุภราได้ถูกประชาสัมพันธ์ออกมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จิดาภาทนไม่ได้ที่เห็นพีรวัสไปนั่งเฝ้าศุราในกองถ่าย จิรภาสปรามน้องสาวเพราะไม่สนับสนุนให้จิดาภารักพีรวัส

                        กรและจิรภาสมาทำงาานแต่เช้าก่อนพิมทองเสียอีก เดอะวินเน่อร์กำลังจะได้งานโฆษณาชิ้นใหม่ที่ลูกค้ายอมทุ่มงบไม่อั้น เป็นนาฬิกาสวิสฝังเพชร หรูหรา แต่มีข้อแม้ว่าต้องการนางแบบหน้าใหม่เป็นพรีเซ็นเตอร์ทั้งกรและจิรภาสจึงต้องทำงานหนักเพื่อเฟ้นหานางแบบสาวสวย หุ่นดีมีแวว จากภาพถ่ายที่ส่งมาจากหลายโมเดลลิ่ง พิมทองไม่มีอะไรจะทำจึงเที่ยวเดินเก็บขยะตามโต๊ะต่างๆ มาทิ้ง เพราะแม่บ้านลาป่วย กรจับตามองพิมทองและมองเห็นคุณสมบัติบางอย่างที่เหนือกว่าพนักงานอื่น ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้วยกับพีรวัส จิรภาสคุยกับกรเรื่องข่าวลือ พิมทองแอบได้ยินตกใจจนทำแก้วน้ำหลุดจากมือตกแตก กรถามรำไพเรื่องต้นตอข่าวลือ รำไพจึงเล่าให้ฟังเรื่องแม่บ้านแอบเห็นพิมทองร้องไห้ในห้องทำงานของเขา กรจึงอธิบายเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง รำไพโล่งใจ

                        พีรวัสระบายความกลัดกลุ้มเรื่องพิมทองให้กรฟัง กรบอกน้องชายว่าอาจเป็นเพราะเขาบอกกับพิมทองว่าพีรวัสชอบเธอ จึงเป็นเหตุให้หญิงสาวพยายามหลบหน้าชายหนุ่ม และที่กรพูดก็เพราะตั้งใจจะช่วยน้องชาย เนื่องจากพิมทองคิดว่าพีรวัสรักศุภรา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ทั้งศุภราและพิมทองรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอทั้งสอง

                        พิมทองรู้สึกประหม่าจนเหงื่อชื้นมือ เมื่อเห็นสายตาพนักงานในเดอะวินเน่อร์มองเธอแปลกๆ ข่าวลือของเธอกับเขาคงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งบริษัทแล้วอย่างแน่นอน กรเชิญพิมทองเข้ามาพบเพื่อจะยืนยันว่าพีรวัสรักเธอจริงๆ ไม่ใช่ศุภรา พิมทองปฏิเสธว่าไม่ได้รักพีรวัส และถึงจะรักเธอก็จะไม่ทรยศเพื่อน เพราะเธอแคร์ศุภรามากกว่า ที่สำคัญพิมทองต้องการยุติปัญหานี้โดยเร็ว จึงบอกกับชายหนุ่มว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว แต่ไม่บอกว่าคือใคร โธ่ ก็จะบอกได้อย่างไรว่าคือเขาผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าหล่อนนี่แหละ

                        พีรวัสมารอหล่อนที่หน้าคลีนิค วันนี้พิมทองไม่หนี เพราะศุภรากำชับมาตั้งแต่เมื่อคืน พร้อมฝากฝังให้ช่วยดูแลชายหนุ่ม เนื่องจากเธอไว้ใจพิมทองเพียงคนเดียว พีรวัสสารภาพทุกอย่างตามที่หัวใจรู้สึก พร้อมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและศุภรา พิมทองปฏิเสธบอกว่าเธอมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว และศุภราก็ทราบ พิมทองไม่ได้โกหกพีรวัสเพราะเธอมีคนที่เธอรักแล้วจริงๆ แต่เป็นการรักเขาข้างเดียว และไม่มีวันที่หล่อนจะเลิกรักหรือยอมให้เขารู้

                        พีรวัสซมซานกลับบ้านด้วยหัวใจที่ปวดร้าว คาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติเช่นเขาจะถูกปฏิเสธจากหญิงสาวเรียบๆ เชยๆ อย่างพิมทอง แต่พีรวัสไม่ยอมแพ้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือผู้โชคดีที่ได้กำหัวใจอันบริสุทธิ์สะอาดของพิมทองไว้ เขายังมีโอกาสหากเอาชนะผู้นั้นได้

                        จิดาภาตามมาระรานศุภราถึงกองถ่ายละคร ทำให้หญิงสาวไม่มีสมาธิในการทำงาน เมื่อเห็นจิดาภาออดอ้อนออเซาะ พีรวัสให้ช่วยสนับสนุนให้เธอได้เป็นดาราอีกคนหนึ่ง พีรวัสตัดสินพูดตามตรงว่าจิดาภาเหมาะสำหรับการเป็นนางแบบแต่ไม่เหมาะที่จะเป็นนักแสดง พีรวัสจึงจำใจรับปากอย่างขอไปที ศุภราเสร็จงานจึงปราดเข้ามาด้วยความหึงหวงจนเกือบจะมีเรื่องกลางกองถ่าย พีรวัสจึงลากศุภราขึ้นรถกลับไปด้วยกัน ระหว่างทางชายหนุ่มเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงคนรักของพิมทอง แต่ศุภราไม่ยอมบอกเพราะรับปากเพื่อนไว้ว่าจะเก็บเป็นความลับ

