Home » » อหิงสา จิ๊กโก๋ มีกรรม

อหิงสา จิ๊กโก๋ มีกรรม

 

  • Release Date: 20 ตุลาคม 2548
  • Director: กิตติกร เลียวศิริกุล
  • Starring: ธีรดนัย สุวรรณหอม, บริวัตร อยู่โต, ปริญญา งามวงศ์วาน

อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม
ชื่อภาษาอังกฤษ : Ahimsa Stop to Run


เรื่องย่อ อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม

อหิงสา (บริวัตร อยู่โต) จิ๊กโก๋เดินดินนายหนึ่ง เกิดมาในยุคสมัยที่โลกหมุนเร็วรี่ด้วยไฮ-สปีดอินเตอร์เน็ต สื่อมวลชนกำลังแตกตื่นกับผลเสียของการตัดต่อพันธุกรรม สมัยเด็กอหิงสาเคยป่วยหนัก หมอโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ พ่อแม่เลยพาอหิงสาไปรักษาด้วยพิธีเหยียบเสน ศาสตร์ลี้ลับที่ไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โตเป็นหนุ่ม อหิงสาใช้ชีวิตสุดขั้วอยู่ในหมู่เพื่อนเพี้ยนๆ อย่าง อุโฆษ (ปริญญา งามวงศ์วาน) และ ไอน์สไตน์ (จอนนี่ อันวา)

อหิงสาโดนรังควาญไม่หยุดหย่อน จาก ไอ้เวรกรรม (ธีรดนัย สุวรรณหอม) ไอ้บ้ามาจากไหนไม่รู้ แค่เห็นหน้ามันก็ปวดประสาท บ้าสีแดง หัวจรดเท้ามีแต่สีแดง รองเท้าแดง เสื้อแดง หัวแดง มันคอยโผล่มาว่าแดกดัน ประชดกวนบาทาก็เท่านั้น ยียวนกวนประสาทไม่เลิกรา พอถามกลับว่า มึงเป็นใคร? ดันตอบว่า เป็นไอ้เวรจริงๆ

แล้วไอ้เวรหัวแดงนี้ อหิงสาสู้กับ ไม่มีวันชนะ มือหนัก ตีนยิ่งหนัก บทลงไม้ลงมือก็เล่นแรงๆ เล่นของหนัก ไม้หน้าสามงี้ ขับรถบี้งี้ กระทืบเอากันถึงตาย ไม่ว่าอหิงสาจะควบหนีสุดฝีเท้าขนาดไหน ไอ้เวร นี่ ก็ยังกวดไล่มาติดๆจ่อเข้ามาชนิดหายใจรดต้นคอได้ทุกที ราวกับฟ้าสร้างให้มันรู้ทันอหิงสาไปทุกย่างก้าว พัทยา (ธรัญญา สัตตบุศย์) คุณหมอคนสวย มีแฟนเป็นตำรวจ มารุต (กิรเดช เกตกินทะ) ชีวิตหญิงสาวพรั่งพร้อมดูดีอย่างพัทยา ไม่น่าจะมาข้องแวะกับจิ๊กโก๋อย่างอหิงสาได้ แต่ก็คล้ายมีบางอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว อหิงสากำลังเจอกับอะไรกันแน่ ? เวรกรรม ,ความรัก? หรือทั้งสองอย่าง? จริงอยู่ ...เวรกรรมของใครของมัน ต้องสู้กันเอาเองถึงจะสู้กับ ไม่เคยชนะ แต่งานนี้ต้องหันหน้าสู้เท่านั้น !

 



นักแสดง

บริวัตร อยู่โต .... อหิงสา 
ธีรดนัย สุวรรณหอม .... เวรกรรม 
ธรัญญา สัตตบุศย์ .... พัทยา 
ปริญญา งามวงศ์วาน .... อุโฆษ 
จอนนี่ อันวา .... ไอน์สไตน์ 
กิรเดช เกตกินทะ .... มารุต 
ไพฑูรย์ ไหลสกุล .... อู๊ดดี้ 

