Home » » รัก/สาม/เศร้า

รัก/สาม/เศร้า



รักสามเศร้า

The Last Moment

กำกับโดย ยุทธเลิศ สิปภาค

เมื่อคนที่เรารัก…กลายเป็นคนรักของเพื่อน…ที่เรารักที่สุด

ในวันที่เรียน “จบ” 3 เพื่อนรัก กำลังมีรักระหว่างเพื่อน
เพื่อน สาม คน กับ ความสัมพันธ์ แสน เศร้า

ในวันที่เรียน “จบ”

3 เพื่อนรัก

กำลังมีรักระหว่างเพื่อน

19 มิถุนา น้ำตารินให้เพื่อนรัก

เพื่อน สาม คน กับ ความสัมพันธ์ แสน เศร้า

เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท พายุ

ดีเจหนุ่มจากรั้วมัณฑนศิลป์ ศิลปากร โดนหญิงทิ้ง ซวยถูกไฮโซรุมกระทืบในผับ

เขาหลงรัก ฟ้า

พีค – ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ รับบท ฟ้า

ดาวคณะ สวย รวย ปากร้าย อกหักเพราะแฟนที่อังกฤษนอกใจ

เธอรักเพื่อนทุกคนโดยเฉพาะน้ำ

ก้อย – รัชวิน วงศ์วิริยะ รับบท น้ำ

สาว เก๋ เท่ เฉี่ยว ซี้กับฟ้าชนิดสละให้เพื่อนได้ทุกอย่าง

แม้กระทั่ง พายุ ผู้ชายที่เธอแอบรัก

เรื่องราวความรักและการเสียสละให้เพื่อนในห้วงสุดท้ายของชีวิต

คงจะดีกว่านี้ ถ้าความรักของพวกเขาจะมีสองคนที่มีความสุข

และใครสักคนเป็นคนที่ต้องเศร้าแค่เพียงคนเดียว

รัก | สาม | เศร้า

…เรื่องราวของ “ฟ้า”, “น้ำ” และ “พายุ” บัณฑิตจบใหม่จากคณะมัณฑนศิลป์ เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสามต้องเลือกทางเดินของชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องความรัก ซึ่ง “ฟ้า” เลือกที่จะแต่งงานกับคนที่เธอรัก โดยยอมทิ้งงานในสายอาชีพที่เธอเพิ่งเรียนจบมา “น้ำ” เพื่อนสนิทของฟ้าเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เธอแอบมีให้กับพายุเพื่อจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ส่วน “พายุ” เพื่อนสนิทของฟ้าและน้ำเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เขาแอบมีให้กับฟ้าแล้วกลับไปอยู่กับแม่ดูแลกิจการโรงแรมที่เชียงราย

…แต่ในวันหนึ่ง ฟ้าต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน แล้วทุกคนก็ได้รู้ว่าฟ้าป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาและคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และในระหว่างที่ฟ้าต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว คนรักของฟ้าที่เธอวางแผนจะแต่งงานด้วยก็เกิดไปมีสัมพันธ์อื่น ฟ้าหมดสิ้นกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ในทันที ฟ้าจึงเลือกที่จะเลิกรักษาตัวเองและปล่อยให้โรคร้ายทำลายเธอโดยที่เธอไม่ยอมต่อสู้ใด ๆ ช่วงนั้นเองที่พายุตัดสินใจเลื่อนการกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงรายเพื่อเข้ามาอยู่ดูแลฟ้าในช่วงชีวิตสุดท้ายและในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้น ฟ้าถึงรู้ว่ารักแท้ที่เธอต้องการนั้นอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เพียงแต่เธอไม่เคยสังเกตเห็น ในช่วงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้นเองที่ฟ้ายอมเปลี่ยนความสัมพันธ์กับพายุจากเพื่อนมาเป็นคนรัก

…แต่เมื่อฟ้าเปิดหัวใจให้พายุ ฟ้ากลับบังเอิญได้พบความลับว่า น้ำเพื่อนรักของเธอนั้นแอบรักพายุคนนี้มานานนับปี หัวใจที่ฟ้าเปิดให้กับพายุจึงปิดลงทันที ฟ้าบอกลาพายุโดยไม่ได้บอกกล่าวหรืออธิบายให้พายุได้เข้าใจแต่อย่างไร ฟ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่เธอจะเอาหัวใจของพายุมาทั้ง ๆ ที่เธอมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ความรักที่มีค่าของพายุ มันน่าจะมีค่ากับน้ำมากกว่าคนที่กำลังจะตายอย่างเธอ

…ฟ้าเลือกที่จะหายไปจากชีวิตพายุและน้ำโดยมิได้บอกเหตุผลใด ๆ พายุต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์กับการจากลาของฟ้าโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รู้สาเหตุที่แท้จริง ความทุกข์ทรมานของพายุทำให้น้ำที่แอบรักพายุอยู่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย การเห็นคนที่รักทรมานเป็นสิ่งที่น้ำทรมานกว่า น้ำจึงตัดสินใจออกตามหาฟ้าไปทั่วทุกแห่ง

…น้ำได้เพียงแต่หวังภาวนาว่า ด้วยความเป็นเพื่อนรักระหว่างเธอกับฟ้า ขอให้มันมีค่าพอที่จะเปลี่ยนใจฟ้าให้หวนกลับมารักพายุได้อีกครั้ง

ทีมงานสร้าง : รัก-เศร้า-ซึ้ง (แนวภาพยนตร์) / จีทีเอช (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / มหาการพิคเจอร์ส (ดำเนินงานสร้าง) / ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / วิสูตร พูลวรลักษณ์, ยุทธเลิศ สิปปภาค, เช่นชนนี สุนทรศารกูล (อำนวยการสร้าง) / เอมอร ชนะภัย (ควบคุมงานสร้าง) / ยุทธเลิศ สิปปภาค (บท-กำกับภาพยนตร์), ประภพ ดวงพิกุล (กำกับภาพ) / ธวัช ศิริพงศ์ (ลำดับภาพ), บริษัท มหาการพิคเจอร์ส (คัดเลือกนักแสดง) / ศรายุทธ์ พุมเพรา (ออกแบบงานสร้าง) / คชา เรืองทอง (กำกับงานศิลป์), สิตา เยาวโสภา (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / สมอลล์รูม (ออกแบบเสียงและดนตรีประกอบ) / ไชยเชษฐ์ เศรษฐี (บันทึกเสียง)

นำแสดงโดย:

อารักษ์ อมรศุภสิริ…. พายุ 
ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ…. ฟ้า 
รัชวิน วงศ์วิริยะ…. น้ำ 

ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์

ผู้กำกับ

รัก | สาม | เศร้า หนังซึ้งที่เฝ้ารอ ในรอบ 10 ปีของ ต้อม-ยุทธเลิศ

ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับหนังชื่อดัง ใช้เวลากว่า 10 ปี บ่มเพาะประสบการณ์ เพื่อหนังรักสุดซึ้ง ที่จะกล่าวถึงความสัมพันธ์และความรักระหว่างเพื่อน เรื่อง “รัก | สาม | เศร้า” หลังจากเคยฝากผลงานภาพยนตร์แนวที่ 4 เรื่อง สายล่อฟ้า ประเดิมการเปิดตัวให้กับค่ายหนังอารมณ์ดี GTH เมื่อปี 2547 มาแล้ว ปีนี้ ยุทธเลิศ หอบความมุ่งมั่นและความตั้งใจเตรียมลุยงานเต็มที่กับหนังเรื่องที่ 8 แต่เป็นหนังเรื่องแรกที่เขาอยากทำมาตลอดชีวิต

รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ผมอยากทำตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำหนัง แต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักที จนเวลาผ่านไป 10 ปี คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ผู้บริหารของ จีทีเอช ถามผมว่ามีบทหนังแนวไหนที่อยากทำอีกมั้ย ผมเริ่มค้นหาตัวเอง แล้วถึงรู้ว่าเราอยากทำหนังรักซึ้ง ๆ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และเป็นหนังเกี่ยวกับคณะมัณฑนศิลป์ที่ผมเคยเรียน ซึ่งโจทย์สำคัญของผมคือ หนังแนวรักสามเส้า ส่วนใหญ่จะต้องจบลงด้วยความเศร้า แต่ รัก | สาม | เศร้า ของผม มันจะไม่เศร้าอย่างชื่อเรื่อง มันจะเป็นหนังซึ้ง ๆ แทน เป็นมุมมองความรักที่ผมอยากเห็น หนังรักทั่วไปอาจจะมีความโรแมนติก แต่คำว่าโรแมนติกใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นหนังของเพื่อน เวลาเพื่อนรักกันมันจะมีความลำบากใจมากกว่า ต้องคิดหนัก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน 3 คน ผมอยากทำหนังรักในอุดมคติที่จับต้องได้