                        พีรวัสหายหน้าไปหลังจากได้รับการปฏิเสธจากพิมทอง จนเธอนึกเป็นห่วง จะเข้าไปถามกรก็ไม่กล้าได้แต่เมียงๆ มองๆ อยู่แถวหน้าห้องของกร เป็นที่ผิดสังเกตของพนักงานอื่นๆ จนเชื่อว่าข่าวที่ลือกันน่าจะเป็นความจริง กรเปิดประตูออกมาพบพิมทองยืนรีๆ รอๆ อยู่ จึงเชิญเข้าไปคุยในห้องทำงานทั้งๆ ที่อารมณ์ไม่ดี เพราะอาจถูกลูกค้ายกเลิกสัญญาว่าจ้างหากเดอะวินเน่อร์หาพรีเซ็นเตอร์ที่ลูกค้าพอใจไม่ได้ พิมทองมัวแต่อ้ำอึ้งตะกุกตะกักถามถึงพีรวัส ชายหนุ่มก็ยิ่งหัวเสียตะเพิดพิมทองจนลนลานออกจากห้องแทบไม่ทัน

                        เย็นวันนั้นพิมทองแวะไปเยี่ยมมาลีที่บ้านในชุมชนแออัด หญิงสาวแทบไม่เชื่อเมื่อยายกล้วยบอกว่ากรเพิ่งกลับไป พิมทองเปลี่ยนใจยังไม่กลับคอนโดเพราะไม่มีใครอยู่ หญิงสาวแวะเข้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าพบกรโดยบังเอิญ แต่กรไม่เห็นพิมทองเพราะกำลังใช้ความคิดในเรื่องงาน พิมทองแอบเดินตามชายหนุ่มเห็นเขาเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น จึงไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์มานั่งกินที่ม้านั่งริมทางเดินพร้อมกับลอบมองกรอย่างหลงใหล ช่วงหนึ่งกรหันมาเห็นพิมทองซึ่งหลบไม่ทัน สายตาจึงประสานกันเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มกวักมือเรียกให้พิมทองเข้าไปหา กรถามเรื่องที่พิมทองจะพูดกับเขาที่บริษัทเมื่อเช้า หญิงสาวทักว่าเขามีท่าทางเคร่งเครียด หน้าตาบูดบึ้งตั้งแต่เดินเข้ามาในห้าง พิมทองใจหายวาบที่ตัวเองพูดมากจนกรจับได้ว่าเธอแอบตามเขา แต่หล่อนก็เลี่ยงว่าเป็นห่วงเขาเพราะเขาเป็นเจ้านาย และถามถึงพีรวัส กรบอก่วาพีรวัสอกหักและอยากรู้ว่าคนรักของพิมทองคือใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ หญิงสาวสาบานว่ามีตัวตนจริงแน่นอน แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใคร พิมทองพยายามตั้งสติต่อคำถามที่จู่โจมอย่างกระทันหัน หล่อนจะต้องพูดให้น้อยที่สุด เพื่อจะได้ไม่หลุดปากพูดความจริงออกมา กรชวนพิมทองไปฟังเพลงที่ผับแห่งหนึ่ง เป็นการคลายเครียด หญิงสาวตกลงด้วยความดีใจที่จะได้อยู่ใกล้เขา ในผับนั้นพิมทองได้ให้ข้อคิดที่วิเศษแก่กร เมื่อหล่อนบอกเขาอย่างซื่อๆ ว่า หล่อนไม่ค่อยเครียด เพราะไม่เคยตั้งเป้าชีวิตไว้สูงและรู้จักประมาณตน กรเครียดเพราะแม้จะเลิกงานแล้วเขาก็ยังสลัดงานไม่ออก กรอึ้งไปเพราะนึกไม่ถึงว่าในความซื่อๆ เชยๆ ของพิมทองจะซุกซ่อนความคิดดีๆ เอาไว้มากมาย

                        ขณะที่ทั้งสองออกจากผับเพื่อจะกลับบ้าน กรถูกคนเมาเดินชนแล้วไม่ยอมขอโทษแต่กลับกล่าวหาว่ากรหาเรื่อง จึงพาพวกมารุมอัดชายหนุ่ม กรร้องบอกให้พิมทองวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่หญิงสาวไม่หนีซ้ำยังแกล้งตะโกนว่าตำรวจมา กลุ่มนักเลงจึงผละหนีไป พิมทองต้องเป็นผู้ขับรถมาส่งกรถึงบ้านเพราะกรบาดเจ็บแต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาล หญิงสาวทำแผลให้กร ชายหนุ่มผลอยหลับไปเพราะความเจ็บปวดและอ่อนเพลีย พีรวัสไม่อยู่ไปต่างจังหวัด พิมทองตัดสินใจอยู่เฝ้าชายหนุ่มจนรุ่งเช้า เมื่อกรตื่นขึ้นมาก็พบพิมทองขดตัวนอนอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มจ้องมองหล่อนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ในหัวใจ ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมพีรวัสถึงรักเธอเพราะเขาเองก็กำลังเป็นเช่นนั้น หลงรักผู้หญิงคนนี้ เพราะเหตุการณ์คืนนี้แท้ๆ ที่ทำให้เขารู้จักตัวเองรู้หัวใจตัวเอง