ความยาว: 90 นาที
วันที่เข้าฉาย: 20 ตุลาคม 2548




คณะผู้สร้าง "เวรกรรม" : เกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์, สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (อำนววยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล, จันทิมา เลียวศิริกุล, กิตติกร เลียวศิริกุล (ควบคุมงานสร้าง) / ปานเทพ พันธ์เชย (ผู้ช่วยควบคุมงานสร้าง) / เรียว กิตติกร (โครงเรื่อง-บทภาพยนตร-กำกับภาพยนตร์) / สราวุธ วิเชียรสาร, พรรณพันธ์ ทรงขำ, พิธาน โชคกิจการ (ผู้ช่วยกำกับภาพยนตร์) / ธีระศักดิ์ เกตุแก้ว, ณัฐพร เรืองสุขอุดม (ประสานงานกองถ่าย) / ณัฐวุฒิ กิตติคุณ, เดชา ศรีมันตะ, วิเชียร เรืองวิชญกุล, สมศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ (กำกับภาพ) / กิตติกร เลียวศิริกุล, ฉัตรชัย นครวงษ์ (ลำดับภาพ) / ฉัตรชัย นครวงษ์ (ควบคุมความต่อเนื่อง) / ปิติรัก จีระเศรษฐ (ผู้ช่วยควบคุมความต่อเนื่อง) / สุรพรหม ภิญโญทรัพย์, ไชยรัตน์ เจริญสุข, วัชระ สวัสดิ์, คณะบุคคล เอ็ม โอ เอส (บันทึกเสียง) / แสนแสบ, ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (ดนตรีประกอบ) / ธนะพร อาคมานนท์ (ภาพนิ่ง) / กิตติกร เลียวศิริกุล (ออกแบบงานศิลป์) / พูนทรัพย์ บัวเลียง (กำกับศิลป์) / ธวัชชัย เติมสุข (ผู้ช่วยผู้กำกับศิลป์) / เวชยันต์ สุภาพ, นิรัน สุขยิ่ง (ศิลปกรรม) / บุญทรง ศรีพิทักษ์ (สตอรี่บอร์ด) / น้ำผึ้ง โมจนกุล (ออกแบบและจัดทำเครื่องแต่งกาย) / ทิวาพร แสงอุทัยวัฒนา, วสันต์ ฝอยทับทิม (ผู้ช่วยจัดทำเครื่องแต่งกาย) / อดิช เยี่ยมฉวี (แต่งหน้า) / รุ่ง ยินดี (ทำผม) / ชาญศักดิ์ ลีลาเกษมสันต์ (วิดีโอแมน) / ธรรมเจริญ พรมพันธุ์, อมร ดวงทวีทอง, ชัช มณีพงษ์ (ทีมกล้อง) / บริษัท มูนบีม อีควิปเม้นท์ จำกัด, บริษัท มุมกล้อง จำกัด (อุปกรณ์กล้อง) / สมศักด์ ศรีสวัสดิ์, บริษัท สเตดี้แคมแมน จำกัด (สเตดี้แคม) / บริษัท ซันไลท์ติ้ง แอนด์ กริ๊ป อีควิปเมนท์ จำกัด (อุปกรณ์ไฟ) / บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด (เทคนิคพิเศษด้านภาพ-เทคนิคฟิล์มแล็บ) / กันตนาฟิล์มแล็บ (ผสมเสียง) / วชิระ วงศาโรจน์ (ผู้ผสมเสียง) / สมศักดิ์ พิมพาลัย (ผู้ช่วยผสมเสียง) / บริษัท ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด (ฟิล์มภาพยนตร์)

บันทึกกรรมโปรดิวเซอร์

...ในยุคสมัยที่คำพูด "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เป็นเพียงคำพูดเชย ๆ ที่วัยรุ่นไม่พูดกันแล้ว "ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล" โปรดิวเซอร์ผู้ควบคุมงานสร้าง กล่าวถึงที่มาของ "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"

"ผมว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นที่ชอบของคนที่ชอบบอยแบนด์นะ น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบอัลเทอร์เนทีฟมากกว่า...

อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม เป็นหนังแปลกใหม่ มันส์ ๆ แต่ไม่ไร้สาระ ไอเดียแรกเริ่มเกิดจากประโยคที่เรียว-กิตติกร ผู้กำกับภาพยนตร์บอกว่า 'เฮ้ย เวรกรรมเดี๋ยวนี้มันตามทันเร็วนะ เดี๋ยวนี้มันใส่รองเท้าไนกี้กับเสื้อวอร์มวิ่งตามเราแล้ว แถมมันยังเอาไม้หน้าสาม ตีหัวเราด้วย' ผมมองว่า น่าจะเป็นหนังที่มีไอเดีย ดูสนุก แล้วก็มีประเด็นความดี ความชั่ว เล่าเรื่องให้ร่วมสมัย ยียวนได้ คือบางทีสาระไม่จำเป็นต้องพูดแบบเศร้าสร้อยหรือเป็นวิชาการก็ได้ อย่างพระมาเทศน์สวด ๆ เนี่ยเราไม่ฟังหรอก แต่ถ้าพระพยอมมาพูดเนี่ยมันสนุก หรืออย่างหลวงพ่อคูณมาโขกโป๊ก ๆ เนี่ย มีสีสัน คนสนใจขึ้น...

จะเรียกว่า ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็ใช่นะ โดยเนื้อหา 'อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม' อาจจะดูเข้ม แต่เราบรรจุหีบห่อใหม่ แล้วมุ่งสื่อสารกับคนกลุ่มที่ไม่สามารถยกเอาพระไตรปิฎกมาพูดด้วยได้ น่าจะเหมาะกับพวกที่ชีวิตมีอิสระ ผมว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มใหม่ในสังคมช่วงนี้นะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ มีสาระในชีวิตมากขึ้น แต่ดำรงชีวิตอย่างสนุกด้วย...

งานหนักของ 'อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม' คือ การคัดเลือกนักแสดงยากมาก เพราะว่าเราต้องการเด็กวัยรุ่นที่มีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว คือคนที่หลุกหลิกแล้วดูเท่ห์แบบมีตัวตนเป็นคนจริง นี่มันหายาก แล้วเด็กที่ดูไม่แคร์วัตถุนิยมเนี่ยยิ่งมีน้อยมาก ก็มาได้ โจ๊ก–แจ็ค ซึ่งตามโจทย์ อยากให้ 'อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม' เป็นหนังอารมณ์กวน ๆ น่ารัก น่ากระทืบ เป็นทางเลือกใหม่ให้ลองดูกัน"

บันทึกกรรมผู้กำกับ : เรียว – กิตติกร เลียวศิริกุล

[18-80 เพื่อนซี้ ไม่มีซั้ว (2542), ปาฏิหาริย์โอม-สมหวัง (2542), Goal Club เกมล้มโต๊ะ (2544), พรางชมพู (2545), เดอะ เมีย (2548), อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม (2548)]

"จริง ๆ แล้วอหิงสา เกิดจากความอยากเล่าของตัวผมเอง" ผู้กำกับฯ เรียว-กิตติกร เปิดใจถึงแรงบันดาลใจที่มาเป็นภาพยนตร์ "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"

"ผมเชื่อว่า สมองของเราบันทึก สะสมอะไรไว้มากกว่าที่เรารู้ตัว มีสมองส่วนที่เราไม่ค่อยได้ใช้มันอยู่อีก ก็เลยสนใจตรงนั้นขึ้นมา ก็พัฒนาเล่าเรื่องชีวิตจิ๊กโก๋คนหนึ่ง มันโดนเวรกรรมตามสนองด้วยการไล่ฟาดกบาล...