สำหรับโปรเจ็คต์นี้ โจทย์ใหญ่ของมันคือต้องใช้นักแสดงหน้าใหม่ที่มีความสามารถทางการแสดงพอสมควร ทำให้ยากและใช้เวลากับขั้นตอนนี้ค่อนข้างเยอะ ผมเริ่มต้นจากการหาตัวพายุ พระเอกของเรื่องก่อน ซึ่งก็ได้ เป้ – อารักษ์ มารับบทนี้ เขามีบุคลิกภายนอกตรงกับตัวละครที่ผมเขียน และหลังจากมีโอกาสได้ดูผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา คือ บอดี้..ศพ#19 ผมรู้สึกว่าคนนี้คือ พายุ ในแบบที่ผมอยากจะให้เป็น คนต่อมาคือ พีค-ภัทรศยา รับบท ฟ้า ครั้งแรกที่เห็นเขา รู้สึกอยากจะปรับบุคลิกให้เปลี่ยนไป พอลองเทสต์ดูแล้วน้องเขาสามารถทำได้ดีจนภาพของ น้ำปั่น สาวสวยเซ็กซี่ ใน สายลับจับบ้านเล็ก แทบจะหมดไป ส่วน ก้อย – รัชวิน รับบท น้ำ หลังจากให้ลองมาแคสดู รู้สึกว่าเขามีความเก๋อยู่ในตัว และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครหลังจากอ่านบทได้ดี เวลาเราแคส เราไม่ได้แคสคนเดียว ต้องเอามาประกบกันทั้ง 3 คน เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่จะเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่แข็งแรงมาก และ 3 คนนี้ค่อนข้างกลมกลืนและทำให้ผมเชื่อว่า พวกเขาจะเป็นเพื่อนรักกันได้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมอยากทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เมื่อวันนี้โอกาสมาถึง ผมคิดว่าประสบการณ์การทำหนังที่ผ่านมา 7 เรื่อง น่าจะทำให้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาครับ”

“รัก | สาม | เศร้า” ความรักในจินตนาการ มุมมองด้านสว่างของ “ต้อม-ยุทธเลิศ”

“รัก | สาม | เศร้า” ภาพยนตร์รักเศร้า-ซึ้ง หนังรักด้านสว่างเรื่องแรก ของผู้กำกับ ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ที่สรรค์สร้างให้กับค่าย จีทีเอช ที่นำเอาความรักในจินตนาการผสมผสานกับประสบการณ์ชีวิต ปรับเปลี่ยนมุมมองความรักจากด้านมืด สู่ภาพยนตร์รักด้านสว่างของคำว่าเพื่อน กับการเสียสละความรักครั้งยิ่งใหญ่ที่อาจทำให้ต้องหลั่งน้ำตา

“ผมอยากทำ รัก | สาม | เศร้า ให้เป็นหนังรักที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนดู ใครที่คิดว่าความรักคือสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต หนังเรื่องนี้จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่สะท้อนให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ให้ได้เห็นมุมมองความรักของเพื่อนผู้หญิงที่มีต่อกัน ซึ่งเราหาไม่ค่อยได้ในหนัง หรือแม้กระทั่งในชีวิตจริง หนังเรื่องนี้ผมใช้ความเป็นธรรมชาติเข้ามาใส่ในหนัง ทั้งเรื่องการถ่ายทำ เราไม่ค่อยได้จัดแสง เราใช้แสงธรรมชาติ รวมถึงชื่อตัวละครในเรื่อง พระเอก-นางเอก ไม่ว่าจะเป็น น้ำ รับบทโดย ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ, ฟ้า (พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ), พายุ (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) รวมทั้งเราให้พวกเขาเล่นกันเอง ไดอะล็อค คำพูดต่าง ๆ ระหว่างเพื่อนให้ออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด และ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังรักเรื่องแรกของผมที่พูดถึงความรักในด้านสว่าง ในด้านสวยงาม เพราะทุกเรื่องที่ผ่านมาล้วนเป็นหนังรักในด้านลบ เพราะมันออกมาจากความคิดในแง่ลบ หนังจะมืด แต่เรื่องนี้เป็นมุมมองความรักในด้านบวก ทำหนังรักในแง่ดี สวยงาม นี่คือสิ่งแตกต่างจากทุกเรื่องที่ทำมา ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ทำให้มุมมองความรักของผมโตขึ้น ไม่เหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มุมมองความรัก ณ วันนี้ เรามองในมุมที่โตแล้ว มองด้วยความพอใจ และเข้าใจ มันจึงกลายเป็นความรักที่ไม่ทำร้ายใคร อยากให้ลองติดตามหนังเรื่องนี้ครับ ดูแล้วลองมองไปรอบ ๆ ตัวดูนะครับ เราอาจเคยเกิดความรู้สึกนี้ หรือเคยทำอะไรเพื่อเพื่อนเหมือนในหนังเรื่องนี้บ้างก็ได้ครับ”

พายุ: มึงเคยแอบชอบใครเปล่าว่ะ

น้ำ: เคย…

พายุ: ทำไมมึงไม่บอกเค้าไปเลยอ่ะ

น้ำ: ถ้าเป็นมึง มึงจะกล้าบอกป่ะล่ะ

หรือ

ฟ้า: ถ้ากูรู้สักนิด ว่ามึงคิดแบบนี้ กูจะไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ

น้ำ: กูยอมรับ…ว่ากูรักมัน แต่มันไม่ได้รักกู

…และ อีกหลายประโยคจี๊ดสัมพันธ์เพื่อน ที่จะถ่ายทอดผ่านความรักของเขาทั้งสามคน น้ำ ฟ้า พายุ เมื่อความรักที่เกินคำว่าเพื่อนก่อตัวขึ้นภายใต้ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักสามคน จะทำอย่างไรเมื่อคำว่า คนรัก มีพื้นที่พอสำหรับคนแค่สองคน

…จีทีเอช ซึ้งใจเสนอ ภาพยนตร์รักสุดซึ้ง “รัก|สาม|เศร้า” ผลงานลำดับที่ 8 ของผู้กำกับมาดกวน ยุทธเลิศ สิปปภาค หลังจากใช้เวลาบ่มความซึ้งมานานกว่า 10 ปี วันนี้ “รัก|สาม|เศร้า” ถือเป็นหนังรักรสนุ่มที่พร้อมเสิร์ฟให้กับคอหนังรักได้ลิ้มลองรสชาติความซึ้งของ รักที่เลือกไม่ได้ ระหว่างคนรัก กับ เพื่อนรัก ด้วยระยะเวลาและประสบการณ์ที่ผ่านมาของ ต้อม-ยุทธเลิศ คงจะบ่งชี้คุณสมบัติของพ่อครัวหนังรักหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ผลงานภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น คอมเมดี้ หรือสยองขวัญ ที่ผ่านมาของเขาจะสร้างเงิน ชื่อเสียง หรือแม้แต่กระแสสังคมได้เสมอ แต่ภาพยนตร์รักเรื่องนี้ คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาฝันอยากทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มอาชีพผู้กำกับ

รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ผมอยากทำตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำหนัง แต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักที จนเวลาผ่านไป 10 ปี คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ผู้บริหารของ จีทีเอช ถามผมว่ามีบทหนังแนวไหนที่อยากทำอีกไหม ผมเริ่มค้นหาตัวเอง แล้วถึงรู้ว่าเราอยากทำหนังรักซึ้ง ๆ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และเป็นหนังเกี่ยวกับคณะมัณฑนศิลป์ที่ผมเคยเรียน ซึ่งโจทย์สำคัญของผมคือ หนังแนวรักสามเส้า ส่วนใหญ่จะต้องจบลงด้วยความเศร้า แต่ รัก | สาม | เศร้า ของผม มันจะไม่เศร้าอย่างชื่อเรื่อง มันจะเป็นหนังซึ้ง ๆ แทน เป็นมุมมองความรักที่ผมอยากเห็น หนังรักทั่วไปอาจจะมีความโรแมนติก แต่คำว่าโรแมนติกใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นหนังของเพื่อน เวลาเพื่อนรักกันมันจะมีความลำบากใจมากกว่า ต้องคิดหนัก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน 3 คน ผมอยากทำหนังรักในอุดมคติที่จับต้องได้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมอยากทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เมื่อวันนี้โอกาสมาถึง ผมคิดว่าประสบการณ์การทำหนังที่ผ่านมา 7 เรื่อง น่าจะทำให้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาครับ”