                        ศุภราหัวเสียเพราะข่าวจิดาภาได้เป็นนางแบบละครเรื่องใหม่  จนหมดความตื่นเต้นเรื่องที่พิมทองไปเที่ยวกับกร หล่อนเริ่มหวั่นไหวไปกับความคิดที่ว่าหล่อนอาจจะแพ้จิดาภา แพ้……ศุภราเกลียดคำนี้ พีรวัสปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือ สนับสนุนจิดาภา

                        กรดูรูปนางแบบอย่างไม่มีสมาธิ เห็นภาพนางแบบเป็นหน้าพิมทองตลอดเวลา จึงคว้ากระดาษเปล่าเขียนชื่อกระต่าย กระต่าย กระต่ายเกือบเต็มแผ่น เมื่อรำไพเปิดประตูเข้ามาชะโงกมองข้อความในกระดาษเขาก็ยังไม่รู้ตัว หญิงสาวกระแอมให้เสียง กรตกใจรีบพลิกกระดาษที่เขียนชื่อกระต่ายคว่ำลงหน้าตาเก้อเขินที่มีคนมาล่วงรู้ความลับในใจ รำไพสัพยอกชายหนุ่มด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ใครจะรู้ว่าในใจเธอกำลังร้องไห้

                        พีรวัสแอบมาเที่ยวผับตามลำพัง คืนนี้เขาตั้งใจจะเมาประชดชีวิตจึงไม่ชวนใครมาด้วย แต่จิดาภาก็มาพบเข้าจนได้ หญิงสาวเห็นเป็นโอกาสทองที่จะเก็บเอาไปเยาะเย้ยศุภรา จึงปราดเข้าไปหาชายหนุ่มทันที ด้วยความที่มึนเมาจนแทบครองสติไม่อยู่ พีรวัสได้ระบายความในใจเรื่องพิมทองให้จิดาภาฟัง  หญิงสาวโล่งอกที่คู่แข่งของเธอกลับกลายเป็นพิมทอง สาวเซ่อในสายตาของเธอ ซึ่งจิดาภาคิดว่าไม่มีทางเอาชนะเธอได้ในทุกๆ เรื่อง

                        ศุภราตัดสินใจพูดกับพีรวัสในความสัมพันธ์อันคลุมเครือ ถ้าเขารักหล่อนจริง หล่อนก็จะยอมละทิ้งเงินทองชื่อเสียง และความโด่งดัง เพื่อยกฐานะตัวเอง แต่พีรวัสบ่ายเบี่ยงไม่เอ่ยคำว่ารัก ศุภรารู้สึกอ่อนแอจนต้องมาร้องไห้กับพิมทอง เนื่องจากเริ่มไม่แน่ใจในความรู้สึกที่พีรวัสมีต่อเธอ พิมทองได้แต่ยืนยันพีรวัสรักศุภราแน่นอน

                        หุ้นส่วนทั้งสามของเดอะวินเน่อร์หน้าดำคร่ำเครียด เพราะนางแบบแต่ละคนที่เสนอลูกค้าไปก็ไม่เป็นที่พอใจ จิรภาสเรียกพิมทองเข้าพบและบอกไปตามตรงว่า หญิงสาวมีความพยายามและความตั้งใจดีมาก แต่มันไม่ใช่ พิมทองคงต้องเสียเวลาเปล่า หญิงสาวรับฟังด้วยอาการสงบ ไม่ร้องไห้อีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปกับการตัดสินของกร เมื่อแรกฝึกงานใหม่ๆ หล่อนทำใจได้แล้วแต่ยังอยากอยู่ที่นี่ให้ครบสามเดือนเพราะยังตัดกรไม่ขาด พิมทองเตือนจิรภาสอย่าลืมดูละครของศุภราที่จะออกอากาศในคืนนี้เป็นตอนแรก ทั้งๆ ที่หล่อนก็รู้ดีว่า จิรภาสเป็นพี่ชายของจิดาภาศัตรูของศุภราเพื่อนรัก แต่หล่อนมั่นใจในความยุติธรรมของเขาว่าจะวางตัวเป็นกลาง

                        พิมทองเที่ยวชักชวนใครๆ ในออฟฟิศให้ดูละครคืนนี้ ไม่เว้นแม้แต่กรที่หล่อนเจอกับเขาในลิฟต์ กรมองตามหล่อนที่เดินออกจากลิฟต์ พร้อมกับเตือนสติตัวเองว่าเขาจะรักหล่อนไม่ได้เด็ดขาด

                        จิดาภากดรีโมทเปลี่ยนช่องทันที ที่เห็นละครของศุภราออกอากาศ จิรภาสเตือนสติถ้าคิดจะชนะคู่แข่งก็ต้องดูผลงานของเขาแล้วพยายามทำให้ดีกว่า เหนือกว่า จิดาภาเสียเปรียบศุภราอย่างเดียวคือไม่มีเพื่อนที่รักและปรารถนาดีอย่างจริงใจเช่นศุภรามีพิมทอง จิดาภาหัวเราะสะใจที่ศุภรากำลังจะถูกเพื่อนผู้หวังดีแย่งคนรัก จิรภาสแปลกใจสุดๆ นึกถึงข่าวลือในบริษัทว่ากรมีอะไรกับพิมทอง ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสะดุดตา แต่สะดุดใจผู้ชายเด่นดังถึงสองคน เขาจะต้องลงมือค้นหาเสียแล้วว่ามีเสน่ห์อะไรในตัวของสาวที่จืดสนิท

