Home » » คนหิ้วหัว

คนหิ้วหัว



“คนหิ้วหัว” พล็อตเรื่องสุดเข้มข้นที่ว่าด้วยเรื่องราวของอดีตทหารเรือ (พิง ลำพระเพลิง) ขี้โมโหที่พร้อมระเบิดโทสะได้ทุกเมื่อ หากถูกใครเรียกเขาว่า “ไอ้เตี้ย” เขาเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนในสายตาของหงส์ (ไหม-วิสา สารสาส) เมียสาวที่กลายเป็นเสาหลักของบ้านโดยพึ่งพาเหล้าและการพนันในการประทังความสุขและเลี้ยงดูชีวิตของเต้ย ลูกชายเพียงลำพัง

…หลังจากทั้งชีวิตไม่เคยแม้แต่จะได้ดีหรือทำดีก็ไม่เคยขึ้นกับเขาสักครั้งเดียว เตี้ยตัดสินใจบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าชาตินี้จะไม่ยอมตายหากไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกได้ และวิธีเดียวที่เตี้ยคิดได้ก็คือ “ปล้นโรงรับจำนำ” จนเป็นเหตุให้เขาเข้าไปพัวพันกับ รงค์ (อภิชาติ ชูสกุล) และ ค่อม (ปุ๊ยตี 10 คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี) 2 โจรถ่อยที่กำลังวางแผนปล้นวงเงินแชร์ก้อนโต

…แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกกับศรัทธาแห่งความใฝ่ดีครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตของเตี้ย เมื่อสัจจะไม่เคยมีอยู่ในหมู่โจร จนเป็นเหตุให้ “หัว” กับ “ตัว” ของเขาต้องแยกออกจากกัน เมื่อถูกหักหลังจากรงค์และค่อมที่ตั้งใจจะปลิดชีวิตเตี้ย โดยที่ “หัว” ตกไปอยู่ในมือของหนุ่ม (ภูริ หิรัญพฤกษ์) 18 มงกุฎจอมกะล่อนที่มีฝีมือแพรวพราวในการต้มตุ๋นเหยื่อพอ ๆ กับความเจ้าชู้ ทะลึ่ง หื่นกามที่ฝังลึกเป็นสันดาน ในขณะที่ “ตัว” ตกไปอยู่กับ สาว (กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล) พนักงานเก็บศพสุดห้าวอดีตพนักงานไปรษณีย์ที่งามทั้งตัวและหัวใจ จนเป็นเหตุให้ทั้งสามต้องมาเกี่ยวพันกันและช่วยให้ศรัทธาของ “เตี้ย” สัมฤทธิ์ผลให้จงได้ อันเป็นจุดเริ่มต้นของอีกสารพัดเรื่องราวที่ทั้ง 3 จะต้องฟันฝ่าไปด้วยกัน ในเมื่อ “หัวจ๋าตัวไม่ได้อยู่นี้” และทำให้ทุกคนเข้าใจความหมายของคำว่า “วันใดขาดหัวแล้วตัวจะรู้สึก” กับ “คนหิ้วหัว” ภาพยนตร์ชวน “หัว” ให้มาเจอกับ “ตัว” ผลงานเรื่องล่าสุดของพิง ลำพระเพลิง

ทีมงานสร้าง : แอ็คชั่น-คอเมดี้-ดราม่า (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บาแรมยู (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว (ควบคุมงานสร้าง) / พิงลำพระเพลิง (ผู้กำกับภาพยนตร์) / พิง ลำพระเพลิง (บทภาพยนตร์) / ประยุกต์ ศรีทองกุล (กำกับภาพ) / คณาขวัญ รักสัจจะ (ออกแบบงานสร้าง) / ถิรนันท์ จันทคัต (กำกับศิลป์) / เอกศิษฎ์ มีประเสริฐกุล, เจษฎา ทัดจิตขุนเม่น (ออกแบบเครื่องแต่งกาย)

นำแสดงโดย : พิง ลำพระเพลิง, ภูริ หิรัญพฤกษ์, ศุภักษร ไชยมงคล, วิสา สารสาส, อภิชาติ ชูสกุล, คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี

พิง ลำพระเพลิง เจ้าของ “หัว” กับ “ตัว” จนกลายเป็น “คนหิ้วหัว” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงแห่ง “ศรัทธา”

“คนหิ้วหัว” ภาพยนตร์ที่กลั่นจากก้านสมองและสองมือกำกับของผู้ชายชื่อ “พิง ลำพระเพลิง” ที่ทุ่มทั้ง “กาย” และ “ใจ” เพื่อพิสูจน์พลังแห่ง “ศรัทธา” ผู้ที่เป็นทั้ง “หัว” กับ “ตัว” รวมไปถึง “มันสมอง” ให้กับหนังเรื่องนี้

นักแสดง:

พิง ลำพระเพลิง .... ไอ้เตี้ย 

ภูริ หิรัญพฤกษ์ .... หนุ่ม 

ศุภักษร ไชยมงคล .... สาว 

วิสา สารสาส .... หงส์ 

อภิชาติ ชูสกุล .... รงค์ 

คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี .... ค่อม 


วันที่เข้าฉาย: 30 สิงหาคม 2550

จุดเริ่มต้น ของ“คนหิ้วหัว” กับการปรากฏโฉมหน้าครั้งแรก!!!

…หลายคนแปลกใจว่าทำไม “เสี่ยเจียง” ถึงเปิดไฟเขียวให้ “พิง ลำพระเพลิง” เปิดกล้อง “คนหิ้วหัว” ทั้ง ๆ ที่หนังเรื่องแรกอย่าง “โคตรรักเอ็งเลย” ยังไม่เข้าฉาย ถ้าคุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่องแรกจากการกำกับของ “พิง” คุณจะกล้าเล่นหนังเรื่องถัดมาของเขาไหม แต่ทำไม ภูริ หิรัญพฤกษ์, กระแต ศุภักษร ไชยมงคล, อภิชาติ ชูสกุล, ปุ๊ย-คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี กล้า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่า “คนหิ้วหัว” จะออกหัวหรือก้อย และทำไมต้องเป็น “คนหิ้วหัว” หลังจากภาพฟุตเตจบางส่วนจากการถ่ายทำเพียง ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่ปรากฎออกไปในงานฉลองรายได้ความสำเร็จกว่า 50 ล้านของ โคตรรักเอ็งเลย ก็สร้างความฮือฮาจนถึงเกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า พิง ลำพระเพลิง กำลังจะมาไม้ไหน และครั้งนี้จะเล่นตลกกับความรู้สึกและทำร้ายจิตใจคนดูด้วยเสียงหัวเราะจนต้องน้ำตาซึมอีกหรือไม่

“คนหิ้วหัว” ผลงานลำดับสองของ “พิง ลำพระเพลิง” !!!