…นอกจากความตั้งใจและรอคอยของผู้กำกับแล้ว “รัก|สาม|เศร้า” ยังอัดแน่นไปด้วย นักแสดงคุณภาพ ที่ ยุทธเลิศ เฟ้นหาเองกับมือด้วยความละเอียดทุกขั้นตอน “ก่อนที่นักแสดงนำจะมีว่าชื่อ น้ำ ฟ้า พายุ เราตีธีมของหนังเรื่องนี้ให้เป็นความรักในรูปแบบธรรมชาติ เหมือนดิน ฟ้า อากาศ ที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมมันได้ เหมือนความรักที่มนุษย์ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เช่นกัน เมื่อต้องการความรักในรูปแบบธรรมชาติปุ๊บ ชื่อของ น้ำ ฟ้า พายุ ก็ตามมา พอเราได้ชื่อของตัวละครแล้วแล้วคาแร็คเตอร์ก็จะถูกกำหนดด้วยชื่อของตัวละคร อย่าง พายุ ก็จะเป็นผู้ชายที่มีคาแร็คเตอร์เรื่อย ๆ ยังไงก็ได้ เพื่อนไปไหนไปด้วย เป็นคนที่อารมณ์ ศิลปิน เล่นดนตรี เล่นกีตาร์ แต่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นนักร้อง แล้วเขาจะเป็นคนที่เหมือนพายุจริง เวลาโกรธก็จะควบคุมอะไรไม่ค่อยอยู่ การทะเลาะวิวาทจึงเกิดขึ้นเสมอ เป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยมีอะไร แต่ว่ามีเรื่องอะไรก็ต่อยตีตลอด ค่อนข้างจะมีความเป็นผู้ชายสูงมาก ส่วนน้ำกับฟ้าจะเป็นเพื่อนสนิทกัน คาแรกเตอร์ของน้ำจะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บความรู้สึกของตัวเอง จนเพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าแอบชอบใคร รักใคร ส่วนฟ้าคาแรกเตอร์จะตรงข้ามกับน้ำคือปากไว คิดอะไรก็พูด แต่จะเป็นคนจริงใจ รักเพื่อน แต่ไม่ค่อยแสดงออก ไม่เหมือนน้ำที่จะคอยดูแลเทคแคร์เพื่อน ๆ ตลอดเวลา ฟ้าจะใช้ชีวิตเรื่อยๆติดแฟน คิดถึงแต่แฟนเป็นหลัก พอโดนแฟนบอกเลิกถึงมีโอกาสได้มองรอบ ๆ ตัว จนทำให้รู้ว่าตัวเองมองข้ามอะไรไปหลายอย่าง”

ทำไมถึงเลือก เป้ พีค ก้อย

เป้ รับบท พายุ, พีค รับบท ฟ้า, ก้อย รับบท น้ำ ผมเลือกเป้ ตามคาแร็คเตอร์ที่เขาเป็น คือดูเป็นเด็กเรียนมัณฑนศิลป์ เป็นนักเรียนดีไซน์ ขณะเดียวกันก็เป็นคนชอบเล่นดนตรี เล่นกีตาร์ ซึ่งลักษณะภายนอกของเป้ เขาจะมีคาแรกเตอร์ตรงกับที่ผมวาดภาพไว้ 100% ผมเลือกเป้มาก่อน แต่ตอนเลือกเป้มายังไม่รู้ว่าการแสดงเขาอยู่ในระดับไหน พอดีช่วงนั้นเป้มีหนังเรื่อง “บอดี้ ศพ19” หลังจากได้ดูผลงานของเขาถือว่าเขามีศักยภาพในการแสดงอยู่ในระดับดี ก็เลยตัดสินใจเลือกเขามารับบทนี้ พอได้พายุแล้วเราต้องหานักแสดงอีก 2 คน ที่จะมารับบทน้ำกับฟ้า เราต้องหาผู้หญิงที่ต้องมาเป็นคนที่ชอบเป้และก็เป็นคนที่เป้ชอบ หาไปหามาจนมาจบที่ พีค ซึ่งเพิ่งจบการโปรโมทจากภาพยนตร์ “สายลับจับบ้านเล็ก” พอดี ผมเห็นงานแสดงของเขาแล้วถือว่าดี แล้วพีคเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์เหมือนฟ้าที่เราวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการพูดคุย เขามีอารมณ์ความคิดคล้ายกับฟ้ามากที่สุด โดยไม่ต้องแสดงแต่เป็นธรรมชาติของเขาจริงๆ ผมเลยได้ ฟ้าและพายุ ในเวลาใกล้เคียงกัน เหลือตัวแสดงอีก 1 คน คือน้ำ ซึ่งเราก็ต้องหาคนที่ต้องเข้ากันได้ทั้งน้ำและพายุ ใช้เวลาเลือกอยู่นานมากจนมาเจอก้อย ตอนแรกที่เห็นภาพลักษณ์ของก้อยไม่ตรงกับคาแรกเตอร์ของน้ำที่เราวางไว้เลย เพราะบางครั้งก้อยเขาจะดูเหมือนฟ้ามากกว่า ผมเลยคุยกับก้อยว่าเป็นไปได้ไหมที่ก้อยจะรับบทน้ำในแบบที่ผมคิดไว้ คือต้องตัดผม และปรับคาแรคเตอร์บางอย่างซึ่งก้อยเข้าใจและก็สามารถที่จะตัดผมได้ คือก้อยจะต้องเล่นในบทที่ไม่เหมือนตัวเองเลย ในทางของนักแสดงถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เขาเลยตกลงรับบทนี้ พอลองตัดผมก้อยก็กลายเป็นน้ำอย่างที่ผมคิด เราก็เลยได้ตัวแสดงนำครบทั้ง 3 คน

การร่วมงานกับเป้เป็นอย่างไรบ้าง

– เห็นเขาเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น คือไม่ได้มีมุมลึกลับหักมุมอย่างที่คิด ซึ่งมันเป็นคาแรคเตอร์ที่ดูง่าย และเหมาะกับคนที่ชื่อพายุ เวลาทำงานด้วยกันเขาก็เป็นอย่างนั้น คืออะไรก็ได้แต่เป็นคนที่ตั้งใจทำงาน สนใจงานมาก เขาเล่นหนังเรื่องนี้ไม่เคยเกิน 3 เทค ส่วนใหญ่แค่ 2 เทค นอกนั้นเทคเดียวผ่าน ไม่รู้ว่าเล่นเรื่องแรกกี่เทค แต่พอมาเล่นเรื่องนี้เขาทำการบ้านมาดีมาก จังหวะแม่น สิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดตรงกัน มีอารมณ์เป็นธรรมชาติ ถือว่าเขาถ่ายทอดได้ดีมาก

การร่วมงานกับพีคเป็นอย่างไร

– คาแร็คเตอร์ของฟ้าค่อนข้างเป็นคนโฉ่งฉ่าง คนภายนอกจะเห็นได้ชัดว่าฟ้าเป็นคนยังไง แต่เวลาที่พีคเล่นกลับทำให้ฟ้ามี 2 มิติ คือลึก ๆ เขามีอะไรมากกว่าที่เห็น สิ่งที่เราหวังไว้คือ การแสดงที่เห็นชัดเจน โวยวาย แต่ลักษณะการเล่นของพีคมันกลับมีอารมณ์แบบ เหมือนพูดไปอย่างงั้น แต่ว่าคิดอะไรซ่อนอยู่ คือมันใช่คาแร็คเตอร์ที่เราวางไว้ แต่มันมีคาแร็คเตอร์สด คือคาแรกเตอร์ที่มีมิติมากกว่าที่เราวางไว้ ไม่ได้คิดว่าจะได้ แต่พอพีคเล่นแบบนี้ มันทำให้รู้สึกว่าตัวละครฟ้าที่คาแรคเตอร์ตื้นๆกลับมีมิติขึ้นมา การทำงานกับผมคือผมจะบอกให้เขาไปทำงานเอง เราจะไม่มีแอ็คติ้งโค้ชให้ต้องไปคิดเองว่าจะแสดงยังไง แล้วเขาก็คิดมาแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเขาจะสามารถเล่นออกมาได้แบบนี้ พอเขาเล่นแบบนี้ผมเลยรู้สึกว่าแบบนี้ดีกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้ ผมเลยปล่อยให้พีค แสดงไปตามธรรมชาติของเขาไป ถือว่าเป็นความโชคดี มันอาจจะเป็นความสดของเขา เพราะว่าสิ่งที่ผมบอกคือ ผมไม่ค่อยชอบเทคนิคการแสดงของคนเล่นเซียน ๆ คือเล่นจนคนดูจับได้ว่าจะร้องไห้ตอนไหน แต่การเล่นของพีคคนจะเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ น้ำตาจะไหลตอนไหน จู่ ๆ ก็ไหล ผมว่ามันเป็นความสด ณ เวลานั้นมากกว่า คือบางฉากผมเข้าไปพูดกับเขาว่า พีคอย่างนี้นะ คือพี่รู้ว่าพีคอาจจะทำไม่ได้แต่พี่ไม่ต้องการคนคิดมาก แต่หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังเศร้า จนน้ำตาจะไหล ทำได้ไหม “พี่มันยากนะ” พีคตอบผมทันที และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้องได้ แต่พอถ่าย พีคทำได้ น้ำตาออกมาในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่หลายครั้ง คือมันเหมือนสิ่งที่เราพูด เขารู้สึกแล้วแสดงมันออกมา ไม่ใช่ด้วยการบิ้วอารมณ์เพื่อบีบมันออกมา มันออกมาจากความรู้สึกข้างใน อันนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งและเป็นฉากที่สำคัญคือตอนแรกเตรียมตัวเขียนน้ำตาปลอม สุดท้ายเราก็เอาแค่นั้น ไม่สามารถเปลี่ยนได้ซึ่งตอนถ่ายซีนนี้รีบด้วย ต้องถ่ายทำแข่งกับแสงอาทิตย์ แล้วผมก็ต้องถ่ายเอง เพราะมันมีกล้อง 2 ตัว ผมมัวแต่สาระวนกับกล้อง เลยมองไม่เห็นน้ำตา แต่พอมาดูเทปก็ไม่ถ่ายใหม่แล้ว สิ่งที่พีคทำมันตรงกับที่เราต้องการแล้ว คือเทคเดียวผ่าน ไม่รู้ต้องเรียกว่าอะไร คงต้องเรียกว่าความสามารถนั่นแหละ