                        ศุภราไม่กล้าดูตัวเองในละครขณะที่พิมทองกิ๊วก๊าวตื่นเต้น หญิงสาวขอร้องให้พิมทองช่วยโทร.หาพีรวัสเพื่อขอคำวิจารณ์ พิมทองอิดเอื้อนเพราะไม่อยากพูดกับพีรวัส แต่ก็ยอมโทร.เพราะอยากเอาใจเพื่อนและแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ศุภราได้ยินว่าพีรวัสชมเชยเธอ พิมทองเตือนศุภราให้เลิกงอนพีรวัสเพราะเขารักเธอมาก ศุภราว่าพิมทองรู้ได้อย่างไรในเมื่อพีรวัสไม่เคยบอกว่ารักเธอสักคำ พิมทองจึงจำใจโกหกเพื่อนว่าชายหนุ่มพูดกับเธอด้วยตัวเอง และมองรอยยิ้มของศุภราด้วยความโล่งใจ

                        พีรวัสไปพบจิดาภาที่กองถ่าย ขอร้องมิให้หญิงสาวนำเรื่องที่คุยกันในผับคืนก่อนไปพูดให้ใครฟัง แต่จิดาภาไม่รับปาก พีรวัสจึงกลับไปท่ามกลางความไม่พอใจของจิดาภา ที่คิดจะฉวยโอกาสสร้างข่าวดังในการมาของพีรวัสจึงได้ดักพบศุภราในงานเดินแบบพร้อมกับเล่าเรื่องพีรวัสหลงรักพิมทองให้ฟัง ศุภราไม่อยากจะเชื่อ

                       พิมทองไปเยี่ยมมาลีพบกรอยู่ที่นั่นแล้ว ชายหนุ่มพยายามเกลี้ยกล่อมให้พิมทองรับรักพีรวัส หญิงสาวยืนยันไม่ทรยศเพื่อน ศุภราคอยพิมทองอยู่ในคอนโดถามเรื่องพีรวัส พิมทองตัดสินใจโกหกเพื่อนอีกครั้ง ศุภราเชื่อพิมทอง แต่จะไม่ยอมหยุดหาความจริงว่าระหว่างจิดาภากับพิมทอง ใครกันแน่ที่โกหก หญิงสาวโทร.ไปนัดพีรวัสให้มารับออกไปทานข้าว แล้วถามชายหนุ่มตามตรง พีรวัสยอมรับว่ารักพิมทองจริง แต่เป็นการรักฝ่ายเดียว เพราะพิมทองปฏิเสธ แถมยังเชียร์ให้เขารักศุภรา หญิงสาวรับไม่ได้หากพีรวัสรักหล่อนเพราะแรงเชียร์จากพิมทอง เพื่อนผู้ทรยศ ศุภรากลับไประบายอารมณ์ที่ผิดหวังคั่งแค้น ด้วยการตบหน้าพิมทอง แต่หญิงสาวไม่ถือโกรธเพราะรู้ตัวว่าผิดที่โกหกเพื่อน คืนนั้นศุภราเก็บข้าวของออกจากคอนโดอย่างเงียบเชียบ พิมทองลางานทั้งสองแห่งออกตามหาศุภราในที่ที่คิดว่าหล่อนจะไป แต่ก็ไม่พบ กองถ่ายละครก็โทรตามมาที่พีรวัสเพราะศุภราไม่ไปตามนัด พีรวัสวิ่งโร่ไปที่เดอะวินเน่อร์ เพราะคิดว่าพิมทองอยู่ที่นั่น แต่ไม่เจอจึงนำเรื่องไปปรึกษากร กรนึกเป็นห่วงอนาคตทางการงานของศุภรา หากหล่อนยังไม่รู้จักแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว

                        พิมทองกลับมาที่คอนโดอย่างเหน็ดเหนื่อยในการตามหาเพื่อน พีรวัสมาถามข่าวศุภรา เขารู้สึกผิดและไม่คิดว่าการสร้างศุภราขึ้นมาให้โดดเด่นจะเป็นการทำลายมิตรภาพระหว่างเธอกับพิมทองไปโดยไม่รู้ตัว ศุภราอ่อนแอและอ่อนไหวเกินไป เธอกลัวความพ่ายแพ้โดยเฉพาะแพ้จิดาภา เธอต้องการทั้งความรักและความสำเร็จ จึงทำใจไม่ได้กับความคิดที่ว่าเธอแพ้แม้กระทั่งผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบเท่าจิดาภา คู่แข่งคนสำคัญเลย พีรวัสกลับไปได้ไม่นาน กรก็มาที่คอนโดในขณะที่พิมทองกำลังว้าเหว่สุดขีด หญิงสาวโผเข้าอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักสะอื้นจนตัวสั่นสะท้าน ปากก็พร่ำแต่ลงโทษตัวเอง

                   หนังสือพิมพ์ลงข่าวการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของศุภรา จนทางทีมงานละครต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงจิดาภากระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะของตนที่มาถึงอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดคิด แต่จิรภาสเตือนว่าอย่าประมาทคู่แข่งคนใหม่ เพราะถ้าพิมทองไม่มีอะไรดีๆ ในตัว คงไม่กำหัวใจชายทั้งสองคนไว้ในมือได้ พีรวัสหัวเสียกับข่าวของศุภรา ท้อแท้จนไม่คิดจะปั้นใครอีกต่อไปแล้ว