…หลังจากเขียนบทหนังตลกที่กวาดรายได้ไปเกือบร้อยล้านบาทสด ๆ ร้อน ๆ จาก “แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า” นัยว่า “อารมณ์ขัน” คือฮอร์โมนหลักที่เอ่อล้นอยู่ในทุกอณูร่างกายของ “พิง ลำพระเพลิง” มานานนับสิบ ๆ ปีซึ่งสามารถพิสูจน์เป็นลายลักษณ์อักษรได้จากงานเขียนที่ผ่านมาทั้งชีวิตของเขา อาทิ ตอแหลลงตับ,…..ฯลฯ แต่แล้วอีกเหลี่ยมมุมในความเป็นตัวตนของพิง ลำพระเพลิงโดยเฉพาะด้านอ่อนไหว บอบบางและแสนโรแมนติคที่สุดของผู้ชายคนนี้ก็ได้มีโอกาสออกมาทักทายและเข้าไปครองใจทุกคู่รักผ่าน “โคตรรักเอ็งเลย” ผลงานภาพยนตร์รักโรแมนติคคอมเมมิดี้จากการกำกับเรื่องแรกในชีวิตของเขาจนทำให้ต้องบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยว่านี่คือหนังรักแห่งปี พ.ศ. 2549 ที่กวาดรายได้มากกว่า 50 ล้านบาท

คนหิ้วหัวหรอ….นี่คือหนังอะไรกันแน่เนี่ย ???

“คนหิ้วหัว” คือผลงานภาพยนตร์ลำดับ 2 ของ “พิง ลำพระเพลิง” ที่ยังคงเดินหน้าสานต่อความฝันของตัวเอง ที่ตั้งใจนำเอาประเด็น ศรัทธา ความรัก ความฝัน ความเชื่อ มาเป็นเส้นเรื่อง ซึ่งหลังจากเขาหยิบเอาประเด็นความรักมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่สามารถทำให้คนดู “ยิ้มทั้งน้ำตา” กันมาแล้วกับ “โคตรรักเอ็งเลย” หนังรักแห่งปี พ.ศ. 2549 ซึ่งการกลับมาทำหนังอีกครั้งคราวนี้ เขาได้หยิบเอาพลังแห่ง “ศรัทธา” มาเป็นแกนหลักที่กำหนดทิศทางและอารมณ์ของเรื่อง

“คนหิ้วหัวเป็นหนังที่เกี่ยวกับศรัทธา คือผมตั้งใจไว้ว่าผมจะทำหนัง 4 เรื่องโดยเดินบนเส้นของ ความรัก ศรัทธา ความฝัน แล้วก็ความเชื่อ ซึ่งส่วนของความรักทำไปแล้ว คือ ‘โคตรรักเอ็งเลย’ พอเรื่องที่ 2 ‘คนหิ้วหัว’ เนี่ย ก็จะเป็นเรื่องของศรัทธา เรื่องนี้มันจะเป็นเรื่องของพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ตั้งใจจะเอาเงินไปให้ลูก แล้วบังเอิญคอขาดซะก่อน แต่ว่าตั้งใจไว้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ คือเป็นเรื่องของพ่อลูก แต่ผมทำออกมาเป็นหนังตื่นเต้นผสมตลกนะ แต่ก็ยังแฝงเรื่องของชีวิตเอาไว้ตามสไตล์ของผม เหมือนกับว่าในชีวิตคนเรา เวลาเกิดเรื่องร้าย ๆ ในชีวิต เวลาปัญหามันแก้ไม่ได้ก็เลือกที่จะหัวเราะกับมันไปเลยดีกว่า”

ปมด้อยในใจ…คือจุดกำเนิดของไอเดีย

…หลังจาก พิง ลำพระเพลิง ทำให้ทุกคนถึงกับ “อึ้ง” กับความสามารถในการเขียนบทหนัง “โคตรรักเอ็งเลย” ในระยะเวลาเพียง 5 วัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ “คนหิ้วหัว” ที่ใช้เวลาถ่ายทอดจากเรื่องราวและประสบการณ์ที่บ่มเพาะอยู่ในโสตประสาทของเขากว่า 40 ปี มาร้อยเรียงเป็นบทภาพยนตร์ระดับ “มาสเตอร์พีช” เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น โดยที่ในเรื่องนี้เขาได้ไอเดียมาจากความผูกพันระหว่างตนเองกับลูก

“ในโคตรรักฯ เส้นเรื่องมันมาจากความรัก ซึ่งผมพูดถึงเรื่องราวใกล้ตัวระหว่างผมกับภรรยา แต่ใน ‘คนหิ้วหัว’ จะให้น้ำหนักในเรื่องของความศรัทธา โดยเลือกเอาเรื่องราวระหว่างผมกับลูกเป็นแรงบันดาลใจ แล้วก็มาจากปมด้อยในใจของตัวเองด้วย อย่างในโคตรรักฯ ผมก็รู้สึกถึงสิ่งที่เคยทำผิดกับผู้หญิงคนหนึ่งไว้ ก็เลยอยากทำหนังเพื่อเป็นการขอโทษเขา กับหนังเรื่องนี้ผมรู้สึกถึงบทบาทพ่อของตัวเองว่าบกพร่อง ผมช่างมีเวลาให้กับลูกน้อยเหลือเกิน เลยอยากจะทำหนังเรื่องนี้เพื่อขอโทษเขา”

“คนหิ้วหัว” ไม่ใช่หนังผีนะ…จะบอกให้

…ลองชื่อเรื่องจั่วหัวว่า “คนหิ้วหัว” ซะขนาดนั้น ผู้คนร้อยทั้งร้อยต้องคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวผี ๆ อย่างแน่นอน ถึงขนาด “กลัว” แบบตีตนไปก่อนไข้ตั้งแต่เห็นชื่อเรื่อง แต่คำยืนยันจากเจ้าของ “ตัว” และ “หัว” กล่าวว่า “คนหิ้วหัว” ไม่ใช่หนังผีอย่างที่ใคร ๆ พาคิดกัน

“หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผี ดูเป็นหนังแอ็คชั่นชีวิต ๆ ด้วยซ้ำไป หรืออาจแบ่งเป็นได้ทั้งแนวตลกร้าย แนวแอ็คชั่น แนวดราม่า แนวโรแมนติกคอมเมดี้ จะว่าไปหนังของผมกำหนดยีนต์ไม่ได้ตายตัว หนังทั้งสองเรื่องที่ได้ทำส่วนผสมที่มีอยู่สามารถตัดตัวอย่างให้เป็นหนังแนวไหนก็ได้ คุณจะตัดให้เป็นหนังตลกก็ได้ ผีก็ได้ เศร้าก็ได้ ตื่นเต้นก็ได้ ผมจึงไม่สามารถกำหนดยีนต์ของหนังได้จริง ๆ ใครมาถามผมว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวอะไรคงเป็นสิ่งที่ตอบยาก แต่ผมภูมิใจที่จะตอบว่านี่คือหนังในสไตล์ของพิง ลำพระเพลิง”

ทำไมต้องมี…คนคอขาด ทำไมต้องมี…ศีล 5 ???