หนังเรื่องนี้ เราพยายามสร้างตัวละครให้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง สร้างตัวละครมาก่อน และใช้สไตล์การเล่าเรื่องมารองรับ ในแง่การทำงานของผม 'อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม' เป็นงานที่ได้ทดลองหาอะไรใหม่ ๆ ทั้งแง่เนื้อหา ที่เป็นเรื่องที่เราอยากเล่าและแง่การทำงาน วิธีการใหม่ ๆ ทำงานด้วยตัวแปรใหม่ ๆ ทั้งวิธีการ ตัวละคร และการเล่าเรื่อง เช่น หยิบสไตล์ดีไซน์ยุค 70 มาผนวกกับโลเคชั่นทะเลหัวหิน บางแสน ตรอกซอกซอย ด้วยลุค ดีไซน์แสง สี สไตล์ยุค 70 ส่วนดนตรีประกอบ โดย 'โป่ง -ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ แห่งวง หิน เหล็ก ไฟ'...

นักแสดงที่เลือกมาจะเน้นหาคนที่มีเอกลักษณ์ บางคนที่เราเลือกมา ไม่ใช่นักแสดงอาชีพ พวกเขามีวิธีการที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองมาก วิธีที่จะกำกับฯ คือ ต้องให้นักแสดงมีความเชื่อก่อน แต่พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเชื่อใจผมนะ เขาเชื่อในสิ่งที่เขาทำ

อย่างที่บอก หนังเรื่องนี้เกิดจากความอยากเล่า ตัวหนังจะไม่ชี้นำใด ๆ เพราะถ้าชี้นำ ก็แปลว่า ผมโม้สิ ผมรู้ได้ไงว่า เวรกรรมชาติปางก่อนมีจริง ผมเลยไม่ฟันธงว่า ทางไหน ขอแค่เปิดประเด็นให้ทุกคนเลือกเอง"



นักทำกรรม

อหิงสา : แจ๊ค บริวัตร อยู่โต - 22 ปี (2544-Goal Club เกมล้มโต๊ะ, 2545-พรางชมพู, 2546-คลับซ่าส์ ปิดตำราแสบ, 2548-อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม)

...จิ๊กโก๋หนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง เกิดมาในยุคสมัยที่โลกหมุนเร็วรี่ด้วยไฮ-สปีดอินเตอร์เน็ต อหิงสาทำงานเป็นดีเจ ในบาร์ ถนัดชีวิตปาร์ตี้ ใช้ชีวิตสุดขั้วอยู่ในหมู่เพื่อนเพี้ยน ๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่ออหิงสาต้องเผชิญหน้ากับ "เวรกรรม" ตัวเป็น ๆ หัวสีแดง

...ลูกไล่ใน ภาพยนตร์ "Goal Club เกมล้มโต๊ะ" หนึ่งในนักแสดงเด็กปั้นของผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร พลิกบทบาทเป็น "แจ๋ว" กะเทยน่ารักใน "พรางชมพ" ผ่านงานพิธีกรรายการทีวี พิธีกรภาคสนามมาไม่น้อย และพิธีกรประจำรายการ T-UNITED แต่โดดเด่นทุกครั้งที่ร่วมงานกับผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร "อหิงสา" เป็นการรับบทนำครั้งแรกของ "แจ๊ค"

"ตัวอหิงสา จะเป็นจิ๊กโก๋ที่หลอน ๆ ชีวิตเจอะเจอกับไอ้เวรกรรมแล้วไม่รู้ว่า มันเป็นอะไร มันมาทำไม แรก ๆ ก็หนีมัน แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้น ก็ต้องหันมาสู้ซะเลย"

"แจ๊คเชื่อเรื่องเวรกรรมนะ เราทำไม่ดีกับใคร วันหนึ่งอาจจะต้องเจอกลับมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง สมมุติเราเคยมีเรื่องกับใคร ถ้าเรายังยึดคิดอยู่ มันก็อาฆาตกันไปเรื่อย ๆ ถ้าเราผิด เราก็ขอโทษ

มันก็ดี ทำให้เราลืมเรื่องเก่า ๆ ไปได้ ไม่ต้องไปจมอยู่กับอดีตที่เคยทำไว้ เราจะรับเรื่องปัจจุบัน-อนาคตต่อไปได้ อย่างปัจจุบันถ้าเราอยู่ได้ รับได้เราก็อยู่ในอนาคตต่อไปได้ แจ๊คเชื่อของแจ๊คแบบนี้"


เวรกรรม : โจ๊ก ธีรดนัย สุวรรณหอม - 24 ปี (2544 -Goal Club เกมล้มโต๊ะ, 2545-พรางชมพู, 2547-คน ผี ปีศาจ, 2547 -เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์, 2548-โรงเตี๊ยม, 2548-อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม)

...ไม่ได้เป็นเพื่อน ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แต่ไอ้เวรกรรม หน้าตากวนประสาท แต่งตัวจิ๊กโก๋ตนนี้ ตามติดคอยกวนใจหาเรื่อง อหิงสาอยู่เรื่อย พูดจามีเล่ห์นัยอยู่ตลอด แล้วใครจะไปเข้าใจมัน (วะ)