การทำงานกับก้อยเป็นอย่างไรบ้าง

– ก้อยเป็นคนที่มีเทคนิคการแสดงมาก่อนเพราะเคยเป็นแอ็คติ้งโค้ชของหนังเรื่อง “เด็กหอ” และมีเทคนิคการแสดงดีในเรื่องของการแสดงออกทางอารมณ์ แล้วบทที่ก้อยได้รับเป็นบทที่ไม่ค่อยได้พูดเยอะ คือตัวของฟ้านี่จะพูดเยอะ พูดยังไงใส่อารมณ์ยังไง ของน้ำจะเล่นยากกว่าอีกชั้นหนึ่ง คือพูดอีกอย่างในใจคิดอีกอย่าง ผมว่ามันน่าจะยากนะ แต่ทุกซีนที่ก้อยต้องแสดงออกในลักษณะแบบนี้ ก้อยทำได้ดีมาก ๆ จนไม่รู้จะพูดยังไง ทุกซีนที่ทำเสร็จคือ เราโชคดีมากที่เจอตัวละคร 3 แบบ สดและมีเทคนิคการแสดงแบบไม่ซ้ำ ผมบอกก้อยเหมือนกันว่า ก้อยพี่ช่วยอะไรก้อยไม่ได้นะ แต่สิ่งที่พี่อยากได้คือ พูด ๆ อยู่แล้วน้ำตาไหล แต่จะทำยังไงให้น้ำตาไหลแล้ว ไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเราเองน้ำตาไหลเพราะความเศร้า ตอนถ่ายเราก็ต้องถ่ายเองอีกแล้ว เพราะมีกล้อง 2 ตัว เราถ่ายเป้อยู่ อีกตัวก็ถ่ายก้อย เราไม่เห็นว่าก้อยแสดงยังไง แต่พอตอนสั่งคัทเสร็จแล้วได้มาดูเทปที่ตากล้องอีกฝั่งถ่าย ตอนก้อยพูดอยู่ แล้วน้ำตามันไหลออกมา มันทำให้ผมรู้สึกทันทีว่า นี่ทุกคนเล่นได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าเล่นได้ดีคนเดียวจะไม่รู้สึกขนาดนี้เลย แต่นี่เล่นได้ดีทั้ง 3 คน มันทำให้เรารู้สึกว่า นอกจากเขาจะมีความสามารถในการแสดงแล้ว เรายังมีโชคด้วย จะบอกว่าพวกเขาไม่ทำการบ้านก็คงไม่ใช่ เขาต้องทำการบ้านมาเยอะแน่ๆ ผมไม่ได้เช็คว่าเขาทำการบ้านมากันหรือเปล่า แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา คือสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวัง แล้วมันก็ออกมาดีเกินคาด นักแสดงเรื่องนี้ดีเกินคาดจริง ๆ ฉากของก้อยเป็นฉากที่พีคที่สุด คือเราเคยบอกก้อยว่า หนังเรื่องนี้เศร้าก็จริง แต่ว่าเราไม่ต้องการน้ำตาที่ไหลเป็นห่าฝน เราต้องการหยดเดียวอยู่ เป็นน้ำตาที่เหมือนกับว่าน้ำแบกความทุกข์มานานมาก มันแสดงออกแค่น้ำตาหยดเดียว เป็นหยดที่เจ็บปวดที่สุด หรือเป็นหยดที่ทุกข์ทรมานที่สุด แล้วเขาไม่ต้องร้องไห้ฟูมฟาย แต่ให้น้ำตาพูดแทน นั่นแหละ ก้อยก็มาพูดๆแล้วน้ำตาเขาก็ทำงานแทน เป็นฉากที่เซอร์ไพรส์และประทับใจผมมาก

การกำกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

– ปกติผมจะเป็นคนที่กำกับแบบละเอียด เคลื่อนที่ไปตรงนี้ นักแสดงไปตรงนั้น ผมค่อนข้างจะควบคุมกำกับการแสดงนักแสดงเยอะมาก ๆ แต่กับเรื่องนี้ไหน ๆ ธีมของมันก็เป็นธรรมชาติ แล้วผมก็ต้องการความธรรมชาติของนักแสดงมากที่สุด ก็เลยบอกกับนักแสดงว่าไหน ๆ ก็มาทำงานเป็นนักแสดงแล้วนี่ เราจะไม่ค่อยยุ่งนะ อยากให้นักแสดงทั้ง 3 คน ช่วยเหลือตัวเอง เพราะว่าเราไม่มีแอ็ตติ้งโค้ช ผมก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่อยากจะกำกับการแสดงแบบนั้น มันเหมือนกับการโยนความรับผิดชอบให้นักแสดง คือปกตินักแสดงเข้ามาก็จะมานั่งรอผู้กำกับบรีฟงาน ครั้งนี้ผมไม่ทำแบบนั้น พอผู้กำกับมาถึงนักแสดงต้องพร้อม ผมรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของนักแสดง แล้วการที่นักแสดงต้องช่วยเหลือตัวเองก็แสดงว่านักแสดงต้องทำการบ้านมาก่อน มาถึงต้องพร้อมเข้าฉาก ไม่มีการบรีฟงาน ไม่มีผู้ช่วยมานั่งทวนบทให้ เทคนิคนี้อาจจะทำให้นักแสดงคิดว่าตายแล้วต้องมารับผิดชอบงานแบบนี้ แต่มันเหมือนบีบให้เขาจะต้องสนใจงานโดยอัตโนมัติ ก็เลยปล่อยให้เขาพูดออกมาอย่างธรรมชาติ ไม่มีการไกด์คือเราบอกแค่ว่าจังหวะการพูดและอารมณ์เป็นยังไง ตัวละครเป็นยังไง แล้วหลังจากนั้นนักแสดงเขาเล่นเอง แล้วเขาก็เล่นได้ อาจจะเป็นเพราะเราบอกเขาว่าไม่ต้องสนใจว่า น้ำ ฟ้า พายุ จะเป็นคนยังไง แต่ให้สนใจที่ว่าเวลาพูด รู้สึกอย่างที่พูดหรือเปล่า คือเราต้องการความเป็นธรรมชาติ เราต้องการอารมณ์ที่เป็นจริงเป็นจังเวลาพูด ไม่ใช่ไปท่องบทมาจากบ้านแล้วมานั่งพูดหลอกเราแบบนี้ผมจะรู้ แต่รู้สึกว่าพวกเขาทำการบ้านกันมาดี การแสดงเลยออกมาธรรมชาติค่อนข้างสูง

– พอพูดถึงฉากจูบทุกคนเริ่มต้องเตรียมตัว ทุกคนตื่นเต้น คือตื่นเต้นนะดีแล้ว อยู่ ๆ มีคนบอกให้จูบกัน คือเกร็งกันหมด ผมบอกไม่เป็นไร เออ…เอาตามธรรมชาติ เป็นมูทที่ดีมาก ๆ มันสื่อถึงความเป็นตัวตนของพายุว่ามันทะนุถนอมผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน มันสื่อให้เห็นจากอาการเกร็ง ความรักของพายุที่มีต่อผู้หญิงคนนี้มากขนาดที่ มันกลัวปากเขาจะช้ำด้วยซ้ำไป นี่แหละความรู้สึกที่ฟ้ามันรู้ว่ารัก มันจูบแบบเกร็งจูบแบบไม่เอาเปรียบ ไม่ได้ถือโอกาส มันเป็นการสัมผัสที่สื่อถึงความจริงใจมากกว่าแสดงความหวาน ซึ่งการจูบในฉากนี้ผมปล่อยให้เขาเกร็ง พอปล่อยให้เกร็งเป็นธรรมชาติปั๊บมันก็เข้าทางอย่างที่ผมต้องการ คือพอทุกคนอึดอัดสายตามันจะล่อกแล้ก เอ๊ะ จูบแบบนี้มันจะยังไง คืออาการแบบนี้มันเหมาะกับซีนนี้ คือถ้าต้องการแบบหวาน ๆ อาการแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย ฉากนี้เป็นฉากโรแมนติกที่ไม่โรแมนติก แต่สื่อถึงความจริงใจ