…เมื่อได้ทั้งไอเดียและแรงบันดาลใจที่พร้อมจะสรรค์สร้างผลงานหนังเรื่องนี้ออกมาได้แล้ว เขาจึงใช้ “หัวใจ” กับ “มันสมอง” ขีดเขียนออกมาเป็นเรื่องราว ความสงสัยจึงเกิดขึ้นมาอีกว่าทำไมต้องมี “ศีล5” ทำไมต้องมี “คนคอขาด” และเกี่ยวข้องกับพลังแห่ง “ศรัทธา” อย่างไร

“ศีล 5 เป็นแค่วิธีการของการเล่าเรื่องให้น่าติดตาม ซึ่งนำมาเคลือบเรื่องไว้เท่านั้นเอง ผมรู้สึกเสมอว่าตัวเองทำหนังไม่เก่ง จึงต้องหาแนวทางการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมาเคลือบไว้ ส่วนคำถามที่ว่าคนคอขาดมันเกี่ยวข้องกับพลังแห่งความศรัทธาได้อย่างไรนั้น ผมคิดว่าถ้าคนเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จให้ได้ คงไม่มีอุปสรรคใดที่ยากเกินกว่าเราจะเอาชนะได้นอกจากความตาย ฉะนั้นถ้าสามารถเอาชนะความตายได้ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะความตายคืออุปสรรคที่ขวางกั้นระหว่างคนกับความสำเร็จ ก็เลยคิดว่าให้ตัวละครมีแรงศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมที่จะทำเพื่อลูก จนสามารถเอาชนะความตายได้”

ชื่อหนัง “เปลี่ยน” ดารา “เปลี่ยน” แต่ความซาบซึ้ง “ไม่เคยเปลี่ยน”

…ใครหลายคนอาจเคยเสียน้ำตาให้กับความซาบซึ้งใน “โคตรรักเอ็งเลย” ซึ่งใน “คนหิ้วหัว” ก็ยังคงความซาบซึ้งกินใจอยู่ไม่เสื่อมคลาย อาจมีความต่างกันแค่จุดเล็ก ๆ นั่นคือเรื่องที่แล้วพูดถึงความรักระหว่าง สามี-ภรรยา แต่สำหรับเรื่องนี้หยิบยกเอาความรักของ พ่อ-ลูก เป็นแกนหลัก แต่เมื่อดูจากอารมณ์หรือกลิ่นของความรักของทั้งสองเรื่อง สิ่งที่ยังคงเด่นชัดอยู่ไม่เสื่อมคลายเลยคือความผูกพันของครอบครัว ซึ่งจุดนี้ยังคงทำหน้าที่ถ่ายทอดความซาบซึ้งให้กับคุณอยู่เช่นเคย

“ในเรื่องนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในเรื่องของความผูกพันในครอบครัวอยู่ แต่เป็นในแง่ของพ่อลูก จริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ของพ่อลูกก็อิงจากชีวิตจริงของผมเหมือนกัน เป็นความรู้สึกจริงๆ ที่เกิดขึ้นกับผมแล้วเอาไปใช้ในหนัง มีบางวูบที่เวลาผมมองน้องฟร้องที่เล่นเป็นลูกในเรื่องเป็นลูกเราจริง ๆ ก็แอบเอาอารมณ์ของตัวเองจริงมาใช้ เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกเท่าไหร่ เคยคิดอยู่ในใจว่าต้องรอให้คอขาดก่อนหรือเปล่าถึงจะกลับไปหาลูก คือระหว่างโคตรรักฯ กับเรื่องนี้มันมีอารมณ์ร่วมกันอยู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน หัวใจของเรื่องเป็นดวงเดียวกัน คือพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่มาความรักให้กับครอบครัว คนที่โหยหาอดีตที่ไม่สามารถกลับมาได้แล้วกว่าจะรู้ก็สายเกินไป หนังเรื่องนี้จึงมีจุดร่วมเดียวกับโคตรรักฯ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ยังคงมีอารมณ์ที่จะถ่ายทอดหรือสื่อสารออกไปที่จะทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งหรือกินใจไปกับสิ่งที่ตัวละครต้องเจอ ส่วนตัวผมแล้วอยากให้คนดูรู้สึกกับหนังไปในทางอิ่มเอมใจมากกว่าที่จะรู้สึกเศร้าไปกับหนัง แต่สุดท้ายมันก็คงต้องปล่อยไปตามที่คนดูรู้สึก ใครที่เคยประทับใจกับความรักในโคตรรักฯ ผมก็เชื่อว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณจะรู้สึกแบบเดียวกันในหนังเรื่องนี้”

จาก “เขียนถึงคนบนฟากฟ้า” มาถึง “ความรักทำให้คนหัวขาด”

…ใครหลายคนคงเคยแอบเสียน้ำตาให้กับความซาบซึ้งของเพลง “เขียนถึงคนบนฝากฟ้า” ในเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย” มาแล้ว ซึ่งถือเป็นอาวุธลับของ “พิง ลำพระเพลิง” เลยก็ว่าได้ มาถึงในเรื่องนี้เขาก็มีเพลง “ความรักทำให้คนหัวขาด” ออกมาเรียกความซาบซึ้งอีกรอบ ด้วยน้ำเสียงสุดเศร้าของพิง บวกด้วยเนื้อหาที่พูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เอาไหน อยากจะทำอะไรเพื่อคนที่ตัวเองรักบ้างสักครั้งในชีวิต แม้ความตายก็มิอาจขัดขวางความศรัทธาครั้งนี้ของเขาได้ เชื่อเหลือเกินว่า “ความรักทำให้คนหัวขาด” จะทำให้คุณแอบเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

ฉากแอ็คชั่น…ช่วยเพิ่มสีสัน

…ถ้านึกย้อนไปถึงกลิ่นและรสชาติของ “โคตรรักฯ” จะมีแนวไปทางโรแมนติกคอเมดี้ที่เน้นน้ำหนักไปในส่วนของอารมณ์ส่วนใหญ่ ซึ่งต่างจาก “คนหิ้วหัว” ที่จะมีพาร์ทของแอ็คชั่นเข้าบวกเพื่อเพิ่มสีสันด้วยอีกแรง จึงเกิดคำถามขึ้นมาเกี่ยวกับความต่างระหว่างอารมณ์ของดราม่ากับความเข้มข้นของแอ็คชั่น

“จริง ๆ ฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้ไม่อยากจะเรียกว่าหนังแอ็คชั่น คือมันจะมีแอบบู๊หน่อย ๆ เพื่อไม่ให้หนังมันเนิบนิ่มเท่านั้นเอง เพราะว่าพี่ปรัชเรียกว่ามันเป็นฉากคนวิ่งหนีกัน ไม่ใช่ฉากแอ็คชั่น เรียกว่าเป็นการชิมลางมากกว่า ด้วยความที่เราเป็นผู้ชาย อยากจะแอบทำหนังแอ็คชั่นบ้าง แต่ก็ไม่กล้าทำเต็มรูปแบบ เพราะไม่รู้ตัวเองทำได้รึเปล่า ก็ใส่ไปเท่าที่จะใส่ได้ เป็นฉากแอ๊คชั่นที่อิงอยู่กับอารมณ์มนุษย์ซะส่วนใหญ่ เป็นการหนีเพื่อเอาชีวิตรอด มันยากคนละแบบนะระหว่างฉากแอ็คชั่นกับอารมณ์ ฉากอารมณ์เป็นฉากที่ต้องพานักแสดงของเราไปให้ถึงสิ่งที่เราต้องการ แต่ฉากแอ๊คชั่นเหมือนนักแสดงเขาต้องไปด้วยตัวเอง แต่ในฉากอารมณ์ในสัดส่วนของความเป็นผู้กำกับเนี่ย ต้องมีความสามารถพอที่จะช่วยนำพานักแสดงไปด้วย เพื่อให้ถึงจุดที่เขาต้องไปให้ถึง”

เพราะใช้ตัวแสดงจริง…ไม่ได้อิงสตั๊นท์ จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ “แท็คทีมอ่วม” ที่ต้องจารึกไว้

…ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังของ พิง ลำพระเพลิง จะให้ธรรมดาได้อย่างไรเล่า ทุกองค์ประกอบของงานสร้างจึง “ดูดี” และ “มีสไตล์” ไล่มาตั้งแต่บทภาพยนตร์ นักแสดง หรือจะเป็นองค์ประกอบที่ครบทุกรสชาติความบันเทิงของหนัง เพราะพิงใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อความสมบูรณ์แบบ อย่างเช่นฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายในเรื่อง พิงและนักแสดงในเรื่องต่างพร้อมใจและเต็มใจที่จะแสดงด้วยตัวเอง ไล่มาตั้งแต่ตัวพิงกับฉากกระโดดบนโรงสีเทียบเท่าตึก 4 ชั้น ภูริกับฉากโดนรถสิบล้อพุ่งชน สาวกระแตกับฉากซิ่งรถปอเต๊กตึ๊ง ไม่เว้นแม้แต่สาวไหมที่เกือบโดนตู้ปลากระจกจริง ๆ หล่นทับ ลงทุนลงแรงขนาดนี้ก็เพื่อความเนี้ยบของหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ

“หลาย ๆ ฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมเลือกที่จะให้นักแสดงหรือตัวผมเล่นเอง เพราะอยากให้ภาพออกมาสมจริง กลัวว่าถ้าให้สตั๊นท์มาเล่นแทนแล้วมันจะมีปัญหาเรื่องการรับหน้า คือยอมรับว่าเหตุที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะเกิดจากความกลัวว่าจะไม่สมจริง เวลาตัดต่อกลัวจะกระตุก กลัวคนดูรู้ว่านี่ใช้คนอื่นเล่นแทนนี่หว่า นักแสดงของผมจึงเล่นจริงหมดเลย”

คำยืนยันแห่ง…ศรัทธา ของผู้ชายชื่อ…พิง

…ทั้งทุ่มเททั้ง “กาย” และ “ใจ” ไม่เว้นแม้แต่ “จิตวิญญาณ” ทั้งหมดของตัวเองให้กับหนังเรื่องนี้ นั่นคงพอการันตีได้แล้วว่า “คนหิ้วหัว” จะเป็นหนังที่จะทำให้คุณเชื่อมั่นในพลังแห่ง “ศรัทธา” และเต็มอิ่มไปกับความครบรสชาติแห่งความสุข แต่ถ้าจะให้ดีเห็นคงต้องให้เจ้าตัวการันตีเอง

“ผมรับรองว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณสนุกแบบหัวหกก้นขวิดเลยทีเดียวเชียว คุณจะได้ความบันเทิงครบทุกรสชาติ ทั้งลุ้นระทึก เศร้า ตลก เพราะฉะนั้นการที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จะได้แน่ ๆ แล้วคือความสนุกบันเทิง ส่วนสาระหรือแง่คิดในแบบฉบับ พิง ลำพระเพลิง อยู่ที่ว่าใครจะเก็บเกี่ยวได้มากหรือน้อย หรือถ้าไม่ได้แค่ความสุขที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้ก็คุ้มค่ากับเวลาที่คุณเสียมาแล้วล่ะ”

การคัดเลือกนักแสดง

ตัว “ไอ้เตี้ย” ต้อง “พิง” เท่านั้นที่เล่นได้

…หลังจากใน “โคตรรักฯ” บทบาทหน้าที่ของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ หรือยืนสั่งการอยู่หน้าฉาก อาจมีโผล่ไปแจมในหนังอยู่บ้างประปราย จนมาถึง “คนหิ้วหัว” ที่นอกจากจะมีชื่อเครดิตในฐานะผู้กำกับและผู้เขียนบทแล้ว พิง ลำพระเพลิง ยังมีเครดิตที่เจ้าตัวทั้งภูมิใจและจงใจใส่เข้าไปเพิ่มอีกคือ “นักแสดงนำ” กับบทบาท “ไอ้เตี้ย” โดยเจ้าตัวแอ่นอกรับว่าบทนี้ตั้งใจเขียนให้ตัวเองเล่นโดยเฉพาะ

“ใช่… ผมตั้งใจเขียนบทนี้ให้ตัวเองเล่นโดยเฉพาะ เพราะต้องการทำหนังเพื่อบำบัดตัวเอง ก็อย่างที่บอกแหละว่าผมทำหนังจากปมด้อยของตัวเอง เพราะฉะนั้นเราจะมีความเข้าใจในคาแรกเตอร์และอารมณ์ของตัวละครมากที่สุด พูดง่ายๆ ไอ้เตี้ยคือผมเลย ทั้งการกระทำและคำพูด ไอ้เตี้ยเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถเป็นได้ในชีวิตจริง แต่ทุกครั้งที่ผมมองตัวละครนี้ จะรู้สึกดีใจที่ไอเตี้ยคือตัวแทนของเราและมันก็มีธาตุดีอยู่ในตัว”

การพลิกบทบาทของ…พระเอกหนังป้ายแดง…นางเอกสาวเซ็กซี่…และนักแสดงคู่บุญ

…นอกจากพิงที่รับบทเป็นไอ้เตี้ยแล้ว “คนหิ้วหัว” ยังได้สามนักแสดงคุณภาพมาเป็นตัวชูโรงด้วย ไล่มาตั้งแต่ “ภูริ หิรัญพฤกษ์” ที่สลัดคราบพระเอกสุดเนี้ยบมาเป็นหนุ่มจอมทะเล้น หรือจะเป็นนางเอกสาวสุดเซ็กซี่ “กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล” ที่เปลี่ยนลุกมาเป็นสาวห้าว และภูมิใจเสนอความเซ็กซี่ในแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน และที่ขาดไม่ได้เลยคือนักแสดงสาวคู่บุญของพิง “ไหม วิสา สารสาส” ที่ยอมสลัดคราบไฮโซมาเป็นหญิงขี้เมา ขาไพ่ จอมโวยวาย นักแสดงสามคนนี้ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัว จึงทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาลงตัวทุกองค์ประกอบ

“ภูริเป็นน้องที่น่ารัก เขาก็ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการปรับตัวเข้ากับการแสดงหนัง และที่สำคัญภูริมีสปิริตในการทำงานสูงมาก เขายอมทำในสิ่งที่เราให้ทำ เพราะเขามีความเข้าใจในตัวละครว่าต้องไปในทิศทางไหน คือตั้งใจทำงานเพื่อส่งคาแรกเตอร์ตัวละครจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเล่นได้ดีขนาดนี้แต่เขาทำได้ดีเกินคาด สิ่งที่ภูริทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้ส่งผลให้ภาพรวมทุกอย่างมีความสมบูรณ์ เขาคือคนที่สวมบทบาทเป็นตัวละครของผมได้ร้อยเปอร์เซนต์”

“สำหรับกระแตผมถือว่าเธอเป็นนักแสดงที่มีสปิริตสูงมาก หลาย ๆ อย่างที่ไม่มีในบทเขาก็ยอมเล่นให้โดยที่ไม่มีการเกี่ยงงอน แม้ว่าไม่ได้มีการพูดคุยตกลงกันก่อนก็ยอมเล่นให้ อย่างฉากที่ต้องมีการถูกหน้าอกหน้าใจกันเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ถือเป็นนักแสดงที่เป็นมืออาชีพ และผมรับรองว่าใน ‘คนหิ้วหัว’ คุณจะได้เห็นกระแตกับความเซ็กซี่ในรูปแบบใหม่ที่จะทำให้คุณรู้จักเธอมากขึ้น”