...ไม่ใช่แค่นักแสดงคู่ใจของผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร แต่ "โจ๊ก" เป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหม่ที่โดดเด่นของวงการหนังไทย ทั้งบุคลิกภาพส่วนตัวที่เก็บตัว ดูแปลกแยก เป็นนักแสดงที่ถ่ายทอดการแสดงที่ลึกซึ้งภายใต้บุคลิกดิบ ๆ จิ๊กโก๋ยียวนได้ชัดเจน "โจ๊ก" จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ของตัวคาแรคเตอร์ "ไอ้เวร" ใน "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม" อย่างสมบูรณ์

"เวรกรรมน่ะ โจ๊กเจอบ่อย แล้วยังต้องเจออีกเพียบด้วย"


อุโฆษ : อ๊อฟ ปริญญา งามวงศ์วาน - 23 ปี (2544-Goal Club เกมล้มโต๊ะ, 2545-พรางชมพู, 2548-เดอะ เมีย, 2548-อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม)

...เพื่อนสนิทคู่หู อหิงสา แต่ “อุโฆษ” ถึงจะแต่งตัวเพี้ยนๆ คบเพื่อนบ๊องส์ๆ แต่ก็เป็นจิ๊กโก๋จิตใจดี ใจบุญ ชอบทำบุญทำทาน อธิษฐานขอพร รักเพื่อน มองโลกแง่ดี รักเสียงเพลงตามประสาดีเจ

...หนึ่งในนักแสดง "Goal Club เกมล้มโต๊ะ" ที่เติบโต พัฒนาบทบาทตามวันและเวลา อ๊อฟ กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร อีกครั้งใน "เดอะเมีย" กับการต้องเล่นประกบกับนักแสดงรุ่นพี่มืออาชีพมากมาย ทำให้มีโอกาสพัฒนาฝีมือทางการแสดง และในเรื่องนี้ อ๊อฟได้รับบทบาทที่ท้าทายกว่าเดิม และเปลี่ยนไปตามวัยที่เติบโตขึ้น ในบทจิ๊กโก๋ชื่อ "อุโฆษ" เพื่อนซี้ของ "อหิงสา”"

“อุโฆษเป็นคนจิตใจดีนะ ชอบคิดดีๆ ชอบทำบุญ ทำทาน แล้วก็เฝ้ารอว่า เมื่อไรชีวิตจะได้ดังใจหวัง”

"อ๊อฟไม่ค่อยเชื่อเรื่องเวรกรรม ส่วนตัวอ๊อฟแยกกันนะ เรื่องจิตใจกับผลตอบแทนของมัน มันอยู่ที่ตัวเรา บางทีเราก็ทำไม่ดีแหละ แต่มันไม่รู้สึกผิด บางคนมันรู้สึกดีที่ทำเลวด้วยซ้ำ อ๊อฟเลยแยกผลตอบแทน มันเป็นเรื่องภายนอก มีทั้งเรื่องกฎหมาย สภาพสังคม แต่เราจะไปคิดอะไรอยู่ข้างในใจมันเป็นอีกเรื่อง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เราทำเรื่องโหดร้ายไป เราก็ต้องไม่สบายใจ เป็นธรรมดา แล้วมันอาจจะเป็นกรรมของเราก็ได้ คนสมัยนี้มันเลวกว่านั้นไง คนที่ฆ่าคนแล้วรู้สึกเฉยๆ ก็มี คนมันชั่ว มันก็จะไม่มีกรรมตามมาในใจไง อ๊อฟเชื่ออย่างนี้ครับ กรรมมันเป็นผลพลอยได้มากกว่า ไม่เชื่อว่า กรรมจะตามมาเป็นรูปธรรม ไม่มีทางที่จะมาวิ่งตามกันเห็น ๆ"


ไอน์สไตน์ : จอนนี่ อันวา (2539-เด็กระเบิด ยืดแล้วยึด, 2548-อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม)

 

...เพื่อนสนิทของอหิงสา มนุษย์สติเฟื่องตัวจริง พูดพร่ำปรัชญา ทฤษฏีทั้งวัน ใครจะไปรู้ ไอน์สไตน์ อาจจะเป็นอัจฉริยะตัวจริง ผู้ไขปริศนาเรื่องเวรกรรมก็เป็นได้

...จากนักร้องเพลงป็อป แดนซ์ วัยเด็ก เคยฝากบทบาทการแสดงที่น่าประทับใจในบทหนุ่มน้อยสุภาพบุรุษสุดแสบ ในภาพยนตร์ "เด็กระเบิด ยืดแล้วยึด" เมื่อปี 2539 ปัจจุบันจอนนี่เติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ปรับเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์ และผลงานเพลง แถมผลงานเพลงยังคว้ารางวัล สีสัน อวอร์ด ล่าสุด กลับมารับบท "ไอน์สไตน" เพื่อนเจ้าปัญญาของอหิงสา

"ไอน์สไตน์เป็นตัวละครที่พยายามอธิบาย ชอบพูดให้ตัวเองฟัง คิดเอง พูดเองไปเรื่อย ๆ ความคิดของมันออกมาทางปาก เหมือนเสพความคิดตัวเอง เสพความฉลาด ความรู้มากกว่าใคร ที่มันพร่ำพูดไม่ใช่ว่า ป่วย มันเป็นคนที่เรียงความคิดตัวเองไประหว่างพูด ตัวไอน์สไตน์นี่พูดทุกอย่าง มีเหตุผลหมด ทุกคำมีความหมาย เพราะไอน์สไตน์คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ"