การทำงานแตกต่างจากภาพยนตร์เรืองก่อนอย่างไร

– การทำงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมค่อนข้างรู้จังหวะหนังและการควบคุมอาจจะเรียกว่าโดยประสบการณ์มันทำให้เราแม่นว่าเราจะทำอะไรก่อน-หลัง พอเราแม่นเราก็จะเริ่มรู้สึกที่จะปล่อย ปล่อยให้คนโน้น คนนี้ ทำงานตามสบายได้ ความแตกต่างมากๆอีกอย่างก็คือธีมของเรื่องมากกว่า ปกติหนังของผมจะพูดถึงความรักเสมอ แต่มันจะถูกห่อด้วยแนวหนังผีบ้าง ตลกบ้าง แอ็คชั่นบ้าง แต่สุดท้ายแล้วพูดถึงความรัก แต่หนังที่ผ่านมาผมจะพูดถึงความรักในด้านลบเสมอ ไม่รู้ว่าทำไม หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมมองความรักในด้านบวก ผมมองทุกอย่างเป็นบวกหมด ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่สะอาดที่สุด เท่าที่เคยทำมา ความรักไม่ได้ถูกแทนค่าด้วยเซ็กซ์หรือกิเลสตัณหา แต่ความรักของเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงมิตรภาพที่น่าประทับใจ เป็นการแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกัน

พูดถึงฉากเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้

– เป็นฉากปาร์ตี้วันจบการศึกษาเราเปิดให้เห็นบรรยากาศของนักศึกษาคณะนี้ว่าเขามีชีวิตยังไง มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ที่คณะนี้เขาจะมีประเพณีคือตอนเป็นรุ่นน้องทุกคนจะถูกจับกลุ่ม แล้วก็เต้นประกอบเพลง ซึ่งสมัยเรียนเคยเต้นท่าบ้า ๆ บอ ๆ พอมาทำหนังคณะตัวเองเลยอยากเอาบรรยากาศแบบนี้มาถ่ายทอด แล้วเวลาเต้นท่าเพี้ยน ๆ ก็ไม่รู้จะเอาใครมาสอน จะจ้างนักเต้นก็ไม่ใช่ ก็เลยต้องไปสอนเอง ต้องเต้นแบบนี้แบบโน้น เป็นมุมบรรยากาศแบบเพื่อน ๆ น่ารัก ๆ ฉากนี้ทำให้นึกถึงสมัยเรียนนึกถึงบรรยากาศที่มันสนุกๆและมันเป็นฉากเปิดตัวว่า น้ำ ฟ้า พายุ เรียนอยู่ที่ไหน สนิทกันแค่ไหน 3 คนนี้คือนักศึ่กษาคณะมัณฑนศิลป์ เป็นหนังของคนที่เพิ่งจบปริญญาตรี ความรักของคนที่จบปริญญาตรีก็จะเป็นอีกระดับหนึ่ง คือมันจะปูคาแรกเตอร์มาว่าเพื่อนกลุ่มนี้มีกี่คน น้ำ ฟ้า พายุ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง พวกเขาเป็นห่วงกันขนาดไหน

ฉากที่ทั้ง 3 คน เจอกันที่โรงพยาบาล

– เป็นธีมของ “รัก|สาม|เศร้า” เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด “รัก|สาม|เศร้า” ขึ้น ฉากนี้ควบคุมค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ควบคุมนักแสดง แต่เราควบคุมตำแหน่งที่นักแสดงต้องยืนอยู่ น้ำจะยืนอยู่ตรงหน้าต่างให้แสงข้างนอกเข้ามามากกว่าหน้า พายุกับฟ้าจะนั่งประจันหน้ากัน ซึ่งมีน้ำอยู่ตรงกลาง คือเราจะใช้ธีมนี้เป็นหนัง “รัก|สาม|เศร้า” ในซีนนี้เต็มที่ ความหมายของคำว่า “รัก|สาม|เศร้า” จะถูกถ่ายทอดออกมาจากตรงนี้ ทุกมุม อารมณ์ การพูด จะถูกไล่ 1, 2, 3 ทุกอย่างจะถูกบล็อคชัดเจน แต่สิ่งที่เราจะทำให้รู้สึกธรรมชาติก็คือแอ็คติ้ง เพราะบล็อคกิ้งเราล็อคให้เป็นสามเหลี่ยม แต่อารมณ์นักแสดงความเป็นธรรมชาติทำให้บล็อคกิ้งกลายเป็นธรรมชาติ

เล่าถึงฉากที่ พายุ ต้องจูบ ฟ้า

– เป็นฉากที่เกิดขึ้นหลังจากที่เปิดเผยความในใจกันไปแล้ว เป็นฉากที่ฟ้าอยากจะรู้ว่าเพื่อนของเขา ชอบเขาจริงหรือเปล่า ความที่ไม่เชื่อคำพูดผู้ชายแล้ว เวลาถาม ฟ้ามันจะไม่เอาคำตอบแล้ว ฟ้าจะมีวิธีเช็คของมันเอง โดยการกระทำ โดยไม่ต้องการภาษาพูดแล้ว แต่ต้องการภาษากายโดยเขาเชื่อว่าคำพูดมันสามารถโกหกกันได้ แต่ภาษากายโกหกไม่ได้ วิธีเทสต์ของฟ้าก็คือถามพายุตรง ๆ ว่า “มึงชอบกูจริง ๆ หรอ” พายุพยักหน้า แล้วฟ้าก็พูดว่า “ไหนมึงลองจูบกูดิ” คือบทถูกเขียนมาแบบนี้ การแสดงมันจะเดินไปด้วยความอึดอัด ซึ่งฟ้าเชื่อว่าไอ้คนที่ไม่ได้เตรียมตัวจะโกหกไม่ทัน มันจะเป็นความโรแมนติกแบบไม่ 100% มันไม่ได้เป็นการจูบแบบแฮปปี้ มันเป็นความโรแมนติกที่พูดความจริง ใครโกหกใครหลอกลวง มันเป็นความโรแมนติกที่ซีเรียส มันเป็นซีนที่ให้อารมณ์ของความนุ่มนวลไม่เลี่ยน คือผมคิดไง ว่าจะทำฉากจูบยังไงให้ไม่ อี๋!! ถ้าไม่อี๋ก็จะต้องไม่เลี่ยน ก็ต้องไม่โรแมนติก ฉากจูบแบบนี้ 2 คนนี้คงจะจำไปอีกนาน แล้วเราเชื่อว่าคนดูจะจดจำด้วย ไดอะล็อคแบบนี้ ในฉากมันมองตากันไม่ได้มองด้วยความหวานซึ้ง แต่มันมองตาด้วยความเข้าใจอะไรตรงกัน ความรักมันไม่ได้เกิดจากรสสัมผัสของการจูบ แต่ความรักของคู่นี้มันเกิดจากความที่เข้าใจกัน

นักแสดง

เป้ กับ สาม เศร้า ในชีวิตจริง

เศร้าที่ 1 เศร้า…ถ้าต้องเสียคนรัก หรือ ของที่เรารักไป

เศร้าที่ 2 เศร้า…เมื่อทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้ เช่น เล่นคอนเสิร์ตได้ไม่ดี

เศร้าที่ 3 เศร้า…เมื่อคนที่เรารักเสียใจ เขาเสียใจเราก็เสียใจด้วย

และ เป้ กับ “รัก|สาม|เศร้า” ในบท พายุ

…เป็นหนุ่มนักดนตรี หน้าเซอร์ ขาเดฟ (มาก) แห่งวง Slur ได้ไม่นานอนุภาพความหล่อก็พุ่งตรงเข้าตาผู้กำกับจนถูกฉกตัวมารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องแรก บอดี้..ศพ#19 และด้วยความสามารถทางการแสดงที่มาแรงพอ ๆ กับความสามารถด้านดนตรีบวกกับคาแร็คเตอร์ที่เซอร์โดนใจเด็กแนว และโดนใจผู้กำกับแนวๆอย่าง ต้อม-ยุทธเลิศ เข้าอย่างจัง เขาจึงถูกเลือกให้รับบท พายุ หนุ่ม มัณฑนศิลป์ อารมณ์วู่วาม ที่รักการเล่นดนตรี และมีใจให้เพื่อนรัก ในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของเขา รัก สาม เศร้า “ผมรับบท พายุ นักศึกษาศิลปากรที่เพิ่งจบ เป็นคนนิ่งๆ ชอบเล่นดนตรีและรับจ๊อบเล่นตามผับ พายุแอบชอบฟ้า ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่คณะเดียวกัน แต่ฟ้ามีแฟนที่คบกันมานานอยู่แล้วหลังจากเรียนจบมีเหตุการณ์ที่ทำให้พายุตัดสินใจบอกความในใจกับฟ้า และการตัดสินใจของเขาทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย”

การทำงานกับพี่ต้อม

– ตอนเจอกันครั้งแรก ผมก็เกร็ง แต่พอทำงานด้วยกันไปเรื่อย ๆ พี่ต้อมเป็นคนตลกมาก การโค้ชของเขาคือไม่ได้โค้ชหน้ากอง แต่จะมาโค้ชโดยการตั้งวงคุยกันก่อนเข้าฉากมากกว่า พี่ต้อมก็จะบอกว่าตัวละครตัวนั้นเป็นแบบนี้ แบบนั้น พอเริ่มถ่ายพี่ต้อมจะเป็นคนเครียดๆและดูเป็นคนดุมากคนหนึ่ง แต่ทุกคนในทีมที่เคยทำงานมาด้วยกันก็จะเข้าใจและเกรงใจพี่ต้อมมาก พอสั่งคัตท์ พี่ต้อมก็จะกลับมาตลก เฮฮาเหมือนเดิม การทำงานก็สนุกมากครับ