“ผมว่าฝีไม้ลายมือของเขาพัฒนาขึ้นจากเรื่องที่แล้ว ไหมสามารถตอบโจทย์ตัวละครที่ผมวาดภาพเอาไว้ได้ การร่วมงานก็มีการเกรงใจกันน้อยลง การทำงานกับไหมเหมือนเป็นการร่วมกันก้าวต่อไปอีกขั้น โดยไม่ต้องไปเริ่มใหม่กับใคร การได้ทำงานกับไหมอีกครั้ง เธอยังคงมอบความชื่นใจให้กับผู้กำกับคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ ไหมเค้าเปลี่ยนลุคตัวเองอย่างมากเพื่อหนังเรื่องนี้ เปลี่ยนจากคนสวย ๆ เป็นคนขี้เมา อย่างในเรื่องที่แล้ว ถ้าใครได้ดู โคตรรักเอ็งเลย จะรู้สึกว่าไหมเป็นคนโรแมนติคหวานๆ นะครับ แต่เรื่องนี้ไหมจะเล่นดิบเถื่อน เมา ด่าผัว เกาก้น ไม่น่าเชื่อว่าไหมจะทำได้ “

 

เพราะต้องกำกับเอง…เล่นเอง…พิงจึงต้องมี “ซิกส์แพ็ค”

…ลำพังเป็นผู้กำกับฯ ตำแหน่งเดียวก็ขึ้นชื่อว่าบ้าพลังอยู่แล้ว ไม่แปลกอะไรที่พอต้องโดดจากเก้าอี้หน้าจอมอนิเตอร์มาร่วมแสดงนำเอง ความมุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเทให้กับเนื้องานย่อมต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ เขาจึงต้องเตรียมตัวเพื่อเป็น “ซูเปอร์พิง” สำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ฟิตไม่ฟิตไม่รู้เพราะเจ้าตัวถึงกับได้สมญานามใหม่ว่า “พิงซิกส์แพ็ค” เลยทีเดียว

“ผมคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดกล้องเลยว่าทำเรื่องนี้เหนื่อยแน่ เพราะการการต้องกำกับควบคู่ไปกับการแสดงมันค่อนข้างหนัก เลยตั้งใจเตรียมตัวไว้เนิ่น ๆ ทั้งกายภาพ ทั้งวิญญาณ ผมวิ่งวันละ 3 ก.ม. ซิตอัพกับวิดพื้นทุกวันตั้งแต่รู้ว่าบทผ่าน พี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) ถามว่าทำไมตอนทำโคตรรักฯไม่เห็นฟิตร่างกายขนาดนี้เลย ก็เพราะตอนทำเรื่องนั้นเรารู้ว่าต้องทำแค่ไหน มาเรื่องนี้รู้เลยว่าเหนื่อยหนักแน่ เลยต้องเตรียมตัวไว้ก่อน”

เคยได้แต่บิ้วท์อารมณ์คนอื่น…เรื่องนี้ต้องบิวท์ตัวเองบ้าง

…ในโคตรรักฯ พิงได้แต่ติวเข้มอารมณ์นักแสดงอยู่แค่หน้ามอนิเตอร์หรือป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้ากองเท่านั้น แต่มาในเรื่องนี้เขากับต้องทำซีนอารมณ์ด้วยตนเองบ้าง ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักหนาเอาการสำหรับเขา

“ต้องยอมรับว่าผมเป็นนักแสดงที่ไม่เก่งเอาซะเลย จึงเลือกวิธีบิวท์อารมณ์โดยการฟังเพลง เคยเห็นไหมทำแล้วมันได้ผล ฟังเพลงเศร้า ๆ แล้วดึงเข้ากับชีวิตเราในช่วงนั้น ในช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดว่าถ้าเราสูญเสียเหมือนตัวละครจะเป็นอย่างไร ทำให้เราสื่ออารมณ์ของตัวละครที่กำลังรู้สึกจริงๆ เพราะตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่ใช้น้ำตาเทียม มันรู้สึกกระดากใจ”

นักแสดงขอพูดถึง…ผู้กำกับ

…สำหรับนักแสดงในเรื่องนี้ คงเป็นความจริงที่ว่า “พิง ลำพระเพลิง” คือเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจรับเล่นในเรื่องนี้ และกล้าที่จะพลิกคาแรกเตอร์ของตัวเอง เพียงเพื่อที่จะได้เป็นตัวละครตัวหนึ่งในบทของคนชื่อ “พิง” นั่นเป็นการตอกย้ำถึงความ “ศรัทธา” ที่มีต่อผู้กำกับคนนี้

“ผมคิดว่าพี่พิงเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก ยิ่งกำกับเองเล่นเอง เขาจะมุ่งมั่นทุ่มเทเกินร้อย ส่วนเรื่องของการทำหนังผมมองว่าพี่พิงเป็นคนมีมุมมองไม่เหมือนกับคนอื่น คือเขามีภาพบางอย่างอยู่ในหัวที่เราไม่สามารถมองเห็น แต่ผมมีหน้าที่เพียงแค่แสดงตามคาแร็คเตอร์ที่พี่พิงเขียนไว้เท่านั้นเอง พี่เขาเป็นคนมีความสามารถมาก”

“สำหรับพี่พิงกระแตปลื้มผลงานของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะเวลาดูงานของเขามักทำให้เรามีความคิดที่ว่า โห…คิดได้ไงเนี่ย พอได้เข้ามาทำงานด้วยกันยิ่งทำให้เราประทับใจพี่พิงเข้าไปอีก เพราะเขาจะให้อิสระเรา เรื่องไหนที่เรามีข้อสงสัยเขาก็จะเปิดโอกาสให้เราได้แสดงความคิดเห็น คือเขาจะไม่ตีกรอบทำให้เราแสดงได้เป็นธรรมชาติ”

“พอมาเรื่องนี้การทำงานของไหมกับพี่พิงเข้าขากันมากขึ้น ทุกอย่างมีความเป็นธรรมชาติ สื่อสารกันนิดเดียวก็เข้าใจตรงกัน สิ่งที่ต่างออกไปคือเรื่องนี้พี่พิงแสดงเองด้วย ซึ่งยอมรับว่าพี่พิงเป็นนักแสดงที่ส่งอารมณ์เก่งมาก แต่ก็สังเกตเห็นว่าเรื่องนี้พี่พิงดูเครียดมากขึ้น อย่างพอแสดงจบคัทต้องเดินไปหลังกล้องเพื่อเช็คที่ตัวเองเล่นไปแล้วต้องเดินกลับมาเล่นต่ออีกรู้เลยว่าพี่เขาเหนื่อยและใช้พลังงานสูงมาก”