"อหิงสา เหมือนเป็นหนังถ่ายทอดความคิดใหม่ในยุคนี้ แต่ความหมายในหนังเรื่องนี้มันโบราณมาก 2500 ปีที่แล้ว เขาก็มีแล้ว แต่เรื่องนี้พี่เรียวเขาเอาวิทยาศาสตร์มาคอนเฟิร์มศาสนาพุทธ เรื่องกรรม เรื่องเวียนว่ายตายเกิด มันรองรับกันได้ หนังเรื่องนี้ก็พ้องกับความเชื่อพื้นฐานของผมอยู่บ้าง เพราะผมนับถือศาสนาพุทธ แต่อาจจะไม่ได้เคร่งมาก"


พัทยา : แอ๊นท์ ธรัญญา สัตตบุศย์ - 33 ปี (2548-เดอะเมีย, 2548-อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม)

...คุณหมอสาวสวย ฝีมือดี เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ต้องมาเจอกับจิ๊กโก๋อาการประหลาดอย่าง "อหิงสา" เมื่อความเป็นห่วงคนไข้ รวมกับความรู้สึกผูกพันประหลาด พัทยาพาตัวเองเข้าไปใกล้อหิงสา เกินกว่าจะทันรู้ตัว

...นางแบบชื่อดังค้างฟ้าเมืองไทย ยอมสลัด รองเท้าส้นสูง ทางเดินแคทวอล์ค มาเข้า กล้องภาพยนตร์เป็นครั้งที่สอง ต่อจาก "เดอะเมีย" ภาพยนตร์แอ๊คชั่นลูกผู้หญิง ของ เรียว-กิตติกร ผู้กำกับคนเดิม ในบทบาทที่แตกต่างจากชีวิตจริง แต่ผู้กำกับฯ กระซิบว่า แอ๊นท์มีปฏิกิริยาหน้ากล้องที่น่าสนใจ แถมดูน่าเชื่อถือดูเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อีกต่างหาก

"พัทยาจะเป็นคนพยายามควบคุมทุกอย่าง เธอเรียนเก่ง เธอเป็นหมอ ที่คิดจะควบคุมทุกอย่างแต่คุมไม่ได้เลย พยายามทำตัวเป็นหญิงมั่น รักษาสถานการณ์ แต่มาเจอเรื่องแบบนี้ก็ประสาทกินไปเลย คือ ภายนอกดูมั่นๆ แต่ลึกๆ ก็หวั่นๆ"

"กรรมมันแปลว่า การกระทำ แอ๊นท์เชื่อเรื่องของการกระทำ แต่แอ๊นท์เชื่อเรื่องของการเกิดขึ้นเลย ไม่ใช่แบบชาติที่แล้ว แต่เกิดเดี๋ยวนั้น ณ ปัจจุบันนั้น อย่างเราพูดไม่ดีออกไป พูดด้วยอารมณ์ แป๊บเดียว เดี๋ยวต้องเจอกับตัวเองเลย คือ เราต้องทุกข์ใจ 'อหิงสาฯ' เป็นหนังที่พูดถึงประเด็นเรื่องเวรกรรมได้วัยรุ่นมาก แอ๊นท์คิดว่า หนังมีความสนุก น่าสนใจ มีตัวเรื่องน่าติดตามด้วย ไม่ใช่แค่น่าสนใจ แต่ถึงขั้นเปรี้ยวเลยแหละ มีความทันสมัย เป็นวัยรุ่น มีประเด็นที่ใกล้ ๆ ตัวเราจนไม่ได้มานั่งนึก ความตลกร้ายของมันมีอยู่ด้วย เป็นอะไรที่วัยรุ่นน่าจะสนใจ หรือคนที่มีจิตใจเป็นวัยรุ่นก็ได"


มารุต : ปูน กิรเดช เกตกินทะ

...นายตำรวจหนุ่มมาดดี เป็นแฟนของคุณหมอพัทยา ใครๆก็มองว่า คุณตำรวจกับคุณหมอสมกันดีเหลือเกิน ทั้งภาพลักษณ์รูปร่างหน้าตา และสถานภาพทางสังคม

...มือกลองฝีมือดีแห่งวงดนตรี "สี่เต่าเธอ" ผ่านงานวงการแสดงมาแล้วหลากหลาย เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากงานหนังโฆษณา และภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังรับบทเป็นเจ้าสำนักกลองพญายม มือกลองสุดยอดฝีมือในภาพยนตร์ "ทวารยังหวานอยู่" นอกจากบทบาทการแสดงหน้ากล้องแล้ว หลังกล้องยังมีผลงานกำกับภาพยนตร์วัยรุ่นทะลึ่งทะเล้น เรื่อง "จ.เจี๊ยวจ๊าว" อีกด้วย

"มารุตเป็นตำรวจที่ส่วนใหญ่จะถูกมองว่า มีหน้าที่ต้องรักษาความยุติธรรม แต่มารุตเป็นตำรวจที่เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องกับหน้าที่ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด แทนที่จะดี กลับไม่ดี ซึ่งก็น่าสนใจ ถ้าให้แสดงเป็นตำรวจดี ๆ บทนี้ก็คงไม่น่าสนใจ"

"ส่วนตัวผมเชื่อเรื่องเวรกรรมนะ แต่ไม่คิดว่าจะออกมาวิ่งไล่ตีหัวใครแบบนี้ เคยเจอกับตัวเองเหมือนกัน บางทีเราไม่รู้ตัว กลุ้มอยู่นั่นแหละ ก็มาคิดได้ว่า เวรกรรมเก่ามันตาม ก็ไม่มีทางเลือก เราก็ต้องทำความดีกันต่อไป 'อหิงสาฯ' เป็นหนังไทยที่แปลกแหวกแนวออกมา เรื่องแปลก ไอเดียสนุก เล่นกับความเป็นไทย ๆ กฎแห่งกรรม ซึ่งผมมองว่า มีความเป็นออริจินัลต้นแบบ และโดดเด่นในแง่ที่หนังไทยไม่ค่อยมีแบบนี้ ต่างประเทศยิ่งไม่ค่อยมี แล้วดูไม่ยากด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะสนับสนุน แค่อารมณ์แปลกใหม่ ที่จะพรีเซ้นท์ให้คนดูได้รับรู้"


