Home » , » ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์

ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์



– จบการศึกษาที่นิเทศ จุฬาฯ สาขาภาพนิ่ง พ.ศ. 2540

– ว่างอยู่ 1ปี

– แล้วทำกระจกหกด้าน เป็น Script Writer อยู่ 4 เดือน

– ลาออกไปเมกา ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ อยู่ 1 ปีกว่า ๆ

– มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณา โดยเพื่อนแนะนำ ทำอยู่ 2 ปีกว่า มีผลงาน 30 กว่าเรื่อง ที่ Peak สุดคือโฆษณา Orange อันเหรียญ 2 ด้าน

– ระหว่างนั้นทาง Pheno มีโครงการปั้น ผกก. โฆษณาโดยให้ผู้ช่วยลองทำหนังสั้น พี่ย้งทำหนังสั้นเรื่อง “ด. เด็ก ช. ช้าง” (เกี่ยวกับเด็ก ป.1 ที่วาดรูปส่งครู รูปสวยเกินจนครูไม่เชื่อจึงสั่งให้วาดใหม่) และได้รางวัลจากสมาพันธ์ของประเทศไทย และได้เข้าสายประกวดที่ The Oberhausen International Short Film Festival (Oberhausen, Germany) และฉายโชว์ที่เป็น Film Festival สำหรับหนังสั้นที่ London, Berlin, Hamburg

– แล้วพี่เก้งก็ชวนมาทำ “แฟนฉัน” ซึ่งได้สัญญากับพี่ติ๊ก Pheno ว่าแล้วจะกลับมาทำหนังกับ Pheno (ตอนนั้น Pheno) มีโครงการจะทำหนังในอนาคต

– จนเสร็จสิ้น “แฟนฉัน” พี่ย้งก็ทำ “เด็กหอ” ตามสัญญาที่ให้ไว้กับ Pheno

– ทำ “เด็กหอ” เพราะตอนเด็กเคยอยู่หอ แล้วรู้สึกว่าเรื่องของนักเรียนประจำน่าสนใจ แต่การที่จะเล่าปกตินั้นคงเฉย ๆ ไป เลยทำเป็นหนังผีดีกว่า ตอนอยู่โรงเรียนประจำเคยกลัวผี เพราะจะมีเรื่องเล่าจากที่ต่าง ๆ ตลอดเวลาแต่ไม่เคยเจอ


ประวัติครูใหญ่ : ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์

ตอนเป็นเด็กใครบ้างล่ะ จะไม่เคยฝัน…ตอนเด็กผมเคยแอบฝันไว้ใหญ่ ๆ ว่า ผมอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ ต้องทีมชาติเลยนะ แต่ก็ยังไม่รู้หรอก ว่าอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติประเภทอะไร อาจเป็นเพราะผมชอบกีฬามาก และก็เล่นกีฬาได้เยอะ ฟุตบอลก็ชอบ ว่ายน้ำก็เล่น ปิงปองก็เอากับเค้าด้วย และอื่น ๆ อีกที่ผมอาจจำไม่ได้ แถมยังบ้าดูกีฬาอีก ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง แต่สิ่งที่เข้ามากระทบหัวใจของผม และทำเอาหัวใจดวงน้อยของผมพองโตเหมือนลูกบอลลูน คงเป็นภาพติดตาในช่วงเวลาที่นักกีฬาขึ้นรับเหรียญทอง เป็นการประกาศชัยชนะอย่างแท้จริง มันช่างดูเท่ห์ และดูเป็นฮีโร่ซะเหลือเกิน…คุณลองคิดภาพผมขึ้นรับเหรียญทอง ภาพที่ผมบรรจงจูบเหรียญทอง และตะโกนร้องเพลงชาติไทยอย่างสุดเสียงในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยดูซิครับ !!!

แต่พอผมโตขึ้นมา ความฝัน ความชอบ และโอกาส มันดันสวมคอนเวิร์ส ไปกันคนละทาง หนุ่มน้อย (ในตอนนั้น) อย่างผมถึงคราวต้องเลือกทางเดินชีวิตซะแล้ว และตอนนั้นผมได้ตัดสินใจเลือกเข้าเรียนภาคฟิลม์ ของคณะนิเทศ จุฬาฯ เพียงเพราะผมชอบถ่ายรูป อยากถ่ายภาพนิ่ง และวิชาถ่ายภาพนิ่งมันดันอยู่ในภาคฟิลม์ ผมเลยต้องร่วมหัวจมท้ายไปกับเจ้าสิ่งนี้ 4 ปีด้วยกัน จนท้ายสุดผมเกิดรักมันจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว ยาบ้า ยาม้า ยาเค ยาขยัน ยาไอซ์ ที่เค้าว่าติดกันงอมแงม เลิกยากยังไง ผมว่าตัวผมเอง ติดการถ่ายหนังจนคิดว่าชาตินี้ถ้ำกระบอกก็เอาผมไม่อยู่ แยกผมให้ออกจากหนังยากส์ซะแล้ว

เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ทำตามวาทะของบุคคลท่านหนึ่ง ที่ผมถือว่าเป็นวาทะแห่งปีก็ว่าได้ นั่นคือ “ถ้าคุณอยากเป็นผู้กำกับหนัง คุณต้องออกไปใช้ชีวิตซะก่อน” เป็นวาทะอันศักสิทธิ์ของอาจารย์พี่เก้ง จิระ มะลิกุล ซึ่งผมได้กระทำการดังกล่าวทันทีที่ผมเรียนจบ คือต้องออกไปใช้ชีวิต นั่นคือปณิธานอันแน่วแน่ของผม ผมจะยังไม่ทำงาน ผมจะเที่ยวเล่น เฮฮาปาจิงโกะไปตามประสา ผมกับเพื่อนในกลุ่มกว่า 20 ชีวิตจะกลับไปคณะทุกวัน เพื่อนัดพบในการไปร้านเหล้า ไปปาร์ตี้กัน สำหรับผมแล้วการนั่งดื่มเหล้า ได้เถียงกันไปมาไร้สาระมันทำให้ผมได้รู้อะไรเยอะมาก และสิ่งเหล่านี้แหละครับ คือการออกไปใช้ชีวิตของผม มันเป็นอย่างนี้อยู่ 1 ปี จนท้ายสุดพวกผมเริ่มเบื่อหน้ากันเอง แล้วหนีหน้ากันด้วยการออกบวชไปทีละคน หันหน้าเข้าวัด พึ่งพระ ฟังธรรม ตามความตั้งใจ รวมทั้งตัวผมด้วย

หลังจากที่ผมใช้ชีวิตตามปณิธานมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ผมก็เริ่มหางานทำ โดยเริ่มจากการเป็น Script Writer ของรายการกระจกหกด้าน ที่มีส่วนควบคุมงานเอง ทำอยู่ประมาณ 3-4 เดือน จนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวผม มันไม่ใช่อย่างที่คิด เลยตัดสินใจลาออก และกลับไปใช้เส้นทางชีวิตตามวาทะของอาจารย์เก้ง อีกครั้ง เที่ยวนี้ผมโกอินเตอร์ บินไม่เดี่ยวไปอเมริกา กับเพื่อนชื่อเดียว (ผู้กำกับแฟนฉัน) ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ได้ทั้งภาษา และได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ได้เก็บสตางค์ไปด้วย ผมถือว่าการโกอินเตอร์ของผมครั้งนี้เป็น 1 ปี ที่ใช้ชีวิตโคตรคุ้มเลยครับ

งานแรกที่ผมเริ่มทำหลังจากหันหลังกลับจากเมืองมะกัน คือเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาที่ฟีโนมีน่า โดยได้อานิสงค์จากคำชักชวนของเพื่อน ซึ่งครั้งนี้ผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับโฆษณามือฉมัง มือหนึ่งของโลก พี่ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ทำให้ผมได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีการเล่าเรื่อง วิธีแก้ปัญหา ที่นี่เปรียบเสมือนโรงเรียนของผม และผมก็ได้ใช้ชีวิตกิน นอน ทำงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นเวลา 2 ปีเต็ม ก่อนที่อาจารย์พี่เก้งของผมจะมาชักชวนลูกศิษย์อย่างผมทำหนังเรื่องที่ทุกคนรู้ และเคยได้ยิน ได้เห็นกันมาแล้ว “แฟนฉัน” ครับ

นั่นคือลูกคนแรกของผม ด้วยการเลี้ยงจากบรรดาพ่อ ๆ ถึง 6 ชีวิต และตอนนี้ผมก็พร้อมส่งลูกคนที่สองของผมออกมาแล้ว ลูกคนนี้เป็นลูกของผมคนเดียวครับ หลังจากเฝ้าประคบ ประหงม ฟูมฟัก ดูแลมาเป็นอย่างดี เค้าชื่อ “เด็กหอ“ ครับ ฝากคุณดูแลเด็กผมคนนี้เยอะ ๆ ด้วยนะครับ

ทำละครทีวี

- คือมีบริษัทเค้ามาชวนไปทำละครพิเศษทางทีวี แต่พี่ขอไปทำเป็นคนท้าย ๆ เลย เป็นรายการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ซึ่งโดยปกติเค้าจะมีกันอยู่แล้วทุกปี แต่คือเค้าจะรวบรวมผู้กำกับมาทำงาน 2 ชิ้น ที่ติดต่อพี่มาคือเป็นละครเรื่อง ฟ้าใหม่ เป็นแนว Docu-Drama คือแต่ละคนก็ต้องมาตีความคำว่า Documentary คำว่า Drama กันไป อาจจะเป็นสารคดี กึ่งสารคดี ประมาณว่า ในหลวงท่านกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตคนไทย อย่างนักโทษที่ ติดคุกตลอดชีวิต แล้วได้รับอภัยโทษ อารมณ์ประมาณหนังสั้น ความยาว 10 ชั่วโมง