ร่วมงานกับพีคเป็นอย่างไร

– น้องพีคดูภายนอกเหมือนจะเซ็กซี่ แต่ความจริงแล้วน้องเขาเด็กมาก ช่างพูด ช่างคุย ร่าเริงสดใส เป็นคนน่ารักโดยธรรมชาติ บางครั้งเวลาเข้าฉากก็มีตื่นเต้นบ้าง แต่เขาแสดงเก่งมากครับ ตั้งใจทำงานและตรงเวลามาก

ร่วมงานกับก้อยเป็นอย่างไรบ้าง

– เขาเป็นคนตลกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ทำงานด้วยแล้วไม่เครียดสบาย ๆ ฉากไหนที่ผมเล่นไม่ได้เขาก็จะคอยแนะนำตลอด แต่พอเวลาเขาเล่นไม่ได้ ผมจะคอยแกล้งจนถูกไล่ให้ไปไกลๆตลกดีครับผมชอบกวนเวลาที่เขาต้องใช้สมาธิ

พายุ กับ เป้ ต่างกันตรงไหน

– เป้จะพูดจายิ้ม ๆ และชอบหัวเราะ แต่พายุจะพูดจาแบบนิ่ง ๆ ขรึม ๆ หน่อย คือมองภายนอกคล้ายกัน แต่ถ้าได้คุย 2 คนนี้ต่างกันมากครับ

แสดงหนังเรื่องนี้ต่างจากเรื่องก่อนอย่างไร

– ต่างจากเรื่อง บอดี้ ศพ#19 มาก เพราะว่าเรื่อง บอดี้ฯ ถ่ายเหมือนฮอลลีวู้ด เล่น 20-30 ครั้ง คือเวลาถ่าย กล้องจะรับหน้า รับข้าง รับบนหัว รับใต้ตัว คือซีนหนึ่งก็จะใช้เวลาเยอะมาก แต่เรื่อง “รัก|สาม|เศร้า” ถ่ายทำแบบยุโรป สวีดิช กล้องจะนิ่งๆ รับหน้า มุมกว้าง มุมแคบ จบ แต่ว่าคาแรคเตอร์ในเรื่อง บอดี้ฯ จะเป็นตัวผมมากกว่าถึงจะยากเพราะมีฉากที่ต้องแสดงอาการกลัวค่อนข้างเยอะ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพูดจาแบบนั้น ในขณะที่พายุจะพูดจาอีกแบบหนึ่ง และ “รัก|สาม|เศร้า” จะเน้นที่คำพูดและสายตามากกว่าผมจะจับอารมณ์ของพายุได้จากวงสนทนาของพี่ต้อมมากกว่าอยู่หน้าเซ็ทเพราะพี่ต้อมจะไม่ได้โค้ชอะไรมาก ขอแค่พูดให้ถูกเล่นให้ถูกก็พอ พี่เขาจะคมมากเขารู้ว่าจะตัดต่อยังไง ถ่ายทำแค่ไหน

เตรียมตัวก่อนมารับบทพายุอย่างไร

– อ่านบทและทำความเข้าใจหลายรอบมาก เพราะเรื่องนี้ไม่มีการ เวิร์คช็อป ไม่มีแอ็คติ้งโค้ช ด้วย ใช้วิธี เวิร์คช็อป โดยการเรียกไปนั่งคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับบทเท่าไหร่ แต่มันโอเคนะ พอเราเข้าใจว่าพายุมันพูดจาอย่างนี้ รู้สึกแบบนี้ ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น บทมันไม่โหดร้ายอะไรมากมันอยู่กับความจริงมากกว่า

ต้องไป ม.ศิลปากรเพื่อดูชีวิตของนักศึกษาที่นั่นหรือเปล่า

– ไม่ต้องดูเลยครับ ผมมีเพื่อนอยู่ศิลปากรเยอะ และผมก็เคยไปเที่ยวเล่นที่ศิลปากรบ่อย ตอนถ่ายทำ ผมยังไปนั่งเล่นที่หอเพื่อนที่เป็นเด็กศิลปากรเลย ก็เลยไม่ต้องศึกษาอะไรมาก ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันยังไง

เคยดูผลงานของพี่ต้อมที่ผ่านมาบ้างไหม

– ดูทุกเรื่องครับ ยกเว้นหนังผี (บุปผาราตรี) ผมดูตั้งแต “มือปืน/โลก/พระ/จัน” ที่จี๊ดสุดคงเป็นเรื่อง “กุมภาพันธ์” เป็นหนึ่งในหนังไทยที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง สุดยอดจริง ๆ

ได้ร่วมกับพี่ต้อมรู้สึกอย่างไร

– พอรู้ว่าจะได้ร่วมงานกันก็ดีใจมากครับ พอเจอครั้งแรกก็ตื่นเต้นมาก แต่พอถ่ายทำเสร็จแล้วก็อยากร่วมงานกับพี่ต้อมอีก พี่ต้อมและทีมเขาโปรฯ มาก ทุกคนจะเหมือนมือขวาของพี่ต้อมทุกคน สั่งอะไรเขาก็จะรู้ฟิวกันหมด ทีมนี้สนิทกันมาก ๆ เวลาทำงานก็จะสนุกสนาน ความสุขตรงนั้นมันก็เผื่อแผ่มาที่ผมด้วยเพราะพี่ ๆ เขาเทคแคร์ผมดีมาก

ฉากจูบของ ฟ้า และ พายุ

– ฉากนี้ยากมาก เพราะผมไม่เคยจูบใครที่ไม่ใช่คนรัก แล้วก็ไม่เคยจูบกับใครเพราะการแสดงมาก่อน ฉากนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่พายุบอกความในใจกับฟ้าไปแล้ว ฟ้าก็พยายามจะรู้ว่าพายุชอบเขาจริงหรือเปล่า เหมือนเป็นวิธีเช็คความจริงใจของฟ้า ตอนถ่ายก็เขินครับ หลายเทคเหมือนกัน

“รัก|สาม|เศร้า” เป็นภาพยนตร์รักเรื่องแรกของผม โดยส่วนตัวผมชอบดูหนังแนวดราม่าอยู่แล้วพอมีโอกาสได้มาเล่นก็ดีใจมาก ผมตั้งใจและทุ่มเทเต็มที่ ที่สำคัญหนังเรื่องนี้เเป็นหนังรักด้านบวกในรอบ 10 ปีของพี่ต้อมด้วย และใครที่อยากดูผมในคาแรกเตอร์ธรรมดาบ้างก็ลองเข้าไปชมกันนะครับ รับรองว่าหนังเรื่องนี้สนุกและซึ้งจริง ๆ

ถ้ามี รัก สาม เศร้า เกิดขึ้นในชีวิตจะทำอย่างไร

“ผมคงต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง คนที่เรารู้สึกดีกับเขามาก ๆ ผมจะเลือกคนจากความรู้สึกมากกว่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อีกคนหนึ่งก็ควรที่จะทำใจให้ได้ ช่วงแรกเขาอาจจะทำใจไม่ได้ แต่เวลาจะช่วยให้ความรู้สึกเขาดีขึ้น มันไม่ใช่เรื่องโหดร้าย แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่า”

 

พีค กับ สาม เศร้า ในชีวิตจริง

เศร้า ที่ 1 เศร้า…ถ้าผิดหวัง ในสิ่งที่เราคาดหวังไว้ เช่น เราคิดว่าคนนี้เขาเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก มันเสียความรู้สึก มันเศร้าที่เขาไม่จริงใจ

เศร้า ที่ 2 เศร้า…ถ้าต้องสูญเสียคนที่เรารักและผูกพันไป คงทำใจไม่ได้

เศร้า ที่ 3 เศร้า…ถ้าสุขภาพไม่ดี กลัวตัวเองจะป่วย มันคงท้อแท้มาก อยากมีชีวิตให้นานที่สุด เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักนานที่สุด

และ พีค กับ “รัก|สาม|เศร้า” ในบท ฟ้า

…สาวสวยเซ็กซี่ผู้รับบท น้ำปั่น ในภาพยนตร์น่ารักน่าชัง เรื่อง สายลับ จับบ้านเล็ก พีค-ภัทรศยา ขึ้นแท่นสาวทรงเสน่ห์ทันทีเมื่อภาพยนตร์ออกฉาย และได้รับฉายาจากสื่อต่าง ๆ ตามธรรมเนียมคนดังว่า สาวเจ่อมหาเสน่ห์ ด้วยบุคคลิกและคาแรกเตอร์กระชากใจหนุ่ม ปีนี้เธอมีโอกาสได้มารับบทบาทสำคัญอีกครั้งในบทของ ฟ้า สาวมั่น สวยเซอร์ และไว้ผมหน้าม้า ของภาพยนตร์เรื่อง รัก|สาม|เศร้า “คาแร็คเตอร์ของฟ้าจะเป็นค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วก็ยึดมั่นในความคิดตัวเอง เป็นสาวค่อนข้างเซอร์ ไม่ค่อยแคร์อะไรมาก แล้วก็เป็นคนรักเพื่อน”