อู๊ดดี้ : ไพฑูรย์ ไหลสกุล (อั๋น คนหน้าขาว)

...จิ๊กโก๋รุ่นใหญ่ พ่อค้ายาที่ไม่เคยคิดอะไรไกลกว่าตาเห็น เป็นคนเพี้ยน ๆ ไม่เคยคิดลึก ไม่สนใจเรื่องทำดีทำชั่ว สนใจอยู่แต่ความต้องการของตัวเอง ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้ รักใครชอบใครต้องเอามาเป็นของตัวให้ได้ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ !!!

...ผู้ชมส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ อั๋น ไพฑูรย์ ในชื่อ "คนหน้าขาว" นักแสดงละครใบ้สุดยอดฝีมือของไทย ฝากผลงานการแสดงสด ๆ หน้าเวทีระดับชาติมานับไม่ถ้วน แต่เพิ่งใจอ่อนรับงานแสดง นอกคาแร็กเตอร์คนหน้าขาว มาร่วมแสดงฝีมือในการแสดงภาพยนตร์เต็ม ตัวครั้งแรกใน "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"

"ผมเชื่อเรื่องเวรกรรมนะ เชื่อในผลพวงของสิ่งที่เราทำ ณ วันนี้มันจะมีถึงปีหน้า ชาติหน้า มันต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ มองว่า กรรมมันเป็นโซ่ มันไม่ได้กลับคืนมาแบบตรง ๆ แต่มันจะคืนมาอีกแบบ สะท้อนต่อเนื่องกันไป ทำดีจะสะท้อนกลับมา ทำชั่วสะท้อนกลับมา บางคนสงสัยคนชั่วทำไมรวย ก็มันยังสะท้อนกลับมาไม่ถึง มันยังล้ม ๆ ยังวนไม่ถึงตัวคนนั้น ระหว่างที่รอกรรมวนกลับมาก็จะเห็นว่ามีความสุขดี บางทีเราก็ไม่รู้หรอก ว่าสภาวะทุกข์สุขมันเป็นไง"

...เบื่อหน่ายกับการทำความดีใช่ไหม? ทำบุญก็ไม่เคยได้ดั่งใจอธิษฐาน?

...ผู้คนทำชั่วกันทุกวัน ก็ไม่เห็นเป็นไร ใช่ไหม? คิดล่ะซิว่า "เวรกรรม" ไม่มีจริงร้อก

...ไม่แน่นะ เวรกรรมสมัยนี้ อาจแฟชั่นจ๋า อ็อพชั่นเพียบ พกมือถือรุ่นล่าสุด รองเท้าไนกี้แพงระยับ แต่งตัวเด็กแนวซะยิ่งกว่าคุณอีก

..."อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม" ภาพยนตร์สำหรับผู้มี "เวรกรรม"...แต่ยังไม่เคยเจอ "ไอ้เวร" นี่จริง ๆ

...หนนี้ เจอกันแน่ !!

 



อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม : เวรกรรมของใครของมัน เขียนโดย ไพศาล ธีรพงศ์วิษ  

เสาร์, 03 กันยายน 2005***บทวิจารณ์จาก FLICKS นี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาเรื่องราวเกือบทั้งหมด หากไม่ต้องการทราบก่อนชมหนัง (ฉายวันที่ 20 ตุลาคมนี้) โปรดหลีกเลี่ยง***

...ในท่ามกลางกระแส "ต้มยำกุ้ง" ฟีเวอร์ ค่าย RS ได้ปล่อยงานหนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับหนุ่ม เรียว กิตติกร ออกสู่สายตาคอหนังเมืองไทยเป็นลำดับต่อมา หลังจากที่ "พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" ทำเงินไปแล้วราว 70 ล้านบาท หนังเรื่องที่ว่าก็คือ "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"

...พิจารณาจากชื่อเรื่องแล้ว คาดเดาได้ไม่ยากว่านี่ต้องเป็นหนังวัยรุ่นอย่างแน่นอน ถูกต้องแล้วครับ นี่เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นคนหนึ่ง และผองเพื่อนคนใกล้ชิดอีกหลายคน แต่ถ้าคุณได้ดูหนังทั้งเรื่องจบลงแล้ว ผู้ชมจะพบความจริงว่า นี่ไม่ใช่หนังวัยรุ่นหวานแหวว ไม่ใช่หนังวัยรุ่นขายขำ ที่เน้นเสนอมุกตลกเฮฮาบ้าบอ หากแต่นี่เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับด้านมุมที่หม่นมัวของชีวิตวัยรุ่น ที่บอกได้ว่าดำเนินไปอย่างเข้มข้น หนักหน่วงรุนแรง บรรยากาศที่ห่มคลุมหนังเรื่องนี้ แม้ไม่ถึงขนาดเคร่งเครียดอึดอัด แต่ก็จัดอยู่ในโทนที่เคร่งขรึมพอสมควร

...ว่าไปแล้ว บรรยากาศเรื่องราวที่ผู้กำกับฯ เรียว ถ่ายทอดนำเสนอผ่านงานชิ้นล่าสุดของเขาคราวนี้ ค่อนข้างใกล้เคียงกับโทนหนังเรื่อง "Goal Club เกมล้มโต๊ะ" ผลงานชิ้นที่ 3 ของเขา ที่สร้างในปี พ.ศ. 2544 ภายใต้สังกัดฟิล์มบางกอก อยู่ไม่น้อย