                   เดือนสุดท้ายพิมทองกับเกษรถูกย้ายมาฝึกงานในแผนกของรำไพ หญิงสาวมาออฟฟิศแต่เช้าตรู่เพราะไม่อยากอยู่ตามลำพังในห้องที่มีแต่เงาของศุภรา พิมทองคิดถึงเพื่อน ภาพในอดีตทั้งสุขและทุกข์ลอยผ่านเข้ามาเหมือนกดรีโมท ยามใดทุกข์พิมทองก็จะมีสีหน้าเศร้าหมอง ยามใดสุขรอยยิ้มก็จะปรากฏขึ้นบนความโศกเศร้า พิมทองปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความทรงจำในอดีต โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามองโดยจิรภาส ซึ่งกำลังมองเห็นภาพลักษณ์อีกด้านหนึ่งของพิมทอง ภาพสาวที่ไม่นำสมัยเกินไปจนเป็นฝรั่งจ๋า แต่เป็นสาวสมัยใหม่ที่ประยุกต์ดูแปลกตา มือหนึ่งวางบนพนัก คางเกยแขน อีกมือหนึ่งทอดไปตามลำตัวว่างเปล่า หากได้สวมนาฬิกาฝังเพชรหรู จิรภาสดีดนิ้วเปาะ เก้าอี้สวย สาวงามแปลกตา กับนาฬิกาฝังเพชร ……..พิมทอง

                   พิมทองหลุดจากภวังค์เพราะแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของจิรภาส หล่อนคิดว่าเขาแอบถ่ายรูปเพื่อเอาฟ้องรำไพกับกรว่าหล่อนมัวแต่เหม่อลอยไร้สาระ จิรภาสให้เสาวลักษณ์โทร.เรียกช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์เข้ามาด่วนและขอพบกรกับรำไพ  แจ้งข่าวดีให้ทั้งสองทราบว่าเขาได้พรีเซ็นเตอร์แล้ว คือพิมทอง  กรกับรำไพอ้าปากจะคัดค้านจิรภาสขอเวลาแปลงโฉมพิมทองก่อน  แล้วจึงค่อยลงความเห็น

พิมทองยอมให้จิรภาสลากตัวไปให้ช่างเมคอัพใบหน้าโดยดี สามชั่วโมงผ่านไปรำไพและกรต้องตกตะลึงในภาพลักษณ์ใหม่ของหญิงสาว  แต่พิมทองลังเลไม่มั่นใจและะไม่อยากเป็น เพราะไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำได้ จิรภาสกับรำไพรีบหอบรูปพิมทองทั้งที่แปลงโฉมแล้วและยังไม่ได้แปลงไปพบลูกค้าที่บริษัทเพื่อเสนอพรีเซ็นเตอร์  และรูปแบบโฆษณาใหม่ที่เพิ่งคิดขึ้นได้   พิมทองเข้าไปพบกรเพราะเขาไม่ได้ไปกับรำไพ และ

จิรภาส เขาไม่อยากให้พิมทองได้งานนี้ เขาหวงหล่อนต้องการเห็นหล่อนในรูปลักษณ์เดิมๆ เชยสนิท แต่เพียบพร้อมด้วยน้ำใจ รำไพกับจิรภาสกลับมาพร้อมข่าวดี ทุกคนในบริษัทดีอกดีใจยกเว้นกรรำไพสังเกตเห็นความรู้สึกนี้ด้วยใจปวดร้าว และเตือนชายหนุ่มว่าเขาไม่ควรระงับยับยั้งเพราะนี่คืออนาคตของพิมทอง

                   พิมทองสับสนงุนงงต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หล่อนตาลายเห็นผู้คนเต็มห้องประชุม ทั้งๆ ที่รวมแล้วมีไม่เกินสิบคน หล่อนเซ็นเอกสารหลายแผ่นตามที่รำไพกับจิรภาสบอกให้เซ็น ขณะที่กรนั่งเงียบขรึม จิรภาสสั่งให้หล่อนลางานที่คลีนิคหนึ่งอาทิตย์สำหรับงานนี้ หมอพงษ์อนุญาติโดยไม่ถามอะไรสักคำ พิมทองอยากให้ศุภราได้งานนี้แทนหล่อน เพราะศุภราเกิดมาเพื่อเป็นดาว หาใช่หล่อนใหม่ หมอพงษ์ล้อพิมดาวว่าจะรอรับเลี้ยงข้าวมันไก่จะได้ช่วยหล่อนประหยัด แต่พิมดาวไม่เห็นเงินสำคัญอีกต่อไปแล้ว หล่อนรู้ว่ากำลังโหยหาความรักจากกรและมิตรภาพจากศุภราต่างหาก

                   กรตำหนิพิมทองที่เซ็นเอกสารโดยไม่ได้อ่านรายละเอียด เขาเริ่มหวงหล่อนเมื่อเห็นจิรภาสดูแลหล่อนมากมายจนเกินไป เขาทนไม่ไหวหากพิมทองจะเห็นจิรภาสเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ ที่ทำให้ได้รับเงินล้านและเตือนให้พิมทองนึกถึงพีรวัส กรได้พบศุภราในฐานะคู่ควงของ ประยุทธ์ ลูกค้ารายหนึ่งของเดอะวินเน่อร์ แต่หญิงสาวทำเป็นไม่รู้จักเขา กรรู้สึกเวทนาที่ศุภราคิดสั้น

                   จิรภาสทุ่มเทและเป็นหัวหน้าทีมกำกับภาพยนต์โฆษณาที่พิมทองเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยตัวเอง การทำงานล่าช้าเพราะพิมทองเป็นมือใหม่ แต่ทุกคนก็ยังใจเย็นเพราะภาพออกมาเป็นที่น่าพอใจ