ขอขอบคุณนักแสดง…จากใจนายพิง

“จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าผมเองเป็นผู้กำกับที่ค่อนข้างโชคดี โชคดีตั้งแต่ เสี่ยเจียง พี่ปรัชญา ให้ไฟเขียวทำหนังเรื่องที่ 2 ในชีวิตตั้งแต่หนังเรื่องแรกอย่างโคตรรักเอ็งเลยยังไม่เข้าฉายเลยด้วยซ้ำ แล้วที่สำคัญคือดีใจที่มีนักแสดงหลายคนพร้อมใจที่จะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อถ่ายทอดหรือชุบชีวิตตัวละครทุกตัวที่กลั่นมาจากมันสมองสองมือกำกับ และยอมรับในลูกบ้าทุกลูก ทุกเม็ดของมุกทุกที่เราตั้งใจ ซึ่งตัวผมเองก็ไม่เคยเลยนะที่จะไปบังคับว่าไหมจะต้องมาหลังเดาะปวดกระดูกสันหลัง จากการถูกชุดกระชากลากถู หรืออย่างกระแตเองที่ข้อมือกลอกปอกเปิกจากการถูกล่ามกุญแจมือขูดไปขูดมาอยู่ครึ่งค่อนคืน หรือภูริที่เจอคิวแอ็คชั่นหนัก จนแทบอ้วกซึ่งนักแสดงของผมทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก ต้องขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง”

คาแร็คเตอร์นักแสดงใน “คนหิ้วหัว”

ภูริ หิรัญพฤกษ์ (หนุ่ม)

…ใครหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายที่ชื่อ “ภูริ” ในฐานะนักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิงมานานหลายปี เคยผ่านทั้งงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา มานับไม่ถ้วน เหลือก็เพียงแค่การโลดแล่นอยู่บนจอใหญ่เท่านั้น ซึ่ง “พิง ลำพระเพลิง” และ “คนหิ้วหัว” ได้ทำให้ความฝันที่จะได้แสดงหนังของผู้ชายคนนี้เป็นจริง กับบทบาทที่จะทำให้คุณลืม “ภูริ” ในแบบเดิม ๆ ไปโดยสิ้นเชิง

“ผมอยากเล่นหนังมาตั้งนานแล้ว ฝันว่าอยากมีโปสเตอร์หนังที่เราเล่นแปะไว้ที่บ้าน ก็มีคนติดต่อมาตลอดแต่ไม่มีโอกาสสักที จนวันหนึ่งพี่พิงติดต่อมาแล้วก็เอาบทให้อ่าน ก็รู้สึกชอบทันที คือผมชอบหนังในสไตล์ของพี่พิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกอย่างบทที่ได้รับก็ท้าทายเราด้วย คือ คนขายผักที่ทำตัวเป็น 18 มงกุฎจอมกะล่อน หลอกเงินชาวบ้านไปวัน ๆ ลื่นไหลจนยากที่ใครจะจับได้ อีกทั้งยังบ้ากาม สนใจแต่สิ่งล่อตาทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือโป๊ หรือผู้หญิงตัวเป็น ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้”

“ถ้าใครมาถามว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวอะไร ผมคงไม่สามารถตอบจำกัดความให้ได้ แต่ผมจะบอกว่านี่คือ หนังในสไตล์ของพิง ลำพระเพลิง คุณจะได้รับความสุข ได้รับอารมณ์ครบทุกอรรถรสจากหนังเรื่องนี้ ทั้งตลกจนหัวเราะงอค้าง เศร้าน้ำตาซึม ตื่นเต้นหวาดเสียว และมีแง่คิดแฝงอยู่เต็มไปหมด ก็อยากให้ทุกคนมาดูกันครับ”

ภูริ หิรัญพฤกษ์ เกิด 6 มกราคม

ประวัติ

…หนุ่มคมเข้มตามแบบฉบับไทยแท้คนนี้ มีผลงานชิ้นแรกคือการถ่ายโฆษณาโตโยต้า โซลูน่า จากการชักนำของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และแจ้งเกิดแบบสุด ๆ กับละครเรื่อง “เมืองมายา” ในปีพ.ศ. 2543 หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครในประเทศนี้ที่ไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อ “ภูริ หิรัญพฤกษ์” และในปี พ.ศ.2550 เขาได้มีโอกาสแสดงหนังตามที่ตัวเองใฝ่ฝันเป็นครั้งแรกใน “คนหิ้วหัว”

ผลงานละคร

พ.ศ. 2543 เมืองมายา / พ.ศ. 2544 รอยรักรอยอดีต , ซิทคอม-คู่คนละขั้ว / พ.ศ. 2545 เส้นไหมสีเงิน / พ.ศ. 2546 เทพีเจ้าสังเวียน , ซิตคอม -รักแปดพันเก้า / พ.ศ. 2547 ฝันเฟื่อง / พ.ศ. 2548 บ่วงรัก / พ.ศ. 2549 สัญญาแค้นแสนรัก

 

ศุภักษร ไชยมงคล (สาว)

“กระแต-ศุภักษร” เธอคือตัวแทนของความน่ารักสดใสบวกเข้ากับความเซ็กซี่ในตัว ไม่น่าแปลกอะไรที่เธอคือผู้กุมหัวใจของชายไทยทั้งประเทศ คุณอาจคุ้นตากับภาพความเซ็กซี่อันทรงเสน่ห์เหลือล้นจากผลงานที่ผ่านมาของเธอ แต่สำหรับ “คนหิ้วหัว” เห็นทีคุณคงต้องลืมความเซ็กซี่แบบเดิม ๆ เสียแล้ว เพราะเธอภูมิใจเสนอความเซ็กซี่ในแบบฉบับที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน

“ในเรื่องนี้กระแตรับบทเป็น สาว เจ้าหน้าที่ปอเต๊กตึ๊ง คาแรกเตอร์จะห้าว ๆ ลุย ๆ ภายนอกอาจดูเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นผู้หญิงที่แอบโหดไม่ยอมใครหน้าไหน ซึ่งเรื่องนี้กระแตชอบบทมาก เพราะปกติจะได้รับบทที่ขายความเซ็กซี่เป็นหลัก พอพี่พิงบอกว่าจะให้กระแตมาเล่นเป็นสาวปอเต๊กตึ๊งก็รู้สึกดีใจมาก เพราะจะได้แต่งตัวเซอ ๆ ได้ขับรถซิ่งที่ตัวเองถนัด ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้กระแตไม่เซ็กซี่นะ แต่จะเป็นความเซ็กซี่ในอีกรูปแบบหนึ่งต่างหาก

“หนังเรื่องนี้พูดถึงความรักกับความศรัทธาที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ซึ่งพี่พิงนำเสนออกมาได้สมบูรณ์แบบและตรงไปตรงมา ทุกคนจะสามารถสัมผัสได้ถึงแรงแห่งศรัทธา กระแตอยากให้คุณพ่อคุณแม่พาเด็ก ๆ ไปดู เพราะคนในครอบครัวจะได้ข้อคิดอะไรจากหนังเรื่องนี้มากมาย”

ศุภักษร ไชยมงคล เกิด 2 ธันวาคม

ประวัติ

“กระแต” เข้าสู่วงการด้วยการประกวดหนุ่ม-สาวดัชชี่ ปี 2542 และได้ตำแหน่งดัชชี่เกิร์ลของปีนั้นไปครอง ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการแสดงบทสมทบในหนังเรื่อง “ขุนแผน” และ “ดงพญาไฟ” ก่อนจะโด่งดังเป็นพลุแตกจากเรื่อง “คนเล่นของ” จากลีลา “หงส์ร่อน” ที่ทำให้เธอถูกจับตามองในฐานะเซ็กซี่สตาร์ดวงใหม่ตั้งแต่นั้นมา