...เรื่องราวเริ่มต้นและจบลงที่วัยรุ่นชื่อ "อหิงสา" (บริวัตร อยู่โต) ผู้ใช้ชีวิตเป็นดีเจอยู่ในบันเทิงสถานเปิดโล่งแห่งหนึ่ง ซึ่งมี "ไอน์สไตน์" (จอนนี่ อันวา) ชายหนุ่มผู้ชอบนั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้าเป็นเจ้าของ และมีเพื่อนร่วมห้องชื่อ "อุโฆษ" (ปริญญา งามวงศ์วาน) เป็นเพื่อนร่วมงานในตำแหน่งดีเจเช่นกัน

...อหิงสาใช้ชีวิตตามวิถีทางที่เขาเลือกอย่างเป็นอิสระ ทุกกิจกรรมดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างเป็นปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไอน์สไตน์แนะนำให้เขาและอุโฆษได้รู้จักกับเม็ดยาสีขาวบรรจุในหลอดพลาสติกใสหลอดเล็ก ๆ ซึ่งเขาก็ไม่รีรอที่จะกลืนกินลงท้องไปอย่างง่ายดายเลย แล้วหลังจากนั้นไม่นาน วัฏจักรชีวิตของจิ๋กโก๋ชื่ออหิงสา ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง พร้อม ๆ กับที่มีปรากฏการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นตามมา ที่สำคัญและส่งผลกระทบกับชีวิตของเขามากที่สุด คือการที่มีภาพเหตุการณ์ของอนาคต ผ่านเข้ามาให้เขาได้รับรู้ล่วงหน้าอยู่เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะกับภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกับคนใกล้ตัวบางคน

...นอกจากนี้ ยังมีสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเกิดขึ้น นั่นคือการปรากฏตัวของวัยรุ่นชาย หน้าตายียวนชวนหาเรื่อง สวมใส่ชุดวอร์มสีแดงเถือก สวมรองเท้ากีฬาสีขาวสะอาด ไว้ผมสั้นย้อมเป็นสีแดงแบบเดียวกับเสื้อผ้าที่เขาใส่ พร้อมกับแนะนำให้อหิงสาได้รู้จัก ว่าเขาคือ "กรรม" ของอหิงสา

...อหิงสารู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ถูกชะตากับชายชุดแดงพูดจากวนอวัยวะเบื้องต่ำของเขาเป็นยิ่งนัก จึงไม่ให้ความสนใจใด ๆ แล้วรีบเดินผละจากมา แต่ทันทีทันใดนั้น "กรรม" (ธีรดนัย สุวรรณหอม) ก็คว้าขวดน้ำมาจากเคาน์เตอร์บาร์ แล้วใช้มันหวดกระหน่ำลงกลางกบาลของอหิงสาเต็มแรง จนขวดทั้งใบแตกกระจาย ส่งผลให้ร่างสูงโปร่งของอหิงสาล้มคว่ำลงกระแทกพื้นและไปฟื้นคืนสติอีกทีในตอนสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้น เพื่อพบตัวเองหลับสนิทอยู่บนเตียง โดยไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องอย่างอุโฆษเป็นคนแบกร่างอ่อนระทวยของเขากลับมาที่บ้านตั้งแต่เมื่อไร?

...อหิงสางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นึกว่าตัวเองเพียงฝันร้ายในยามหลับเท่านั้น แต่เมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงสด ซึมซ่านเป็นดวงโตอยู่บนหมอนใบเดิมของตนเอง ฉับพลันนั้น เขายิ่งมึนงง ปวดหัวตุบ ๆ ทั้งจากพิษบาดแผลเพราะถูกไอ้บ้าคนหนึ่งฟาดตีเข้าจัง ๆ และสับสนกับเหตุการณ์ที่ตัวเองเพิ่งประสบมา

...ครั้นเดินทางไปให้หมอที่โรงพยาบาลรักษา หญิงสาวในชุดแพทย์ ซึ่งนั่งประจันหน้าอยู่ฝั่งตรงกันข้ามภายในห้องตรวจ ก็ยิ่งเพิ่มความงุนงงสงสัยให้มีมากขึ้นอีก เพราะเขาพบว่าแพทย์สาวชื่อ "พัทยา" (ธรัญญา สัตตบุศย์) คนนี้ เป็นคนเดียวกับสาวชุดแดงที่กรีดกรายเยื้องย่างอยู่บนลานเต้นดิ้นของบันเทิงสถาน ซึ่งเขาทำงานเป็นดีเจเปิดแผ่นอยู่ที่นั่น และสาวชุดแดงคนนั้นคล้ายกับได้ทอดสะพานแสดงทีท่าเย้ายวน ให้ความสนใจต่อตัวเขา ก่อนจะหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นไอ้คุณเวร "กรรม" ชุดแดงก็โผล่มา!