พิมทองยิ่งเกร็งมากขึ้นเมื่อเห็นกรยืนกอดอกมองดูการทำงาน จิรภาสสังเกตเห็นว่าหญิงสาวตื่นเต้นเพราะกร จึงขอร้องให้ชายหนุ่มออกไปจากสตูดิโอ ที่จริงเขาตั้งใจจะมาบอกพิมทองเรื่องศุภรา แต่เห็นว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่าเพราะพิมทองไม่ยอมทำงานต่อ หากรู้เรื่องเพื่อนรักเป็นคู่ควงมหาเศรษฐี พีรวัสรับรู้เรื่องศุภราด้วยความไม่คาดฝันว่าหญิงสาวคิดรวยทางลัดโดยยอมเป็นเมียเก็บ เขาเป็นห่วงและกังวลถึงทางเดินที่หล่อนเลือก ยอมรับว่าเสียดาย ห่วงจนทนไม่ได้เมื่อจินตนาการเห็นภาพศุภรายามอยู่บนเตียงให้ประยุทธ์เล้าโลม พีรวัสถามตัวเองว่าเขารักใครกันแน่ระหว่างพิมทองกับศุภรา ชายหนุ่มใช้เวลาสำรวจหัวใจและความต้องการของตัวเองอย่างถี่ถ้วน  ก็พบว่าเขารักพิมทองด้วยความบริสุทธิ์ใจทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีหวัง เพราะฉะนั้นเขาควรจะรักคนที่รักเขา เหมาะกับเขาเช่นศุภรา กรโล่งใจเตือนพีรวัสให้รีบจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

                   จิรภาสถือว่าตนคือคนที่ค้นพบเพชรเม็ดนี้ เขาจึงต้องดูแลพิมทองด้วยตัวเอง ตั้งแต่การรับ-ส่งเธอที่คอนโด ข้าวปลาอาหาร น้ำร้อน น้ำเย็น ตลอดเวลาการถ่ายทำในสตูดิโอ โดยที่กรได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ คืนที่สามในการถ่ายโฆษณา จิรภาสพาพิมทองแวะทานอาหารที่ร้านหรู ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงถึงข่าวซุบซิบในบริษัท พิมทองหน้าแดงและจิรภาสก็เห็นว่าหล่อนมีใจให้กับกร เขารู้สึกอิจฉาทันที เพราะ

จิรภาสก็รู้ตัวว่าเขาเองก็ชอบพิมทองเข้าให้แล้ว จิรภาสดึงดันจะขึ้นมาส่งพิมทองถึงหน้าห้อง สัญชาติญาณเห็นแก่ตัวของบุรุษเพศก็แสดงออกเพราะประเมินน้ำใจหญิงสาวผิดไป เขาคิดว่าหากรวบรัดพิมทองมาเป็นของเขาได้เขาจะชนะทุกคน พิมทองไม่ยอมเปิดประตูห้อง รอให้จิรภาสกลับลงไปก่อน แต่ชายหนุ่มแสดงสันดานดิบออกมาโดยการรุกเร้าสัมผัสเนื้อตัวของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง พิมทองดิ้นรนขัดขืน กรที่มารออยู่หน้าคอนโดตั้งแต่หัวค่ำปรากฏตัวออกมาขัดขวางจิรภาส ซึ่งแกล้งทำเป็นมึนเมา จิรภาสจึงต้องล่าถอยไปด้วยความเสียดาย กรเตือนพิมทองให้ระวังจิรภาสเพราะชายหนุ่มแน่ใจว่าจิรภาสไม่ได้เมาตามที่พิมทองเข้าใจ กรตัดสินใจเล่าเรื่องที่พบศุภรา หญิงสาวดีใจที่รู้ว่าแท้จริงพีรวัสก็รักศุภรา และขอแก้ตัวโดยการตามหาศุภราด้วยตัวเอง

                   จิดาภาโกรธพี่ชายที่เป็นตัวตั้งตัวตีจนพิมทองได้งานโฆษณา และหากโด่งดังขึ้นมา พิมทองจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวกว่าศุภรา เพราะพีรวัสรักพิมทอง จิรภาสสารภาพว่าเขาเองก็ชอบหล่อนและบอกให้จิดาภาตัดใจจากพีรวัสเสีย เพราะหล่อนไม่มีทางชนะใจเขาได้เป็นอันขาด

                   เพียงครึ่งวันงานถ่ายโฆษณาในวันสุดท้ายก็เสร็จสิ้น พิมทองมาพบรำไพเพื่อลาออก และขอคุณรำไพเพราะการที่ได้มาฝึกงานที่เดอะวินเน่อร์ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเธอ รำไพรั้งตัวพิมทองเข้ามากอดและเรียกเธอว่าน้องสาวที่น่ารัก พิมทองรีบผลุนผลันออกไปก่อนที่น้ำตาจะร่วง แอบมองกรอีกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วออกจากเดอะวินเน่อร์ไปโดยไม่กล้าเอ่ยปากร่ำลาพนักงานอื่น เพราะกลัวจะร้องไห้ให้คนอื่นเห็น พิมทองเลยไปพบมาลีมอบเงินส่วนหนึ่งให้เป็นทุนการศึกษาของมาลี เมื่อกลับออกมาจากชุมชนแห่งนั้น พบกรยืนรออยู่ริมถนนต่อว่าหล่อนที่ไม่ยอมร่ำลา พิมทองรู้สึกสับสนที่เขาพาตัวเองเข้ามาพัวพันกับหล่อนอีก กรถามถึงคนรักของหล่อนที่ไม่เคยมาปรากฏตัวเลยตลอดเวลาสามเดือนที่หล่อนฝึกงาน พิมทองสารภาพว่าหล่อนเป็นฝ่ายรักเขาข้างเดียว โดยที่เขาไม่รู้ตัว หล่อนเป็นกระต่ายหมายจันทร์ ทั้งๆ รู้ว่าจันทร์นั้นอยู่สูงนัก กรเริ่มมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง

                   พีรวัสแอบสะกดรอยตามประยุทธ์จบพบที่อยู่ของศุภรา แต่ศุภราไม่ยอมเปิดประตูต้อนรับหรือพูดคุยกับชายหนุ่มแม้เขาจะเพียรอธิบายถึงความรู้สึกที่แท้จริง ศุภราก็ไม่ยอมรับฟัง พีรวัสเริ่มปล่อยตัวทรุดโทรมไม่ยอมไปทำงาน จิดาภามาชวนชายหนุ่มไปทัวร์ต่างประเทศ พีรวัสปฏิเสธเพราะเขาตั้งใจจะแต่งงานกับศุภรา จิดาภาระเบิดโทสะจริตใส่ชายหนุ่ม กรกับพิมทองเข้ามาพอดี จิดาภาจึงหันไปอาละวาดใส่พิมทอง แต่พิมทองไม่ตอบโต้ จิดาภาจึงต้องราข้อไปอย่างคั่งแค้น พิมทองขอให้พีรวัสพาไปพบศุภราเพื่อจะได้ช่วยกันพูดจาให้ศุภราเข้าใจ กรเห็นด้วย และอาสาไปส่งพิมทองกลับคอนโด พิมทองปฏิเสธเพราะหากปล่อยให้เขาพัวพันอยู่อย่างนี้หล่อนก็จะยิ่งลำบากในการตัดใจจากเขา

                   พิมทองและพีรวัสมาถึงคอนโดศุภราแต่เช้า ทั้งสามพบกันตรงหน้าลิฟต์ ศุภราหน้าบึ้งเดินหนี พิมทองตามไปคว้าข้อมือ ศุภราประชดพีรวัสด้วยการบอกว่า เธอตกลงยอมเป็นเมียเก็บของประยุทธ์แลกกับเงินสองล้านแต่พิมทองไม่ยอม เธอบอกยกเงินค่าจ้างโฆษณาให้แก่ศุภรา หญิงสาวอึ้ง ….กลัว….หล่อนกลัวน้ำใจของพิมทอง ศุภราวิ่งไปที่รถจะขับหนี พิมทองวิ่งเข้าไปขวางทางรถวัดใจกันกับศุภรา พีรวัสร้องเสียงหลง ศุภราเบรคเต็มแรง พิมทองเข่าอ่อน และขอร้องให้พีรวัสกลับไปก่อน ศุภรายอมให้พิมทองตามขึ้นไปบนห้อง หญิงสาวดีใจที่เพื่อนรักให้โอกาส และรู้ว่าศุภราเองก็คิดถึงหล่อนเช่นกัน เมื่อเห็นภาพถ่ายของหล่อนกับศุภราวางประดับไว้ในห้องพัก พิมทอง..พูด..พูด..พูด จนศุภราใจอ่อน แต่ยังไม่ยอมรับปากวาจะคืนดีกับพีรวัส ทำให้พีรวัสร้อนใจเพราะกลัวศุภราจะตัดสินใจไปเป็นเมียเก็บเพื่อประชดเขา จึงรีบเดินทางไปหาศุภราทันที พิมทองถูกกรตำหนิเรื่องวิ่งไปขวางรถ หากศุภรายังไม่หายโกรธเธออาจได้รับอันตราย ถึงแม้จะรักเพื่อนมากจนไม่รักตัวเอง ก็น่าจะนึกถึงคนที่เขาเป็นห่วงบ้าง พิมทองย้อนถามว่าใครเป็นห่วง และหวังในคำตอบเป็นอย่างยิ่งว่าคือเขาที่เป็นห่วงแต่พิมทองก็ต้องลอบถอนใจด้วยความผิดหวัง เมื่อไม่ได้คำตอบที่หล่อนอยากได้ยิน

                   พีรวัสได้แต่คุยกับศุภราทางโทรศัพท์ เนื่องจากหญิงสาวไม่ยอมให้ขึ้นไปพบบนคอนโด ศุภรายกหูโทรศัพท์ออก เตือนตัวเองให้เข้มแข็ง การเป็นเมียเก็บของประยุทธ์ก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป หญิงสาวคิดอะไรต่ออะไรวุ่นวายจนเผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นอีกทีท้องฟ้าภายนอกมืดสนิท และฝนก็ตก รีบผวาไปที่หน้าต่างก็เห็นพีรวัสยืนตากฝนอยู่หน้าคอนโด ความรักทำให้หล่อนพ่ายแพ้ ศุภรากางร่มลงมาพบพีรวัส ชายหนุ่มขอหญิงสาวแต่งงานท่ามกลางสายฝน ภายใต้ร่มคันใหญ่ ศุภราขอเวลาคิดและตัดสินใจ

                   เงินสดสองล้านบาทถูกโอนเข้าไปในบัญชีของศุภราเช้าวันรุ่งขึ้น หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าหล่อนจะเลือกอย่างใดระหว่างกรงทอง กับความรัก จึงแต่งตัวออกจากคอนโดเพื่อจะโอนเงินกลับคืนให้ประยุทธ์ จิดาภาดักรออยู่เพราะรู้ข้อตกลงระหว่างศุภรากับประยุทธ์ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้จิดาภาคลุ้มคลั่ง