...ได้ยินมาว่ามีติดต่อ เอส, พี่อุ๋ย (นนทรีย์), พี่ตั้ว (ศรัณยู) ด้วยนะ พี่ไม่แน่ใจ บอกไม่ได้ว่าใครทำบ้าง พี่อุ๋ยก็เห็นว่าติดหนังเรื่อง "โจรสลัด" วันก่อน ปราโมทย์ แสงศร โทรมาปรึกษา พี่ก็สนับสนุนว่า ทำเลย ส่วนที่ยากก็คือเค้าให้งบมาน้อยมาก แต่เราทำก็เพราะเป็นงานในหลวง เราก็รับทำทันทีเลย

...แต่เร็ว ๆ นี้ ฮะ ที่จะถ่ายวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ จะเป็นทำสปอตความยาว 2 นาที จะออนแอร์ช่วงบอลโลกฮะ เป็นของเบียร์ช้าง เกี่ยวกับ "พระบรมราโชวาท" อย่างพระบรมราโชวาทนี่เราจะได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็จะยาว ๆ ซึ่งเข้าใจยาก พี่ก็จะทำนามธรรม ให้เป็นรูปธรรม คือพี่อยากจะทำให้คนดูรู้สึกสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

หลังจาก "เด็กหอ"

- ตอนนั้นเลี้ยงฉลอง เข้าสู่ 50 ล้าน ก็จบลงตรง 50 ล้านน่ะฮะ ตัวหนังไปขายได้ 4 ประเทศ มี สิงคโปร์, ฮ่องกง, ฝรั่งเศส, มาเลเซีย ซึ่งรวม ๆ แล้วรายได้ก็น่าจะใกล้ ๆ กับบ้านเรา เดี๋ยวจะไป Film Market ที่คานส์ด้วยครับ ไปเปิดบูธขายที่นั่นครับ มันไม่ได้ก๊อปปี้เยอะ ๆ แบบ "องค์บาก" ครับ เราไปบ้านเค้ามันก็เหมือนหนังอินดี้เรื่องหนึ่ง แต่ที่สิงคโปร์พอใจมากฮะ มันได้ 20- 30 โรงเลย

...ส่วนหนังที่พี่อยากทำต่อไป ก็หนังรักฮะ ยังคงพัฒนาบทไปเรื่อย ๆ ของพี่บทมันใช้เวลานาน พี่อยากทำรักแบบ Romantic Comedy อย่าง "Love Actually"

พี่จะทำ Love Actually ได้เหรอ

- ใช่ไง "เด็กหอ" ประเด็นมันซีเรียส พี่เลยอยากทำหนังเบา ๆ อยากทำหนังรักที่มีคอเมดี้นิด ๆ

คำติชมของ "เด็กหอ"

- อ่านฮะ ได้อ่าน แต่พี่จะรับฟังประเภทติแบบสร้างสรรค์มากกว่า พี่เห็นข้อบกพร่องของหนังเยอะแยะนะ แต่ไม่มีใครหยิบมาพูด วันนี้พี่ไปถ่าย Complementary DVD มี อ.แดง (กิตติศักดิ์) มีพี่ธิดา (ไบโอสโคป) ด้วยฮะ พี่ก็มีพูดถึงนะ "บางอย่างที่เราไม่รู้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี" (พี่ย้งบอกว่า ดีวีดี จะออกต้นเดือนมิ.ย. นี้นะคะ)

งานใหม่อื่น ๆ

- เดี๋ยวประมาณวันที่ 20 พ.ค. มีถ่าย MV ของวงใหม่ชื่อ Burn ของ Sony ประมาณวง Big Ass น่ะฮะ

หมากเตะฯ เป็นไงมั่ง

- ปิ๊งมันอาจจะไม่เข้าใจภาษาหนัง คือ มันจะถ่ายทอดออกมาแบบซื่อ ๆ ซึ่งก็เหมาะกับหนังดี พี่ดูจบเดินไปบอกปิ๊งเลยนะ ชอบ ประเด็นมันใหญ่กว่า "เพื่อนสนิท" มันใหญ่กว่า "เด็กหอ" ฮะ เพื่อนสนิทกับเด็กหอมันเป็นเรื่องของคนส่วนตัว แต่ "หมากเตะ" มันเป็นเรื่องของประเทศชาติ

 

Share this article :

แสดงความคิดเห็น