ผลงานภาพยนตร์

พ.ศ. 2545 ขุนแผน ,ดงพญาไฟ / พ.ศ. 2547 คนเล่นของ / พ.ศ. 2548 จี้ / พ.ศ. 2549ไฉไล ,น้ำพริกลงเรือ / พ.ศ. 2550 คนหิ้วหัว

 

วิสา สารสาส (หงส์)

…ไหม –วิสา สารสาส หญิงสาวผู้มีรอยยิ้มแสนหวาน หวนกลับมาคืนจอใหญ่อีกครั้งหลังจากเคยตกเป็นเมีย โน้ส อุดม แต้พานิช ในหนังเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย” มาแล้ว คราวนี้ เธอตกลงปลงใจยอมแสดงเป็นเมีย พิง ลำพระเพลิง กับบทบาทใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม จงลืม “แดง” ใน “โคตรรักฯ” เพื่อพบกับเธอในแบบที่จะทำให้คุณ “อึ้ง” กับภาพลักษณ์ใหม่ของเธอ

“เรื่องนี้ไหมเล่นเป็นหงส์เมียของเตี้ย เป็นแม่ของลูกที่ไม่เอาไหน ชอบกินเหล้าตั้งวงไพ่ หงส์เคยเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง แต่ด้วยความที่ผิดหวังในชีวิตคู่จึงทำตัวเละเทะ และยกความผิดทั้งหมดให้กับเตี้ย ในเรื่องนี้ถือเป็นการพลิกบทบาทจากในโคตรรักฯ มาเป็นผู้หญิงขี้เมา ขี้โวยวาย เล่นไพ่ใส่ผ้าถุง ถือเป็นความท้าทายสำหรับไหม แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้เล่นบทที่ยากๆแบบนี้”

“หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้ซึ้งถึงความเป็นมนุษย์ หนังจะพูดถึงความเป็นจริงที่มนุษย์บนโลกนี้มีอยู่ในตัว อันนี้คือมุมของแง่คิดนะ ส่วนของความบันเทิงและความสุขที่จะได้รับหนังเรื่องนี้ก็มีให้ แต่ถ้าคุณสามารถจับต้องสิ่งดี ๆ ที่แฝงอยู่ในหนังได้นั่นก็คือกำไรของคุณ”

วิสา สารสาส เกิด 4 เมษายน

ประวัติ

…ชื่อของไหม เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศจากผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก “โคตรรักเอ็งเลย” ที่ทำให้เธอถูกจับตามองในฐานะนางเอกหน้าใหม่ของวงการภาพยนตร์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเธอก็มีผลงานออกมาให้เห็นกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแฟชั่น หรือจะเป็นงานพิธีกร ก่อนจะได้กลับมาร่วมงานกับ “พิง ลำพระเพลิงผู้กำกับคู่บุญอีกครั้งใน “คนหิ้วหัว”

ผลงานที่ผ่านมา

– โฆษณา TOYOTA AVANZA , SHISEDO ชุด surrender

– มิวสิควีดีโอ เพลงแค่ได้พบเธอ – ARMCHAIR

– ถ่ายแบบปกนิตยสาร ดิฉัน , ผู้หญิงวันนี้,พลอยแกมเพชร , HONEYMOON, เพื่อนเดินทาง ฯลฯ

– งานเดินแบบ

– ได้รับเลือกให้เป็น Beauty Ambassador คนแรกของเมืองไทยให้กับ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง “ชิเซโด้”

ผลงานภาพนตร์

– โคตรรักเอ็งเลย (2549)

 

อภิชาติ ชูสกุล (รงค์)

…นักแสดงระดับฝีมือที่มองข้ามไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงทั้ง อภิชาต ชูสกุล (หมู่เชียรแห่ง2499 อันธพาลครองเมือง, โกยเถอะเกย์, อั้งยี่ ฯลฯ) นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือจอมขโมยซีนขนานแท้

“ผมรับบทเป็นรงค์ โจรใจโฉด ที่มีลักษณะเด่นคือ ตาข้างขวาเป็นต้อ รงค์มีบุคลิกทุกอย่างอย่างที่คนชั่วคนหนึ่งจะมีได้ ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง และในการปล้นเงินแชร์ครั้งล่าสุด รงค์ก็หลอกให้เตี้ยมาร่วมด้วย แต่สุดท้ายรงค์ก็หักหลังด้วยการฆ่าเตี้ยทิ้งซะ แต่หารู้ไม่ว่าการตัดสินใจของเขาครั้งนี้ กลับเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมดที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตเขา”

“อ่านบทแล้วสนุกดี เป็นบทที่สนุกมาก เพราะไม่เคยอ่านบทละครหรือหนังอะไรที่รวดเดียวจบ แต่เรื่องนี้อ่านรวดเดียวจบเป็นเรื่องแรกเลยเสน่ห์คือมันตลกครับ คือพิงเขียนบทได้ดีมาก เขาเป็นคนเก่ง บางทีก็งงว่าเขาคิดได้ยังไง วิธีการเล่าเรื่องมันส์มาก”

 

คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี (ค่อม)

…ปุ๊ย (ตี 10) คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒกี นักแสดง นักร้องพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดีเพื่อนซี้ของพิง ลำพระเพลิงตั้งแต่สมัยเพาะช่าง กับการแสดงภาพยนตร์แบบเต็มตัวครั้งแรก

“ผมรับบทเป็นค่อม ลูกสมุนตัวเอ้ของรงค์ ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจโฉดด้วยกันเสมอมา แต่ด้วยความที่เป็นคนตัดสินใจไม่เด็ดขาด ติดลังเลเสมอ จึงทำให้ค่อมทำได้แค่เป็นผู้ตามเท่านั้น และผลสุดท้ายชีวิตเขาก็ต้องเปลี่ยนตามรงค์ไปด้วย เพราะการเออออไปกับรงค์ทุกเรื่องนี่เอง”

“ก็เป็นหนังเรื่องแรกนะครับที่จะได้เห็นผมมากกว่าทุก ๆ ผมคอนเฟิร์มว่าหนังสนุกแน่ ๆ เป็นหนังที่เป็นสูตรใหม่ที่อาจจะไม่ค่อยมีใครทำ โดยการดำเนินเรื่องก็น่าสนใจ เป็นหนังที่มันก็บอกยากว่าจะเป็นแนวไหน แต่ผมอยากบอกว่านี่คือหนังแนว พง ลำพระเพลิงครับ”

 

ด.ช. รัชชานนท์ สุขสกุล (เต้ย)

…เต้ย เด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ ผู้รอคอยคำสัญญาของผู้เป็นพ่อว่าจะหาของขวัญวันเกิดมาให้ได้ เต้ยหารู้ไม่ว่าคำสัญญาที่พ่อให้ในวันนั้น คือจุดกำเนิดเรื่องราวชวนอลหม่านมากมาย รวมไปถึงสัจธรรมแห่งคำว่า “ศรัทธา”

“มีบางวูบที่ผมมองน้องฟร้องค์นักแสดงที่เล่นเป็นลูกในเรื่อง เราก็แอบ ๆ นึกถึงลูกเรา ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะมีออกมารึเปล่านะ แต่ว่าก็แอบ ๆ ขโมยความรู้สึกมาใช้เหมือนกัน ฟร้องค์คือเด็กที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งในความสามารถ แกเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง และรับบทเป็นลูกชายผมของผมในเรื่องนี้จริง ๆ”