 ...พออกจากโรงหมอ ก็ดันเจอเจ้าเวร "กรรม" โผล่มากวนอารมณ์ให้หงุดหงิดขุ่นมัว ก่อนจะมีภาพของอุโฆษนอนตายจมกองเลือดอยู่ที่บ้านพัก ทั้ง ๆ ที่วินาทีถัดมา อุโฆษก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้องน้ำในชุดนอนสีแดงแบบผู้หญิงสุดเพี้ยน

...ยิ่งมา...อหิงสาก็ยิ่งสับสนงุนงง ไม่เข้าใจว่าภาพต่าง ๆ ที่เขาได้เห็นนั้น...คืออะไรกันแน่ แล้วไอ้เวร "กรรม" ชุดแดงนั่น...คือใคร ทำไมต้องคอยเกาะติดเฝ้าตามเขาแบบไม่มียั้งอยู่เป็นครั้งเป็นคราว ล่อจนอหิงสาน่วมไปทั้งตัว หรือทั้งหมดนี้เป็นผลหลอนจิตจากเม็ดยาที่เขาเสพกินเข้าไป

...ยังไม่ทันที่อหิงสาจะได้คำตอบใด ๆ เกี่ยวกับภาพบ้าบอคอแตกทั้งหลายที่ตัวเองได้เห็น พลันก็มีภาพหมอสาวถูกยิง ร่างลอยละลิ่วเบาหวิวอยู่ในอ้อมกอดความตาย จนไม่นาน เขาก็พบว่าภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับอุโฆษ ซึ่งผ่านเข้ามาให้เขาได้เห็นก่อนหน้านั้น มันไม่ใช่เพียงภาพหลอนเท่านั้น แล้วภาพความตายของหมอพัทยาล่ะ เขาจะจัดการกับมันอย่างไรดี ถ้าหากทั้งหมดคือภาพแห่งการชดใช้กรรมของคนแต่ละคน

...ซึ่งในที่สุด ผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร ก็เฉลยผลลัพธ์ให้คนดูได้รับรู้ ว่าเหตุการณ์เรื่องราวทุกอย่างในชีวิตคนเรา หรือของตัวละครในหนังเรื่องนี้ ล้วนถูกลิขิตไว้หมดแล้ว จึงไม่มีใครสามารถลบล้าง หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขใด ๆ ได้ สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ดีที่สุด ก็เพียงแค่เตะถ่วง หรือยืดเวลาให้ "ลิขิต" ของชีวิตนั้น ลงมือให้ดอกผล ทำตามหน้าที่ของมันล่าช้าลงไปบ้าง...เท่านั้นเอง

..."กรรม" จึงเป็นเสมือนตัวแทนของ "เวรกรรม" ที่จะคอยตามชำระการกระทำของคนทุกคน แต่ละคนก็จะมีเจ้ากรรมนายเวรเป็นสมบัติเฉพาะตัว ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้

...ประเด็นหรือเนื้อหาที่หนังเรื่องนี้กำลังบอกเล่าแก่ผู้ชม คงรวมอยู่ในประโยคที่เรียวได้แจกแจงไว้ในจดหมายข่าว ซึ่งระบุว่า..."เวรกรรมเดี๋ยวนี้มันตามทันเร็วนะ มันใส่รองเท้าไนกี้กับเสื้อวอร์มวิ่งตามเราแล้ว แถมมันยังเอาไม้หน้าสามตีหัวเราด้วย"

...ถ้าวิเคราะห์คำพูดดังกล่าวตามคำเทศน์ของท่านพุทธทาสที่ผมเคยอ่านเจอ ประมาณว่า..."กรรมก็คือการกระทำ" ด้วยแล้ว เวรกรรมก็มิใช่อะไรอื่นใด นอกจากจะเป็นผลจากการกระทำของเราแต่ละคนนั่นเอง เราทำอะไรลงไป ก็ย่อมได้รับผลตามการกระทำเหล่านั้น เพียงแต่ว่าผลจากการกระทำของเรา มันคงมิได้ให้ผลลัพธ์ตรงไปตรงมาแบบผลลัพธ์ตามหลักวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ที่ 1+1 ต้องเป็น 2 เสมอไป เพราะเวรกรรมอาจให้ผลของ 1+1 เป็น 1 หรือ 1+1 เป็น 4 เป็น 5 เป็น 10 ก็ย่อมได้

...แม้หนังจะดำเนินเรื่องโดยมีตัวละครสมมติอย่าง "กรรม" ซึ่งสวมชุดวอร์มสีแดง ที่ค่อนข้างจะมีลักษณะเป็นแบบแฟนตาซีเล็กน้อย คล้าย ๆ แนวทางของ The Twilight Zone แต่บรรยากาศการเล่าเรื่อง ที่รวมไปถึงฉาก นิสัย หรือพฤติกรรมการกระทำ ตลอดจนการแสดงออกของตัวละครทั้งหมดที่ได้เห็นจากหนังเรื่องนี้ กลับให้ความรู้สึกที่เป็นจริงเป็นจัง สมจริงราวกับหนังกำลังนำชีวิตของวัยรุ่นในสังคมปัจจุบัน มาตีแผ่ให้เราได้ร่วมเป็นพยานรับรู้

...ถึงผู้กำกับฯ จะสอดใส่มุกตลกจากคำพูด จากการกระทำของตัวละคร แทรกแซมเข้ามาเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยลดบรรยากาศความเคร่งเครียดของตัวหนัง ให้มีทีท่าที่ผ่อนคลายลงบ้าง แต่เพราะสิ่งที่หนัง "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม" กำลังถ่ายทอดบอกเล่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ให้ความรู้สึกว่าจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครอย่าง อหิงสา อุโฆษ ไอน์สไตน์ อู๊ดดี้ พัทยา มารุต ที่ล้นมีตัวตนอยู่จริงในสังคมปัจจุบัน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น ต่างเดินเฉียดผ่านไปมาอยู่รอบตัวของพวกเราทุกวี่วัน ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งตัวละครสมมติเยี่ยง "กรรม"

...ขอขอบคุณบทวิจารณ์ "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม : เวรกรรมของใครของมัน" โดย ไพศาล ธีรพงศ์วิษ จาก FLICKS (คอลัมน์ FLICKSTICAL) ฉบับที่ 100 (26 ส.ค.-1 ก.ย. 254


Share this article :

แสดงความคิดเห็น