การร่วมงานกับพี่ต้อม

– ตอนแรกที่เจอไม่ค่อยสนิทกันเลยเพราะรู้สึกว่าพี่เขาเป็นผู้ใหญ่มาก แต่พอได้มาร่วมงานกันก็รู้แล้วว่าทางของพี่เขาเป็นยังไง พี่ต้อมก็รู้ทางของพีค พีคก็รู้ถึงความต้องการของพี่ต้อม ว่าอยากได้อารมณ์การแสดงประมาณไหน พอผ่านไปสัก 2-3 คิวการทำงานก็ค่อนข้างราบรื่นแล้วค่ะ

การร่วมงานกับเป้

– พีครู้จักกับพี่เป้มาก่อนอยู่แล้ว จากเรื่อง บอดี้ ศพ#19 เพราะเราจะเจอกันที่ออฟฟิศบ่อย พี่เป้เป็นคนที่ง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก บางทีก็ตลกบ้าง การร่วมงานกันก็ไม่มีปัญหาอะไร

ร่วมงานกับก้อย

– ใน 3 คน พีคจะเด็กสุด ตอนแรกก็กลัวว่าจะทำให้พี่ ๆ เขาทำงานยากเพราะต้องเล่นเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่มีปัญหาเราเข้ากันได้ดี และดีมากตรงที่พี่ก้อยเคยเป็นแอ็คติ้งโค้ชมาก่อน ก็จะสามารถช่วยพีคได้ อย่างน้อยคนมีประสบการณ์น่าจะรับส่งอารมณ์กันได้ดี ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันบ้าง แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน พอมาเล่นหนังด้วยกันนพีครู้สึกว่าเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้จริง ๆ คือเวลารับส่งอารมณ์กันมันลึกซึ้ง ต่างคนต่างส่งอารมณ์ให้กัน เวลาเล่นทำให้รู้สึกว่ามันจริงมาก ๆ

เรื่องนี้ต่างจากสายลับ จับบ้านเล็ก อย่างไร

– ต่างมากเพราะว่า สายลับจับบ้านเล็ก จะเป็นหนังความรักโรแมนติก คอมมาดี้ แต่ “รัก|สาม|เศร้า” จะเป็นมีส่วนของดราม่าค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นอารมณ์ของทั้งสองเรื่องมันแตกต่างกันมาก

เตรียมตัวอย่างไร

– พอได้บทมา พีคดูบทแล้วพยายามคิดถึงฟ้าในแง่มุมของเรา แล้วก็ปรึกษากับพี่ต้อมบ้าง เพราะไม่มีแอคติ้งโค้ชมาช่วย ต้องทำการบ้านเองและต้องมีสามาธิมาก เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนตัวเองมาเป็นสาวเซอร์ พีคก็จะพยายามศึกษาจากเด็กศิลปากรว่าเป็นยังไงบ้าง เวลาเขาพูด เขาคุยกันประมาณไหน ฝึกพูดจาตรง ๆ ห้วน ๆ หนักแน่น เพราะพีคเป็นคนเสียงเล็กและพูดเร็ว

คาแร็คเตอร์ของฟ้าต่างกับกับพีคอย่างไร

– ตอนแรกพีคคิดว่าต่างกันเยอะ แต่พอได้มาเล่นมันก็มีความเหมือนอยู่บ้าง ตรงที่จะเป็นคนตรงไปตรงมา รักเพื่อน พีครู้สึกว่ามันใกล้เคียงกับตัวพีคเหมือนกัน บุคคลิกภายนอกของพีคอาจจะไม่เซอร์ แต่ฟ้าจะเซอร์มากเพราะว่าเป็นเด็กศิลปากร จะไม่เหมือนกันเลยก็ตรงการแต่งตัว

ฉากเผยความในใจระหว่าง ฟ้า กับ น้ำ

– ฉากนี้ยากมาก เพราะว่าฟ้ารู้แล้วว่าน้ำ รัก พายุ และฟ้าก็รู้สึกแย่ที่ไปคบกับพายุทั้งๆที่น้ำชอบ พอได้เปิดใจกัน ทำให้เรารู้ว่าเรารักกันมาก ความรักระหว่างเพื่อสามารถทำให้เราเสียละเพื่อกันและกันได้ เป็นซีนที่ทั้งดีใจ เสียใจ ประทับใจของ 2 คนนี้ คือเสียสละให้กันเพราะรักกันมากจริง ๆ พี่ต้อมอยากให้เราคุยกันแบบเข้มแข็ง แต่ฟ้ามันอ่อนแอแล้ว พีคกดอารมณ์ไว้ไม่ค่อยอยู่ก็เลยต้องค่อยๆกดอารมณ์ลง แต่สุดท้ายตอนที่กอดกันมันเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้วก็ปล่อยออกมาเต็มที่ จะยากตรงที่ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อนแล้วค่อยๆปล่อยออกมาตอนท้าย

ความรักที่ฟ้ามีให้กับน้ำเป็นความรักระหว่างเพื่อน ที่มีให้กันอย่างจริงใจและความรักที่ฟ้ามีให้กับพายุมันเริ่มมาจากความเป็นเพื่อน พีคคิดว่าใครที่ได้ดูแล้วน่าจะซึ้งไปกับมิตรภาพระหว่างเพื่อน เพื่อนที่รักเพื่อนและพร้อมที่จะทำให้เพื่อนมีความสุข โดยที่ไม่คิดถึงตัวเอง มันแสดงถึงมิตรภาพที่มีทั้งความเศร้าและความสุขในเวลาเดียวกัน

ถ้ามี รัก สาม เศร้า เกิดขึ้นในชีวิตจะทำอย่างไร

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพื่อนก็คือเพื่อน ถ้าเพื่อนไม่มีความสุขเราจะมีความสุขได้ยังไง”

 

ก้อย กับ สาม เศร้า ในชีวิตจริง

เศร้า ที่ 1 เศร้า…เพียงแค่คิดว่าคนที่เรารักต้องจากไป

เศร้า ที่ 2 เศร้า…ถ้าทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจ

เศร้า ที่ 3 เศร้า…ทุกครั้งที่เห็นคนพิการ คนแก่ ที่ต้องตกระกำลำบาก

หรือภาพเหตุการณ์สะเทือนใจต่างๆ เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย

และ ก้อย กับ “รัก|สาม|เศร้า” ในบท น้ำ

…โชว์เสียงใส ๆ อยู่บนหน้าปัดวิทยุมาพักใหญ่ จนใครๆเรียกกันติดปากว่า ดีเจ ก้อย นอกจากความสามารถในการเป็นดีเจและพิธีกรแล้ว ก้อย-รัชวิน ยังมีความสามารถด้านการแสดงฉายแววมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ดูจากผลงานที่ผ่านมาคงพอจะบอกได้ว่าเธอเป็นนักแสดงที่ทำงานมาแล้วเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะละคร ซิทคอม โฆษณา ถ่ายแบบ นักร้อง และ น้ำ คือบทบาทใหม่ล่าสุดของเธอในภาพยนตร์เรื่อง “รัก|สาม|เศร้า” “คาแร็คเตอร์ของน้ำจะเป็นคนนิ่ง ๆ เป็นผู้หญิงที่ห้าวเล็กน้อย เวลาอยู่กับเพื่อนจะธรรมดา แต่ถ้าอยู่กับคนที่เขาชอบก็จะนิ่งหน่อย และเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไว้กับตนเองจะไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกให้ใครรู้”

การร่วมงานกับพี่ต้อม

– เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ พี่ต้อม ยุทธเลิศ สนุกมาก เพราะนอกเหนือจากเวลาทำงาน พี่ต้อมจะเป็นคนที่ตลกมาก เป็นกองที่สนุกแล้วก็ตลกที่สุด คือทุกคนก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน พอถึงเวลาทำงานจริงก็จริงจัง ซีเรียส อาจจะดูดุนิด ๆ แต่ด้วยความที่พี่ต้อมมีความเป็นวัยรุ่นในใจสูง เลยเข้ากับพวกเราได้ง่าย พี่ต้อมไม่ยอมทำตัวแก่เลย วิธีการทำงานก็เลยง่ายขึ้น สื่อสารกันเข้าใจ ถ้าก้อยไม่เข้าใจก็จะถามทันที ทำให้ไม่ค่อยมีปีญหาอะไรมาก