 

5 ฉากสุดจี๊ด… พิง ลำพระเพลิง ต้องยกนิ้วให้ในความประทับใจ

…คงเป็นเรื่องยากถ้าจะเจาะจงถามถึงฉากที่ชอบหรือประทับใจกับผู้กำกับของเรื่องเอง เพราะอย่างไรความชื่นชอบคงคลอบคลุมอยู่ทั้งหมดของตัวหนังอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่างฉากที่พิงประทับใจเป็นพิเศษเห็นคงจะเป็นฉากดังต่อไปนี้

ฉากภูริรถคว่ำ

…คือผมรู้สึกอยากให้หนังตัวเองแอบ ๆ ทำให้คนดูรู้สึกว่า ไอ้พิงมันก็ตั้งใจทำหนังดีนะ อย่างเรื่องที่แล้วก็แอบมีฉากรถคว่ำด้วย มีคนเคยบอกผมว่าตัวเองฝังใจกับความตายที่เกี่ยวกับรถคว่ำ มันเลยอาจซึมมาจนผมไม่รู้ตัวก็ได้ และที่ชอบฉากนี่คือ ภูริโชว์สปิริตเข้าไปอยู่ในรถเองด้วย

ฉากฝากข้อความโทรศัพท์

…โลเกชั่นที่เลือกมันสวยมากจริง ๆ แต่ไม่มีตู้โทรศัพท์อยู่เลย ก็เลยให้ทีมงานไป ยกเอาตู้โทรศัพท์มาตั้งอยู่ตรงนั้นเลย มันได้ภาพที่สวยมากเป็นบริเวณเปลี่ยว ๆ แต่กลับมีตู้โทรศัพท์อยู่ เป็นสถานที่ที่คนมีรอยเย็บอยู่เต็มคอสามารถยืนฝากข้อความอยู่ได้อย่างลงตัว

ฉากหนีการไล่ล่าบนรถไฟ

… ฉากนี้ผมรู้สึกว่าอาร์ตไดเร็คชั่นสวยดี และก็ถ่ายยากด้วย คือวิ่งกันสามคนมีผม ปุ๊ย พี่หมึก วิ่งกันอยู่สองคืนครึ่ง ตัดออกมาในหนังแค่สองนาทีเอง รู้สึกว่าเราขยันกับฉากนี้ดีจัง ไม่ใช่ทำแบบสุกเอาเผากิน งานที่เสร็จออกมาเป็นภาพที่ได้อารมณ์มาก ผมรู้สึกชอบและภูมิใจกับมัน

ฉากปล้นโรงรับจำนำ

…สำหรับฉากบุกปล้นโรงรับจำนำถือว่าเป็นโชคดีของผมอีกครั้ง เพราะในบทเขียนว่าไปปล้นร้านทอง ซึ่งร้านทองมันก็เหมือนกันทุกร้าน และก็หาถ่ายยากด้วย ก็เลยแก้เป็นโรงรับจำนำ พอดีไปเจอกับร้านจำนำนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ขอมาหลายที่แต่ไม่ได้ โชคดีที่เราได้ที่นี่เพราะโรงรับจำนำนี้สวยมาก

ฉากวันเกิดลูก

…ฉากนี้เป็นฉากเศร้า ๆ ฉากหนึ่งของตัวละครทุกตัว ผมก็จะพยายามให้นักแสดงทุกตัวย้อนรำลึกไปถึงเรื่องราวที่เขาต้องเจอมา รู้สึกว่าฉากนี้ตัวเองยังกำกับได้ไม่ดี เพราะอารมณ์ยังไม่ชัดระหว่างจะให้อิ่มเอิบใจหรือว่าจะให้เศร้าดี

 

เกร็ดหิ้วหัว…คุณรู้หรือไม่ว่า???

– เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่าง ความตลก แฟนตาซี แอ็คชั่น และดราม่า ไว้ด้วยกันอย่างครบรสและลงตัว อีกทั้งแฝงข้อคิดเอาไว้ ตามสไตล์ของ พิง ลำพระเพลิง

– เป็นภาพยนตร์ที่พิงสร้างขึ้นเพื่อเป็นการขอโทษลูกชายของตัวเอง

– ก่อนที่จะใช้ชื่อว่า “คนหิ้วหัว” หนังเรื่องนี้มีชื่อเดิมว่า “เดชไอ้เตี้ย”

– จากเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย” พิง ลำพระเพลิง ใช้เวลาเขียนบทเพียง 5 วัน สำหรับ “คนหิ้วหัว” พิง ลำพระเพลิง ยอมรับว่าใช้เวลาเขียนมากกว่าเดิม 2 วัน เนื่องจากว่าติดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดงาน

– ช่วงก่อนเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องนี้ พิงได้เตรียมพร้อมสภาพร่างกายโดยการวิ่งวันละ 3 กม. และวิดพื้นซิตอัพทุกวัน ในที่สุดเขาก็มี “ซิกส์แพ็ค” อยู่ที่หน้าท้องเป็นของตัวเอง

– ก่อนเปิดกล้อง พิง ลำพระเพลิง ปล่อยตัวเองให้ผมยาว หนวดเครารุงรัง เพื่อรับบทเตี้ยในเรื่อง และลงทุนโกนหัวเพื่อแสดงเป็นพระในคิวปิดกล้อง เพื่อความสมจริงของตัวละคร

– เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของพระเอกหนุ่ม ภูริ หิรัญพฤกษ์

– เป็นครั้งแรกที่นางเอกสาวเซ็กซี่อย่าง กระแต ศุภักษร ไชยมงคล กลายเป็นสาวห้าวประจำมูลนิธิปอเต็กตึ้ง พร้อมกับภาพลักษณ์ความเซ็กซี่ในแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

– ไหม วิสา สารสาส สลัดคราบสาวไฮโซ สวย หวาน มาเป็นแม่ขี้เมา ไม่เอาไหน อีกทั้งจะต้องเล่นฉากแอ๊คชั่นเป็นครั้งแรกด้วย

– พิง ลำพระเพลิงเล่นฉากเปลือยที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนในเรื่องนี้

– ฉากแอ็คชั่นต่าง ๆ ในเรื่องของเตี้ย พิง ลำพระเพลิง แสดงเองทั้งหมด โดยไม่ใช้แสตนอินเลย ไม่ว่าจะเป็น ฉากกระโดดจากรถไฟ กระโดดจากตึก 4 ชั้น หรือกระโดดเข่าลอย แม้กระทั่งคนอื่น ๆ ในเรื่องอย่าง ปุ๊ย ตีสิบ และ หมึก อภิชาติ พิง ลำพระเพลิง ก็พยายามให้นักแสดงเล่นเองโดยไม่ใช้แสตนด์อินเลย

– ในภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการแท็คทีมอ่วมกันถ้วนหน้า เพราะไม่มีนักแสดงคนไหนไม่สะบักสะบอม

– ในฉากที่รถคว่ำ ภูริจะต้องเข้าไปอยู่ในรถและโดนรถน้ำมันชนจริง ๆ เพื่อให้ได้ภาพออกมาสมจริงที่สุด

– ผ้าห่มผืนที่ใช้ในฉากวันเกิดเต้ย เป็นผ่าห่มผืนจริงที่พิงและภรรยาช่วยกันเย็บให้ลูกชาย

Share this article :

แสดงความคิดเห็น