                   พิมทองติดต่อศุภราไม่ได้จึงรีบมาพบพีรวัสที่บ้าน แต่กลับพบกรและน้องชายนั่งดื่มกาแฟอย่างใจเย็นพีรวัสบอกว่า ศุภราโอนเงินคืนประยุทธ์ไปเรียบร้อยแล้ว แสดงถึงการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าเธอเลือกพีรวัส ชายหนุ่มขอบคุณพิมทองที่ทำให้เขารู้ถึงความต้องการที่แท้จริง และเขาก็อยากเห็นพิมทองมีความสุข เมื่อไหร่พิมทองจะเปิดตัวคนรักเสียที กรกระซิบบอกตัวเองว่า เขาช้าเกินไป ช้ากว่าไอ้โม่งปริศนาคนนั้น

                   ภาพยนตร์โฆษณาเริ่มออกอากาศ รำไพกับจิรภาสมาหาพิมทองที่คลีนิค แจ้งข่าวดีว่าลูกค้าพอใจมากและขอเลี้ยงขอบคุณ พร้อมกับฉลองความสำเร็จ พิมทองไม่อยากไปแต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะเท่ากับเธอเป็นคนสำคัญของงานนี้โดยเฉพาะ กรขับรถตามพิมทองมาถึงป้ายรถเมล์ แสดงความยินดีในความสำเร็จของหญิงสาว แต่ก็ไม่กล้าบอกความในใจแก่พิมทอง

                   คืนเพ็ญเดือนสิบสองซึ่งเป็นวันจัดงานเลี้ยงขอบคุณในโรงแรมหรู พิมทองกลัดเข็มกลัดเพชรรูปกระต่ายหมายจันทร์บนชุดราตรีที่สวม หล่อนคิดว่าคืนนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกร เพราะ

พิมทองตั้งใจแน่วแน่ว่าหล่อนจะกลับไปเป็นพยาบาล หันหลังให้วงการโฆษณาโดยสิ้นเชิง ศุภราควงคู่มากับพีรวัสอย่างมีความสุข สองสาวกอดกันแน่นน้ำตาซึม จิรภาสเข้ามาดึงพิมทองไปพบลูกค้า จิดาภาเข้ามาหาศุภราและพีรวัส ศุภราบอกว่าเธอไม่คิดแข่งขันเพื่อเอาชนะจิดาภาอีกต่อไปแล้ว เพราะต่อจากนี้ไปเธอจะต้องแต่งงานและเป็นแม่บ้านให้พีรวัสเพียงอย่างเดียว ศุภรารู้ว่าเพื่อนรักไม่มีความสุขในความสำเร็จครั้งนี้ เพราะมันไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเธอ ศุภราตัดสินใจบอกพีรวัสให้รู้ว่าใครคือคนที่พิมทองรัก

                   จิรภาสสารภาพรักกับพิมทอง พร้อมจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้หญิงสาวในงานคราวต่อไป พิมทองปฏิเสธและบอกว่ามีคนรักอยู่แล้ว จิรภาสเดาถูกว่าเป็นกร พิมทองไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงล่าถอยไปด้วยน้ำใจนักกีฬา กรซึ่งจับตามองจิรภาสและพิมทองตลอดเวลา ทนไม่ได้ที่เห็นจิรภาสเอาอกเอาใจหญิงสาวจนออกนอกหน้า จึงตัดสินใจบอกความจริงแก่พิมทองว่าเธอคือหญิงที่เขารัก แต่แทนที่พิมทองจะดีใจ เธอกลับร้องไห้เพราะคิดว่ากรหลงรักพิมทองที่เป็นนางแบบโฆษณา รักภาพที่ถูกปรุงแต่งของหล่อน หาใช่

พิมทองพยาบาลเชยๆ คนนั้นไม่ หล่อนจึงวิ่งหนีจากกรไปร้องไห้ที่ริมสระว่ายน้ำ รำไพซึ่งเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นตามมาบอกความจริงว่า กรแอบรักเธอมานานแล้ว แต่ไม่กล้าเพราะพีรวัสเองก็หลงรักเธอ รวมทั้งเธอเองก็ประกาศว่ามีคนรักอยู่แล้ว พิมทองตกตะลึงหัวใจเต็มตื้นอย่างมีความสุข ผู้ชายที่หล่อนหลงรัก เขาก็รักในตัวตนจริงๆ ของหล่อน พีรวัสเดินตามหาพี่ชายเพื่อจะบอกว่าพิมทองรักกร ศุภรายืนยันด้วยการพากรกลับไปที่คอนโดให้ดูอัลบั้มภาพของกรที่พิมทองตัดเก็บไว้ กรรีบออกไปตามหาหญิงสาวที่บ้านของมาลี พิมทองไปที่นั่นจริงแต่กลับออกไปแล้ว

                   ริมคลองใกล้ชุมชนแออัด พิมทองยกกระทงขึ้นหลับตาอธิษฐาน ขอให้กรมาอยู่ใกล้ๆ ทันใดก็ได้ยินเสียงกรกระซิบอยู่ข้างหู ขอลอยกระทงด้วยกัน พิมทองรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของชายที่หล่อนหลงรักเหมือนดังกระต่ายหลงจันทร์ แต่กระต่ายตัวนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว หล่อนพร้อมจะมอบกายและใจให้กร เคียงคู่กันตลอดไป ตราบชั่วชีวิต

นักแสดง กระต่ายหลงจันทร์

จีรนันท์  มะโนแจ่ม - พิมทอง (กระต่าย)

Share this article :

แสดงความคิดเห็น