เคยดูผลงานของพี่ต้อมมาก่อนไหม

– ก็เคยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น บุปผาราตรี กุมภาพันธ์ โกยเถอะเกย์ ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จริงๆแล้วพี่ต้อมเป็นผู้กำกับที่มีความเป็นศิลปินสูง มีหลายอารมณ์ คือไม่ใช่แค่มีอารมณ์รัก อารมณ์โรแมนติกอยางเดียว ยังมีอารมณ์ขันอยู่ด้วย นี่คือเสน่ห์ในการทำงานของพี่ต้อมพี่เขาจะถ่ายทอดออกมาในมุมของเขา ทำให้ไม่รู้สึกหวานจนเลี่ยน แต่รู้สึกว่าเป็นความรักที่ซึ้งๆเป็นหนังรักด้านสว่างในรอบ 10 ปีที่พี่เขาอยากทำ พี่ต้อมตั้งใจและทุ่มเทเกินร้อยเปอร์เซ็นต์

ร่วมงานกับเป้เป็นอย่างไร

– ด้วยความที่รู้จักกันมาก่อน เลยทำให้การทำงานไหลลื่นมากขึ้น เหมือนได้พูดคุยกันมาก่อนแล้ว เลยรู้สึกเหมือนได้นำเอาความเป็นเพื่อนมาใช้ในหนัง ทำให้เราปรับตัวเข้าหากันได้ง่าย ถ้าเกิดว่าเราต้องเข้าฉากด้วยกัน แล้วมีอะไรไม่เข้าใจก็จะช่วยกัน เลยรู้สึกว่าการทำงานสบายดี

ร่วมงานกับพีคเป็นอย่างไร

– เคยดูผลงานน้องใน สายลับจับบ้านเล็ก มาก่อน ซึ่งตอนนั้นเราก็จะติดภาพความเป็นน้ำปั่นของเขา แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องเป็นสาวเซอร์ ซึ่งแตกต่างจากน้ำปั่นมาก แต่น้องเขาก็ทำได้ดี การร่วมงานกันก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่เราจะรวมตัวกันเม้าท์และกินขนมในกองถ่ายตามประสาสาว ๆ

เตรียมตัวก่อนถ่ายทำอย่างไร

– เตรียมตัวค่อนข้างเยอะ เช่นเรื่องของทรงผม จากที่เคยไว้ผมยาวก็ต้องตัดสั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ตัดผมสั้นขนาดนี้ ในส่วนของการทำงานก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้กำกับและวิธีการแสดงที่ผู้กำกับต้องการ อาจจะแตกต่างจากที่เคยเล่นมาเพราะพี่ต้อมจะเป็นคนที่ชอบอะไรน้อย ๆ เล็ก ๆ คือพี่เขาจะพูดอยู่เสมอว่าไม่ต้องแสดงอารมณ์เยอะ เอาให้น้อยที่สุด ซึ่งบางทีเราอิน จนทำให้อารมณ์มันเยอะเกินไป ก็เลยต้องปรับให้ลดลงเพื่อให้พอดีกับสิ่งที่พี่ต้อมต้องการ

ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

– ต้องปรับและเปลี่ยนเยอะเพราะเป็นการรับบทนำครั้งแรกและตัวละครค่อนข้างที่จะห่างไกลจากตัวเรา น้ำเรียนอยู่มัณฑศิลป์ ม.ศิลปากร เราก็ต้องไปศึกษาว่าเด็กมัณฑศิลป์ใช้ชีวิตกันยังไง แต่งตัวยังไง มีทัศนคติยังไง รวมถึงการทำความเข้าใจบท บทเราก็จะอ่านซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เข้าใจและรู้สึกเป็นตัวละครนั้นให้ได้จริง ๆ คือเราต้องตัดความเป็นตัวเองไปค่อนข้างเยอะ เลยต้องทำการบ้านหนัก ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็จะถามพี่ต้อมทันที

ฉากที่พายุ สารภาพความในใจกับฟ้า

– ก่อนหน้านั้น ฟ้ากับน้ำ อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างกับพายุ ก็เลยเรียกพายุมาที่โรงพยาบาล เป็นจุดเริ่มต้นให้ฟ้าถามพายุว่า คิดอะไรกับฟ้าหรือเปล่า มีคนเขาอยากรู้ ซึ่งคนๆนั้นก็คือน้ำ พายุก็สารภาพว่าคิด ซีนนั้นเป็นซีนที่ความรู้สึกมันอัดแน่นอยู่เต็มห้อง มันมีความอึดอัด และกดดันเกิดขึ้น ฟ้าตั้งคำถามขึ้นเพราะแค่อยากถามๆดู แต่ไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่พายุก็บอกความรู้สึกจริง ๆ กับฟ้า ในขณะเดียวกันน้ำก็รอลุ้นอยู่ว่าพายุจะคิดอะไรกับฟ้าจริง ๆ หรือเปล่า ทันทีที่พายุสารภาพกับฟ้าหัวใจของน้ำตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว มันพูดอะไรไม่ออก เพื่อนที่เราแอบชอบมาตลอดก็แอบชอบเพื่อนเราอีกที มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนกับว่าขณะที่เราได้ยินพายุสารภาพกับ ฟ้า ใจมันหายไปเลย เหมือนโลกทั้งโลกมันหยุดนิ่งและเราก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกอะไรออกมาได้เลย ทำได้ก็แค่ยืน นิ่ง เงียบ ตอนนั้นเราก็ยังไม่แน่ใจว่า ฟ้า จะรู้สึกอะไรกับพายุหรือเปล่า คือสถานการณ์ตอนนั้นทั้ง 3 คน ก็ตกใจ ฟ้าเองก็ไม่คิดว่าพายุจะรู้สึกอะไรกับฟ้า น้ำเองก็ไม่คิดว่าพายุจะชอบฟ้าขึ้นมาจริงๆตัวพายุเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดออกไป มันเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทั้ง 3 คน ในที่สุดน้ำเป็นคนที่ได้สติและบอกให้พายุออกไปจากห้องและหลังจากนั้นน้ำก็ถามฟ้าว่า ฟ้าจะเดือดร้อนอะไรถ้าหากว่าไม่ได้คิดอะไรกับพายุ แต่คำตอบที่น้ำได้รับคือ ท่าทีที่ไม่แน่ใจของฟ้าและสายตาที่เราเห็นความหวั่นไหวของตัวละครตัวนี้ โดยที่ฟ้าไม่ต้องพูดอะไรออกมา แค่นั้นน้ำก็รู้แล้วว่าฟ้ารู้สึกอะไรบางอย่างกับพายุเหมือนกัน

ฉากนี้ยากไหม

– ยากมากเพราะมันเป็นซีนที่ถ้าใครเจอสถานการณ์อย่างนี้ เชื่อว่าคงเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง มันพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก แล้วเราก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเราออกไปได้ เราต้องเก็บความรู้สึก กดมันไว้ให้ลึกที่สุด และใช้ความมีสติของเราเป็นที่ตั้ง บางทีมันก็ยากกว่าการแสดงอารมณ์ออกมาตรงๆ ก็เป็นอีกหนึ่งซีนที่ค่อนข้างยากพอสมควร อีกซีนที่ยากก็คือซีนที่น้ำและฟ้าได้พูดความรู้สึกจริง ๆ ที่มีต่อกัน เพราะที่ผ่านมาน้ำกับฟ้าไม่เคยพูดความรู้สึกออกมาเลย ต่างคนต่างไปคิดเองว่าอีกคนหนึ่งจะรู้สึกยังไง พอได้มาเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน มันจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างพรั่งพรูออกมา แต่มันก็แสดงถึงมิตรภาพของเพื่อน และได้พบว่าทั้ง 2 คน รักกันมาก คนดูจะได้เห็นว่ามิตรภาพของฟ้ากับน้ำที่รักกันและก็พร้อมที่จะเสียสละให้กันเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะจบด้วยน้ำตาแต่ก็เป็นน้ำตาของความซาบซึ้งใจมากกว่าความเศร้า

ความเศร้ามีอยู่หลายรูปแบบ แต่ รัก สาม เศร้า เป็นความเศร้าแบบซึ้ง ๆ หลายคนอาจจะมองว่าต้องจะต้องซึ้งจนน้ำตาท่วมจอแน่ แต่ก้อยเชื่อว่าในความเศร้ามันมีรอยยิ้มเจอปนอยู่ พอดูหนังเรื่องนี้จบคุณจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่บระหว่างเพื่อน รวมถึงมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นเพื่อนด้วย

ถ้ามี รัก สาม เศร้า เกิดขึ้นในชีวิตจะทำอย่างไร

“ถ้าเกิดขึ้นจริงเราคงยินดีที่จะให้เพื่อนของเรามีความสุข ถ้าเขา 2 คนจะรักกันเราก็ไม่ควรไปขวาง ก้อยเป็นคนที่ค่อนข้างประนีประนอม แล้วก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบ สาม เศร้า มันเป็นความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินออกไป ความสัมพันธ์มันก็คงคาราคาซัง ไม่มีความสุข ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าสุดท้ายความรักมันก็เป็นเรื่องของคน 2 คน ต้องมีคนหนึ่งที่ยอมเจ็บ ถ้าเราเป็นคนเดินออกไปแล้วเราทำให้อีก 2 คนมีความสุขกับเรื่องที่เกิดขึ้นเราก็ควรจะทำ”

 

 

Share this article :

แสดงความคิดเห็น